ว่าที่คู่หมั้น - 06
หลังจากที่จัดเตรียมเอกสารการเรียนเสร็จ พวกเราก็ลงมาจากชั้นเจ็ด ตรงมาที่ลานจอดรถของคอนโด ซึ่งอยู่ชั้นล่างสุด
สองเท้าฉันแข็งทื่อแบบอัตโนมัติ เมื่อสายตามองเห็นสิ่งที่จอดอยู่ตรงหน้า
อึก~
ฉันยืนกลืนน้ำลายเอื๊อกๆ มองเจ้านินจาลูกรักยัยยีนส์คันสีเขียวใบตองที่สงสัยคนที่บ้านเธอคงจะเพิ่งเอามาให้เมื่อเช้า
“แกจะให้ฉันซ้อนแมงกะไซค์คันยักษ์นี่จริงเหรอ” ฉันว่า พร้อมกับชี้นิ้วเรียวยาวกรีดกรายไปยังเจ้ามอเตอร์ไซค์คันเขื่องลูกรักของยีนส์
“ตามใจแกนะ จะเดินไป หรือจะไปเรียกแท็กซี่เองก็แล้วแต่”
ชิ! ช่างประชดประชัน
รู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่กล้าเรียกใช้บริการแท็กซี่ เพราะเคยไม่ประทับใจกับการบริการที่สุดแสนจะสร้างความร้าวฉานให้กับใบหน้างามๆ ของฉันด้วยการที่
‘อีหนู... เดี๋ยวลุงจอดข้างหน้านะ’
‘อ้าว! ทำไมล่ะคะ ยังไม่ถึงที่หมายเลย’
‘พอดี... เอ่อ’
‘..?..’
‘ลุงไม่ชอบกลิ่นทุเรียนน่ะ ในถุงนั่นคือทุเรียนใช่มั้ย’
ปรี้ดแตกมั้ยถามใจฉันดู!
แค่ฉันซื้อทุเรียนแล้วนั่งแท็กซี่ แล้วดันไปเรียกใช้บริการคันที่ไม่ถูกกับทุเรียน แล้วลุงแกก็อันเชิญฉันลงจากรถแกทันที แล้วดันจอดให้ฉันในที่ๆ ฉันต้องรอคันต่อไปถึงชั่วโมงเต็มๆ
พูดแล้วของขึ้น!
หลังจากนั้นฉันเลยเลิกกินทั้งทุเรียนและเลิกขึ้นแท็กซี่อีกเลย
ท้ายที่สุดฉันก็ต้องจำใจนั่งซ้อนท้ายเจ้านินจา รถมอเตอร์ไซค์คันเขื่องออกมาพร้อมกับยีนส์
พวกเราก็ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ในการเดินทางจากคอนโดมาที่
มหาลัย RNN ที่เพิ่งมาเหยียบเป็นครั้งที่สอง
“แกขึ้นไปรอบนห้องเรียนก่อนแล้วกัน เดี๋ยวหาที่จอดรถแป๊บ”
ฉันพยักหน้ารับคำเพื่อนสนิท ก้าวเท้างามๆ บนส้นสูงสามนิ้วเข้าไปในตึกคณะนิเทศศาสตร์
ฉันกับยีนส์ดรอปเรียนมาปีหนึ่งเหมือนกัน และเราเรียนคณะเดียวกัน สาขาเดียวกันนั่นคือ นิเทศศาสตร์ สาขาวิชาการโฆษณา
ที่พวกเราเลือกเรียนคณะนี้เพราะว่ามันเป็นสาขาที่มีอิสระทางความคิด และเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งฉันกับยีนส์คิดว่ามันตอบโจทย์ชีวิตพวกเราสองคนได้ดีกว่าสาขาอื่นๆ
ต๊อกๆ ต๊อก~
เสียงร้องเท้าส้นสูงที่กระทบกับพื้นกระเบื้องดังขึ้นตามจังหวะการก้าวเดินของฉัน และหยุดลงตรงหน้าห้องเรียนที่เป็นคลาสเรียนของตัวเองวิชาแรก
ทำไมแลดูเงียบๆ
ฉันยืนขมวดคิ้วมุนอยู่หน้าห้องเรียน พยายามเงี่ยหูฟังเสียงผู้คนหลังบานประตูเลื่อนแต่กลับไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจของสิ่งมีชีวิต
แปลกแฮะ! หรือเราจะดูตารางเรียนผิด?
ถึงแม้ในหัวจะคิดแบบนั้น แต่ฉันว่าครั้งนี้ไม่น่าพลาด ถ้ายีนส์ก็ออกมาพร้อมกันแสดงว่าตารางเรียนน่ะถูกแล้ว
แต่ทำไมข้างในห้องถึงได้เงียบเชียบแบบนี้ล่ะ?
“อยากรู้ก็เปิดสิวะ ยัยเพลย์”
บอกตัวเองเสร็จก็เอื้อมมือน้อยๆ จับบานประตูที่เป็นแบบเลื่อน
เลื่อนมันไปทางขวามือของตัวเอง พร้อมกับค่อยๆ โผล่หน้าใสๆ ใช้สายตากวาดมองภายในห้องที่…
ว่างเปล่า..!
“เฮ้ย! เป็นแบบนี้ได้ไง!” ฉันสบถออกมาด้วยความตกใจ
หลังจากที่สายตาสำรวจรอบๆ ภายในห้องเรียนสี่เหลี่ยมผืนผ้าแห่งนี้จนครบทุกมุมห้อง กลับพบเพียงแค่โต๊ะเรียนที่ว่างเปล่า ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต!
“มาเรียนวันแรกก็เจอรับน้องแบบนี้เลยเหรอวะ”
ฉันยืนถอนหายใจแรงๆ พยายามผ่อนคลายอารมณ์เซง พร้อมกับเดินปลีกตัวออกจากห้อง เดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ เพื่อลองสำรวจรอบๆ คณะตัวเอง
“เบื่อฉิบ! ไม่เข้าคลาสสอนก็น่าจะบอกนักศึกษาล่วงหน้า แบบนี้ก็แหกขี้ตาตื่นเช้าเสียเวลาฉันหมดน่ะสิ”
ฉันที่กำลังเดินดุ่มๆ บนส้นสูงสามนิ้วในชุดนักศึกษารัดติ้ว ใบหน้าง้ำหงอด้วยความหงุดหงิด เมื่อนึกถึงต้นเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้...
‘วันนี้อาจารย์ไม่เข้าสอน ต้องไปออกเดทกระทันหัน เด็กๆ เรียนรู้เองนะจ๊ะ’
อึ้ง อึ้ง อึ้ง! เหมือนฉันใช่มั้ยล่ะ
อาจารย์ประจำคลาสเช้าที่แทนที่จะเข้าสอนตามปกติ ดันเกิดอินดี้ ทิ้งสารน้อยไว้ที่กระดานหน้าชั้นเรียนด้วยประโยคที่ถ้าฉันเป็น ผอ. ที่นี่รับรองเลยว่า
ยื่นซองขาวให้หล่อนแน่นอน!!