บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

เพียงดาวเคลิ้มหลับไปได้ไม่นานก็มีอันต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกของเจ้านายหนุ่ม มองไปที่เตียงก็เห็นธารณ์นอนคุดคู้อยู่ เพียงดาวจึงรีบเข้าไปหาเขาที่เตียงด้วยความตกใจ

“คุณธารณ์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เพียงดาวยื่นมือไปจับต้นแขนของอีกฝ่ายแล้วเขย่าเบาๆ

“ผมหนาว” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยบอก

“ตัวก็ไม่ค่อยร้อนแล้วทำไมยังหนาวอยู่นะ” ริมฝีปากเล็กบ่นพึมพำออกมาขณะที่ยกมือขึ้นวัดอุณหภูมิบนหน้าผากของเจ้านายหนุ่มไปด้วย

เพียงดาวมองออกไปนอกหน้าต่างห้องนอน ฝนยังคงตกหนักและไม่มีทีท่าจะหยุดง่ายๆ อากาศตอนกลางคืนเลยเย็นกว่าเมื่อตอนบ่ายมาก

“เดี๋ยวดาวไปเอาถุงน้ำร้อนมาให้นะคะ” เธอหยิบผ้านวมอีกผืนมาห่มคลุมทับบนผ้านวมผืนเดิมเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับเขา

เมื่อคืนเจ้านายหนุ่มไข้ขึ้นสูงกะทันหันมันฉุกละหุกเสียจนนึกอะไรไม่ออก แต่วันนี้ไม่เหมือนกัน เธอได้เตรียมอุปกรณ์ไว้พร้อมสรรพเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการนำมาใช้งาน เพียงดาวหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกระเป๋าน้ำร้อนสองใบซึ่งเป็นของใช้ส่วนตัวของเธอเอง เธอพกมันติดมาที่เกาะด้วยเพราะต้องใช้ตอนปวดประจำเดือน

เธอใช้ผ้าขนหนูเนื้อนุ่มคลุมทับมันอีกชั้นหนึ่งก่อนวางมันไว้ตรงหน้าอกของธารณ์ ดวงตาสีนิลอมเทาคู่นั้นมองมาที่เธอ ทั้งที่รู้ว่าเขามองไม่เห็นแต่ก็อดรู้สึกประหม่าขึ้นมาไม่ได้

“นี่อะไร”

“กระเป๋าน้ำร้อนค่ะ มันจะช่วยคุณให้หายหนาวเร็วขึ้นค่ะ”

“ขอบคุณ”

เพียงดาวนั่งมองอีกฝ่ายที่นอนนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ไม่พูดไม่จาแต่ก็ไม่ยอมนอนเสียที ขณะที่หูก็ได้ยินแต่เสียงฝนที่ตกลงมาไม่หยุด อย่าว่าแต่เขาจะหนาวเลยเธอก็รู้สึกหนาวเหมือนกัน มือเล็กกระชับเสื้อแคนดิแกนเข้าหากัน เพราะไม่คิดว่าบนเกาะจะอากาศเย็นเพียงดาวจึงไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวหนาๆ มาด้วย

“คุณธารณ์หายหนาวไปบ้างหรือยังคะ”

“อืม ดีขึ้นเยอะแล้ว เธอพกของแบบนี้ด้วยเหรอ”

เขาคงหมายถึงกระเป๋าน้ำร้อน

“เวลาดาวเป็นประจำเดือนจะปวดท้องมากค่ะ ต้องกินยาแก้ปวดแล้วก็ต้องใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบท้องไว้ถึงจะค่อยยังชั่วขึ้น”

ธารณ์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยถามออกมา

“คุณอายุเท่าไหร่”

ก่อนที่เพียงดาวจะมาที่เกาะนี้ ป้าของเขาเคยเล่าเรื่องของหล่อนให้ฟังคร่าวๆ แต่เป็นเพราะเขาเองที่ไม่ได้สนใจจะฟังเท่าไหร่ ถึงจำรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเธอได้เพียงผิวเผินเท่านั้น

“ยี่สิบสามค่ะ”

“อายุน้อยจัง ถ้าจำไม่ผิด คุณจบอักษรศาสตร์มาใช่ไหม ทำไมไม่หางานที่ตรงกับที่เรียนทำ? ทำไมถึงเลือกมาทำงานน่าเบื่ออย่างการดูแลคนป่วยแบบนี้ล่ะ คนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครอยากมาอยู่เกาะร้างที่ไม่มีอะไรเลยแบบนี้หรอกนะ”

ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเขาจะถามอะไรเลย ครึ้มอกครึ้มใจอะไรถึงอยากถามขึ้นมาในเวลาแบบนี้

ก็มีแค่เหตุผลเดียวแหละ…เพราะเงินไง

“พูดตรงๆ ก็เป็นเพราะเงินค่ะ แต่ดาวก็เคยดูแลผู้พิการทางสายตามาก่อน ถึงจะแค่ช่วงสั้นๆ แต่ก็พอมีประสบการณ์อยู่บ้างค่ะ” เพียงดาวตอบไปตามจริง

ตอนเรียนมหาลัยเธอเคยทำงานเป็นอาสาสมัครดูแลคนพิการอยู่ช่วงหนึ่งก็เลยพอมีประสบการณ์อยู่บ้าง

ถ้าไม่ใช่เพราะเงินค่าจ้างสูงๆ นั่นเธอก็คงไม่เลือกมาทำงานบนเกาะร้างที่ห่างไกลความเจริญแบบนี้เหมือนกัน

“ไม่ต้องซีเรียสหรอก ผมพอรู้คำตอบอยู่แล้ว อ่อ แล้วคุณก็ทำหน้าที่ดูแลผมได้ดีมากนะ”

“ขอบคุณค่ะ” ถึงจะดีใจที่ถูกชมแต่ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง

ธารณ์รู้อยู่แก่ใจดีว่าเพราะอะไรเธอถึงเลือกมาทำงานนี้แต่ก็ยังอยากได้ยินคำตอบจากปากของเธอมากกว่า ผู้หญิงหลายคนที่ถูกส่งมาดูแลเขาถ้าไม่ใช่เพราะเงินค่าจ้างที่สูงลิบลิ่วล่อตาล่อใจก็คงไม่มีใครมาทำงานแบบนี้ หนำซ้ำยังต้องมาอาศัยอยู่บนเกาะที่มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้ หาดทรายกับน้ำทะเล ไม่มีสิ่งเจริญหูเจริญตาอะไรทั้งสิ้น

ที่น่าแปลกก็คือทำไมป้าของเขาถึงขยันเลือกแต่ผู้หญิงที่อายุน้อย ไม่ยี่สิบต้นๆ ก็ปลายๆ มาดูแลเขามากกว่าจะเลือกคนที่จบวิชาชีพพยาบาลหรือคนที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง

ผู้หญิงพวกนั้นอยู่ได้ไม่เกินสามเดือนก็ลาออกไป

เพียงดาวก็คงเหมือนกัน เธออายุยังน้อยคงทนอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ต่อไปได้ไม่นาน

ธารณ์ไม่สนใจว่าใครจะอยู่หรือจะลาออกไป เพราะเดี๋ยวคนใหม่ก็ถูกส่งมาเรื่อยๆ แต่พอนึกว่าเพียงดาวก็คงไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ ธารณ์ก็รู้สึกวูบโหวงในอกขึ้นมา ที่เกิดความรู้สึกแบบนี้…ก็คงเพราะเรื่องที่ทำลงไปเมื่อคืนเป็นแน่

พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ความรู้หวาบหวามที่ก่อกวนอารมณ์ของเขามาตลอดทั้งวันก็หวนคืนมาอีกครั้ง

“แล้วมาทำงานอยู่ในที่แบบนี้ แฟนหรือคนในครอบครัวไม่เป็นห่วงหรือไง”

“ก็เป็นห่วงตามประสาพ่อแม่ท่ห่วงลูกค่ะ แต่ในครอบครัวดาว พ่อแม่เคารพการตัดสินใจในสิ่งที่ลูกๆ เลือกเสมอค่ะ ให้อิสระในการเลือกทางเดินของตัวเองมาตั้งแต่เรียนมหาลัยแล้วค่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ผิดพวกท่านก็พร้อมสนับสนุนค่ะ”

“อืม แล้วแฟนล่ะ มีไหม? ” เขาพอจะเดาพื้นฐานครอบครัวของอีกฝ่ายออกอยู่บ้าง ถือว่าเธอเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นมีพ่อแม่ที่ทั้งรักแล้วก็เข้าอกเข้าใจลูกเป็นอย่างดี

“ไม่มีค่ะ”

แฟนน่ะเมื่อก่อนก็เคยมีอยู่หรอก แต่เลิกกันไปนานแล้วเพราะมันนอกใจ อ้างเพราะเหงาเพราะอยู่ห่างกันมันฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด

“ไม่เคยมีแฟน? ”

ทำไมถึงถามเฉพาะเจาะจงเรื่องนี้จัง มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ เขาจะอยากรู้ไปทำไมไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องงานเลยสักนิดเดียว

“เคยมีค่ะ”

ธารณ์ลอบถอนหายใจออกมา รู้สึกโล่งอกกับคำตอบของเธออย่างบอกไม่ถูก ยังดีที่เขาไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมกับคนที่มีแฟนแล้ว

“เกือบห้าทุ่มแล้ว คุณธารณ์นอนเถอะนะคะ โอ๊ะ! ดีจัง ตัวคุณไม่ร้อนแล้ว” ยังไม่ทันจะชักมือกลับก็ถูกเขาดึงมือเธอเอาไว้เสียก่อน

“ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณช่วยนอนเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหม” เขายกมือขึ้นกุมหน้าผากของตัวเองไว้ ใบหน้าหล่อเหยเกเล็กน้อยเหมือนคนกำลังเจ็บปวดมากๆ อยู่

“ไม่ค่อยดียังไงคะ ปวดหัวหรือรู้สึกไม่สบายตรงไหน”

เพียงดาวทั้งลังเลทั้งอึดอัดใจ ไม่อยากทำตามที่เจ้านายหนุ่มร้องขอเลยสักนิดแต่ก็อดสงสารอีกฝ่ายไม่ได้

“ใช่ ปวดหัว…แล้วยังปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปหมด” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยบอก ธารณ์นอนนิ่งเงียบอยู่แบบนั้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบรับอะไรออกมา

ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมต้องให้เธอนอนเป็นเพื่อนด้วย

“ถ้ากลัวจะติดไข้จากผมก็เอาหมอนข้างกั้นไว้ก็ได้”

“…”

ใครไม่กลัวบ้างล่ะ…ไม่มีใครอยากป่วยหรอก ยิ่งอยู่บนเกาะแบบนี้ยิ่งไม่อยากเข้าไปใหญ่ ใจจริงอยากพูดตรงๆ แบบนั้นแต่ก็เลือกไม่พูดดีกว่า เธอก็เคยเป็นไข้หวัดมาก่อน เวลานอนซมเพราะพิษไข้อยู่บนเตียงพร้อมกับน้ำมูกที่ไหลย้อยอยู่ตลอดเวลามันทั้งทรมานแถมยังรู้สึกรำคาญตัวเองอีก

เมื่อเช้าหมอนข้างที่ว่าก็อันตรธานหายไปไหนก็ไม่รู้ แล้วถ้าเกิดสภาพของพวกเขาทั้งคู่เกิดเหมือนอย่างตอนเช้าวันนี้ขึ้นมาอีก เธอคิดว่ามันไม่เหมาะสมเท่าไหร่ที่ลูกจ้างอย่างเธอกับนายจ้างอย่างเขาจะนอนบนเตียงเดียวกันหรือนอนกอดกันแนบชิดเหมือน… คนเป็นแฟนกันแบบนั้น

“คุณธารณ์เป็นเจ้านายส่วนดาวเป็นลูกจ้าง เอ่อ..แล้วผู้หญิงกับผู้ชายนอนบนเตียงเดียวกันมันดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เอางี้ไหมค่ะ เดี๋ยวดาวเอาที่นอนปิกนิกมาปูนอนข้างๆ เตียงคุณธารณ์ดีกว่า”

“เมื่อคืนยังนอนได้เลย” ธารณ์แย้งออกมาเสียงแข็ง

“ตอนนั้นดาวง่วงมากก็เลยไม่ทันคิดอะไรค่ะ” เพียงดาวตอบไปซื่อๆ

ตอนนั้นเธอง่วงมากจริงๆ สมองก็ตื๊อไปหมด แค่บังคับตัวเองไม่ให้หลับกลางอากาศได้ก็เก่งมากแล้ว

“โอเคตามนี้นะคะ”

“…”

ธารณ์พลิกตัวตะแคงข้างหันหลังให้หญิงสาวแทนคำตอบ ราวกับใช้ความนิ่งเงียบกดดันอีกฝ่ายกลายๆ

ริมฝีปากหนาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ พอเธอพูดออกมาแบบนี้เขาก็จนปัญญาจะหาเหตุผลอะไรมาโน้มน้าวให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจยอมคล้อยตามได้อีก

ธารณ์นิ่งเงียบไปอย่างใช้ความคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

“รังเกียจผมหรือไง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel