บทที่ ๒ ไอ้คนโง่
เฉินเหยียนเฟยพอจะเดาเรื่องราวที่ผ่านมาได้บ้างเขานั่งจ้องใบหน้าของหลินเยี่ยนจือคนอะไรทั้งสวยทั้งน่ารัก เจ้าพ่อมาเฟียตัวจริงก็โง่เสียยิ่งกว่าอะไรมีเมียสวยขนาดนี้ยังไม่รักเมีย
“คุณเป็นภรรยาผมจริงๆ ใช่ไหม”
“คุณถูกยิงที่หน้าอกทำไมสมองถึงได้รับความกระทบกระเทือน” หญิงสาวทำท่าทีสงสัยเพราะตั้งแต่นั่งคุยกันมาเขาจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำไม่รู้จะเสียใจหรือดีใจ
“คนไข้การสูญเสียความทรงจำชั่วคราวครับอาจจะมีเรื่องอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจ [1]” คุณหมออธิบายไปเกี่ยวกับอาการป่วยของชายหนุ่มแต่หลินเยี่ยนจือไม่เชื่อว่าเขาจะความจำเสื่อม
เฉินเหยียนเฟยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบหนึ่งเดือนเต็มถึงได้กลับมาที่คฤหาสน์หลังโตที่เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะได้มาอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณชาย” สาวใช้ทั้งหลายต่างพากันมายืนรอต้อนรับเจ้านายที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล
“ตามสบาย”
เขาเดินตัวปลิวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่โตและเห็นรูปแต่งงานของเฉินเหยียนเฟยกับหลินเยี่ยนจือรู้สึกคันยุกยิกที่หัวใจไม่น้อย ‘นายตายไปแล้วต่อไปฉันจะดูแลหลินเยี่ยนจือเอง’
“หลิวเยี่ยนจืออยู่ไหน”
“คุณผู้หญิงออกไปทำงานค่ะกลับมาอีกทีช่วงเย็นๆ”
“ทำงาน?”
“ใช่ค่ะคุณผู้หญิงต้องทำงานเพราะเอ่อ คุณผู้ชายไม่ยอมให้เงินค่ะ”
เฉินเหยียนเฟยไม่รู้จะตกใจกับคำตอบไหนก่อนดีบ้านก็รวยแต่ขี้งกแม้กระทั่งภรรยาตัวน้อยๆ
“เยี่ยนจือกลับมาแล้วให้มาหาฉันด้วย บอกไปว่าฉันรอที่ห้องนอน”
เขาเดินมายังชั้นสามของบ้านที่นี่กว้างใหญ่ไพศาลเขามีความทรงจำของเฉินเหยียนเฟยทั้งสองใบหน้าเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน คิดแล้วก็ปวดหัวเพราะชายต้องอยู่ท่ามกลางกระสุนและปืน
“ปวดหัวซะมัด”
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนที่นอนและหลับตาลงในเมื่อเขาได้มาใช้ชีวิตในยุคนี้แถมยังมีเงินมีทองและภรรยาที่สวยขนาดนี้เขาก็จะใช้ชีวิตต่อไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณให้แม่บ้านไปตามฉันมาทำไมคะ”
“ผมมาคิดๆ ดุแล้วเราก็แต่งงานกันมาสามปีแล้วนะ”
“คุณจะหย่าเหรอคะ” แววตาแห่งความดีใจฉายชัดออกมาเธอรอเวลาที่จะคุยเรื่องนี้มานานแล้ว
“คุณดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ตกลงคุณจะหย่าใช่ไหมคะ” หลินเยี่ยนจือเอ่ยออกมาโดยไม่สนใจคำถามของเขา แต่ต้องรีบเก็บความดีใจลงเพราะประโยคที่ออกจากปากของเฉินเหยียนเฟย
“เปล่า ผมแค่จะบอกว่าต่อจากนี้คุณควรทำหน้าที่ภรรยาซะ”
“คุณผีเข้าหรือไง ตอนนั้นหาว่าฉันไม่สวยไม่คู่ควรกับคุณ?”
ตอนนี้เฉินเหยียนเฟยค้านหัวฝนฝาว่าจะไม่ยอมแต่งงานกับเธอที่ทั้งอ้วนและผิวพรรณไม่สวยเท่าผู้หญิงของเขาตอนนี้ทำไมจู่ๆ ถึงมาเปลี่ยนคำพูด
“ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วที่รักครับ” ก็ตอนนี้เขาไม่ใช่ไอ้เจ้าพ่อมาเฟียคนนั้นแล้วไง ใครมันตาถั่วมองว่าหญิงสาวไม่สวยกันคนตรงหน้านี่แหละที่เรียกว่านางฟ้าเดินดิน
“ถอยออกไปให้ห่างจากฉัน”
“ต่อจากนี้คุณไม่ต้องไปทำงานแล้วเตรียมทำหน้าที่ภรรยาก็พอ”
“คุณมันบ้าไปแล้ว” หลินเยี่ยนจือไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ตอนนั้นว่าน่ากลัวแล้วแต่ตอนนี้น่ากลัวกว่า
“คุณพร้อมเมื่อไร”
“พร้อมอะไรฉันจะไม่ลาออกหรอกนะ” เธอต้องทำงานหาเงินเพื่อมาใช้ในชีวิตประจำวันสามีใจดำยังไม่เคยเหลียวแลไม่คิดจะถามไถ่เลยสักครั้ง
“คุณลืมไปแล้วหรือว่าผมรวยแค่ไหน” ชายหนุ่มพูดอย่างพากย์ภูมิใจเขาจะใช้เงินให้หมดไปเลยชดเชยที่เขาเกิดมาจนต้องดิ้นรน แถมยังมีผู้หญิงสวยๆ อยู่ตรงหน้าอีก
“คุณเหยียนเฟย!”
“เรียกผมว่าสามีสิ” เขาเห็นแก้มแดงๆ ของหญิงสาวก็นึกอยากแกล้งขึ้นมาเพราะอะไรกันหนอที่เฉินเหยียนเฟยถึงไม่คิดจะรักภรรยาคนนี้ จะว่าไม่ชอบเด็กก็ไม่น่าใช่ข้ออ้างแต่เขาชอบเด็กเห็นแล้วมันหนุบหนับหัวใจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณชายครับท่านผู้บัญชาการเติ้งหลานซีมาขอเข้าพบครับ”
เฉินเหยียนเฟยจึงหยุดชะงักใครคือผู้บัญชาการคงไม่ได้มาจับเขาหรอกนะทำไมเขาถึงคิดไม่ออกว่าคนผู้นี่เป็นใคร
“ท่านผู้บัญชาการคือคนที่ช่วยคุณดูแลพื้นในเขตนี้” หญิงสาวบอกเพราะเห็นท่าทีของเขาแล้วคงจะจำอะไรไม่ได้จริงๆ แต่แววตาของเขาเปลี่ยนไปซึ่งเธอไม่ไว้ใจเขาที่เขาเกลียดเธอก็เพราะต้องแต่งงานกันแล้วทำให้คนรักของเขาหนีไป
เฉินเหยียนเฟยเดินลงมาตามลูกน้องต้องหยุดเพราะเห็นทหารมาเฝ้าหน้าบ้านคงไม่มีใครจะแอบมาฆ่าเขาอีกหรอกนะตายแล้วตายอีกเหนื่อยฉิบหาย
“คุณชายหายดีแล้วเหรอครับ” ผู้บัญชาการเติ้งทำความเคารพชายหนุ่ม เขากับเฉินเหยียนเฟยรู้จักกันมาตั้งนานและคอยคุ้มกันตลอดเวลา
“อืม”
“คนนี้เราจับคนร้ายได้แล้วครับคุณชายจะไปจัดการด้วยตัวเองไหมครับ”
“คนร้าย? จัดการอะไร” แล้วเฉินเหยียนเฟยมันโหดแค่ไหนเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยตอนนี้เขากลัวปืนมากและเกลียดเสียงปืนที่สุดสมัยนี้พากันถือปืนเต็มบ้านเต็มเมือง
“คุณชายคนร้ายที่ยิงไงครับ”
“ขอโทษด้วยครับคุณชายได้รับความกระทบกระเทือนทางสมอง” เย่าหยางเป็นคนมาอธิบายให้ผู้บัญชาการฟังเจ้านายของเขาตอนนี้เหมือนเด็กไม่มีผิด
“คุณชายถูกยิงไม่ใช่เหรอครับทำไมถึงลืมไปได้”
“ตอนนี้กำลังอยู่ในกระบวนการรักษาครับ”
“ผมจะไปดูคนร้าย” ชายหนุ่มอยากรู้เหมือนกันว่าคนที่นี่ถ้าทำผิดไม่ส่งตัวให้ทางการจะทำอะไรได้บ้าง ระหว่างอยู่บนรถเขาจึงหันมาถามเย่าหยาง
“คนที่นี่ส่วนมากเขาจัดการคนกันยังไง นายทำอะไร!”
“ปืนของคุณชายไงครับ”
เฉินเหยียนเฟยตกใจที่ลูกน้องยื่นปืนมาให้เขาลังเลที่จะหยิบมันขึ้นมา แต่จำใจต้องหยิบขึ้นมาเป็นปืนลูกโม่ที่คนสมัยนี้นิยมใช้กันตรงด้ามจับสลักชื่อเฉินเหยียนเฟยไว้
“แล้วมันใช้ยังไงวะ” เขาพึมพำออกมาเพราะไม่เคยใช้ปืนมาก่อนเขาเป็นผู้ชายบอบบางไม่เคยจับอาวุธอะไรพอดีหลอกแต่เหยื่อโอนเงินไม่เคยยิงใคร
“คุณชายจะยิงทิ้งไวครับ”
“อะไรนะ! ยิงทิ้ง! ไม่นะฉันกลัว” เฉินเหยียนเฟยพูดออกมาเสียงดังจนลูกน้องที่อยู่ในรถคันเดียวกันต้องหันมามองหน้ากันมีแต่เย่าหยางที่รู้ว่าคนนี้ไม่ใช่คุณชายตัวเองแต่เขาไม่พูดอะไร ทุกอย่างมีเหตุผลของมันเขารักและเทิดทูนเฉินเหยียนเฟยยิ่งกว่าชีวิต
“เอ่อ เดี๋ยวผมจัดการเองครับคุณชายไปดูหน้ามันก็พอ”
เพราะไม่อยากให้ใครสงสัยในตัวเฉินเหยียนเฟยเขาจึงต้องปกป้องคุณชายเขาสาบานต่อหน้าหลุมศพของอดีตผู้บัญชาการใหญ่ซึ่งเป็นพ่อของคุณชายที่ช่วยเขาออกมาจากขุมนรก เขาจะดูแลคุณชายให้ดี
“อะไรกันก็ไม่รู้หลอกเอาเงินคนยังง่ายกว่ามาจับปืน”
รถแล่นเข้ามาจอดในโกดังของเฉินเหยียนเฟยศัตรูของชายหนุ่มมีมากมายจนไม่รู้ว่าใครคือคนคิดวางแผน แต่มีไม่กี่คนที่อยากขึ้นมาเป็นใหญ่แทนเขา
“แล้วฉันต้องทำยังไงต่อ”
“คุณชายทำหน้าโหดๆ ไว้และเสียงโหดๆ ถามมันว่าใครส่งมันมาครับ” เย่าหยางแนะนำชายหนุ่มถึงแม่จะไม่ใช่คุณชายแต่นิสัยก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไร เขารู้ตั้งแต่ตอนที่คุณชายถูกยิงแล้วว่ายังไงเขาก็ไม่รอดแน่เพราะลูกกระสุนตัดตรงขั้วหัวใจพอดี
[1] “สำหรับภาวะการสูญเสียความทรงจำชั่วคราว อาจเกิดจากการสูญเสียระดับความสมดุลในร่างกาย ถ้าในทางจิตวิทยานั้น มนุษย์เราจะมีระดับการรับรู้อยู่สองส่วนใหญ่ๆ คือ ระดับจิตสำนึก และระดับจิตใต้สำนึก จิตสำนึกเป็นระดับการรับรู้ปกติ ส่วนจิตใต้สำนึกเป็นส่วนที่มันเกิดขึ้นไปแล้วแต่ว่าเราจำไม่ได้ ตั้งแต่เราอยู่ในครรภ์จนถึงอายุ 1-2 ขวบ สมองก็รับรู้ข้อมูลมาตลอดแต่เราจำอะไรไม่ได้ ซึ่งเราจะเริ่มจำความได้ช่วงที่เรียนอนุบาล เพราะข้อมูลในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นจะถูกเก็บอยู่ที่จิตใต้สำนึก