บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9 งานเข้า

ตอนที่ 9 งานเข้า

บรรยากาศน่ากลัวยิ่งกว่าตอนดูหนังผี สมายด์หน้าซีดเผือดเมื่อเห็นใบหน้าถมึงทึงของคุณพ่อที่ยืนเคาะกระจกอยู่

อึก…น้ำลายเหนียว ๆ ถูกกลืนลงคอด้วยความยากลำบาก แต่กระนั้นสมายด์ก็ยังฝืนฉีกยิ้มหวานส่งไปให้คุณพ่อ ก่อนจะหันไปมองคนที่ทำให้เธอตกที่นั่งลำบาก ทว่าเขากลับมีสีหน้าเหมือนจะไม่สลด และเหมือนไม่ได้กลัวเลยว่าอะไรต่อจากนี้จะเกิดขึ้น

“เห็นไหมเพราะพี่ไม่คืนมือถือมายด์สักที ดูสิคุณพ่อมายด์มาจนได้ พ่อมายด์ดุมากเลยนะ” เธอแหวใส่เขาเสียงเขียว ก่อนจะหันไปฉีกยิ้มให้กับพ่ออีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกับที่คินน์กดเลื่อนกระจกหน้าต่างรถลงพอดี

“สวัสดีครับคุณพ่อ ผมคินน์เป็นรุ่นพี่ของมายด์ที่มหาวิทยาลัยครับ” คินน์ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมพลางโน้มศีรษะคำนับ แต่เหมือนอีกฝ่ายยังใช้สายตาคาดโทษมองคินน์เหมือนไม่ค่อยพอใจ

“แล้วทำอะไรกันอยู่ รถมาจอดหน้าบ้านตั้งนานแล้ว ทำไมไม่รีบเข้าบ้าน!”

เสียงเข้มของคุณพ่อก็ดังกระแทกแทรกเข้ามาในรถ แถมยังรัวคำถามเป็นชุด ๆ

“อ่า...คือมายด์”

“ลงมา!”

“คะพ่อ มายด์กำลังจะลงค่ะ”

“ลงมา! ทั้งคู่!”

“หา...ทะ ทั้งคู่?” ทำไมต้องทั้งคู่!! สมายด์ช็อกเป็นรอบสอง ลำพังแค่พ่อเดินออกมาเคาะกระจกก็ช็อกไปแล้วรอบแรก นี่ยังเรียกให้หมอนี่ลงไปกับเธออีก

อึก!! รู้สึกเหมือนวิญญาณกำลังจะออกจากร่างอย่างไงอย่างงั้น หรือไม่สิ...บางทีน่าจะหลุดออกไปแล้วมากกว่า

“คุณพ่อจะให้พี่เขาลงไปด้วยทำไมคะ”

“พ่อบอกให้ลงมาทั้งคู่ไม่ต้องถาม! ให้ไว! แล้วตามเข้าไปในบ้าน!” พูดจบพ่อก็เอามือไพล่หลัง แล้วหันขวับเดินกลับเข้าไปในรั้วประตูบ้าน

แต่...!!!

คุณพ่อจะให้เธอพาอีตานี่เข้าไปในบ้านด้วยเนี่ยนะ

“เห็นไหม เพราะพี่คนเดียว ถ้าพี่เอาโทรศัพท์มายด์คืนตั้งแต่แรกก็จบ” สมายด์พูดพลางดึงโทรศัพท์ในมือของคินน์มา ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วลงไปด้วยความไม่พอใจ

“จะจบยังไง มันเพิ่งเริ่มต่างหาก” เขากระตุกยิ้มที่มุมปาก มองร่างบางที่แทบจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามพ่อของเธอเข้าไปในรั้วบ้าน

ใช่…และตอนนี้เกมกำลังจะเพิ่งเริ่มต่างหาก!

คินน์ลงจากรถ ก่อนเดินสาวเท้ายาว ๆ ไม่กี่ก้าวก็เดินทันสมายด์ ใบหน้าหวานหันมามองหน้าง้ำเมื่อเห็นคนที่เดินมาเทียบจนแทบจะเดินเข้าบ้านพร้อม ๆ กัน

“จะตามมาทำไมก็ไม่รู้”

“ผู้ใหญ่สั่ง ขัดได้เหรอ”

เหอะ! โอเค ข้อนี้เธอไม่มีสิทธิ์เถียง และถ้าไม่ใช่เพราะพ่อสั่งเมื่อกี้ รับรองว่าเขาไมได้เสนอหน้าเข้าบ้านพร้อมเธอแน่ บอกเลย

“งั้นก็ห้ามพูดมาก เพราะพ่อมายด์ดุมาก”

“ดุแล้ว...”

“จะแล้วอะไรล่ะคะ จะให้มายด์บอกพ่อว่าไง มายด์ไม่ได้สนิทอะไรกับพี่”

“ไม่เห็นเป็นไร อีกหน่อยก็สนิท”

เขาไหวไหล่เบา ๆ เหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร ผิดก็แต่สมายด์ที่ได้แต่กัดริมฝีปากเพราะโมโห

บ้า! บ้าที่สุด! บ้าไปแล้ว!

สายตาเคืองขุ่นมองคินน์จนเขียวปัด แต่ตัวต้นเรื่องที่หางานเข้าให้เธอไม่หยุดย่อน ยังมีหน้าหันมายักคิ้วกวนประสาทเธออีก

อยากจะโดดเข้าไปบีบคอให้ตายคามือนัก!

@ที่โซฟาห้องรับแขก

สมายด์นั่งก้มหน้านิ่งพูดไม่ออก มีคินน์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แต่เหมือนเขาจะไม่รู้สึกกดดันอะไรเลย และที่น่าหมั่นไส้สุด ๆ คือภายใต้หน้าตาหล่อที่ก่อนหน้านี้แสดงความร้ายกาจออกมาตอนอยู่กับเธอ ทว่าเวลาอยู่ตรงหน้าผู้ใหญ่กลับวางตัวดีเว่อร์

ดูเอาเถอะ ท่าทางสุภาพแถมยังมาดนิ่งแบบตอนนี้ มันใช่คนคนเดียวกันกับ ที่ ตับ ตับ ตับ กับผู้หญิง ในห้องน้ำตอนนั้นไหม

“คบกันนานหรือยัง” พ่อเปิดประเด็นทันที หลังจากที่แม่เพิ่งเดินเอาแก้วน้ำมาวางตรงหน้าแล้วนั่งลงตรงโซฟาตัวเดี่ยวตรงข้ามพ่อ

บรรยากาศกำลังเหมือนจะถูกสอบสัมภาษณ์จนมือไม้ของสมายด์เย็นเฉียบ เธอไม่เคยมีเพื่อนผู้ชายและไม่เคยพาผู้ชายเข้าบ้าน เพราะงั้นการที่คินน์ได้มานั่งตรงนี้คือผู้ชายคนแรก

“เปล่านะคะ เราสองคนไม่ได้คบ…”

“ใช่ครับ คือเราสองคนเพิ่งเริ่มทำความรู้จักกันครับ”

“ห๊ะ!!” สมายด์หันขวับเหมือนได้ยินคำตอบที่ไปคนละทิศละทางกับเธอ ก่อนจะแอบทำตาดุใส่คินน์ประมาณว่าให้เขาเลิกเพ้อเจ้อ

“คือ มะ ไม่ใช่นะคะ คุณพ่อคือว่า…”

“จะไม่ใช่ได้ไง ถ้าลูกบอกไม่ใช่ แล้วลูกจะบอกพ่อว่า ให้คนที่เพิ่งเจอกันวันเดียวมาส่งบ้านงั้นหรอ”

“คือ...มัน มัน..ไม่ใช่แบบนั้นค่ะพ่อ”

สมายด์อึกอัก ไม่รู้จะเธอบอกความจริงพ่อยังไง

จะให้บอกว่าเธอเจอผู้ชายหน้าหล่อคนนี้โจ๊ะพรึม ๆ กับผู้หญิงในห้องน้ำ แล้วเขายึดโทรศัพท์ไว้งี้เหรอ แล้วที่เขาตามมาส่งเธอที่บ้านเพราะกลัวเธอจะแอบถ่ายคลิปลับบ้า ๆ นั่นงี้เหรอ

ให้ตายเถอะ...เรื่องแบบนี้ใครจะกล้าพูดออกไป

“คือพอดีวันนี้คณะวิศวกรรมของผม กับคณะศิลปกรรมของน้องมายด์เราสอบเสร็จพร้อมกันครับ พวกเรากับเพื่อนในกลุ่มก็เลยไปกินชาบูกันหน้ามหาวิทยาลัย ซึ่งผมคิดว่ามันเริ่มจะค่ำแล้วเลยขออาสามาส่งน้องที่บ้านเองนะครับ”

-โห คำพูดโคตรดูดี- สมายด์แอบเบ้ปากก่อนจะส่งสายตาที่มองคินน์แบบหมั่นไส้

“แล้วอีกอย่างผมคิดว่าถ้าผมมาส่งเอง น่าจะปลอดภัยกว่านั่ง TAXI กลับมาเอง ผมต้องขอโทษคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะครับที่ไม่ได้ขออนุญาตมาก่อน”

-โห คำพูดช่างฟังเป็นสุภาพบุรุษ- สมายด์กลอกตาบนอีกรอบ

นี่ถ้าไม่รู้ว่าหมอนี่เรียนวิศวะ เธอคงคิดว่าเขาเรียนสื่อสารมวลชนเอกประชาสัมพันธ์ ไม่ก็สาขารัฐศาสตร์เอกบริหารการเมืองการปกครอง คำพูดคำจาเป็นเลิศมาก

“เราเรียนวิศวะ?”

“ครับ ปีสามแล้วครับ”

“อ้าว พ่อก็จบวิศวะ”

เท่านั้นแหละ...พอพ่อรู้ว่าหนุ่มที่ส่งลูกสาวเรียนคณะวิศวะ แล้วพ่อเองก็เป็นศิษย์เก่าคณะวิศวะของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วยเช่นกัน ท่าทีที่ก่อนหน้านี้ยังทำหน้าเป็นยักษ์ตลอดเวลา ก็เปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ

ที่หนักสุด คือชวนคินน์ดื่มด้วยกัน!

“รีบกลับไหมล่ะ ดื่มกับพ่อก่อนสักแก้วสองแก้ไหม” ความฝันของคนเป็นพ่อที่อยากจะมีลูกชายแต่ดันมีลูกสาวคนเดียว พอเจอคนคุยถูกคอแบบนี้ละก็นะ

“จะดีหรือครับ”

“แล้วแต่นะ เอาที่เราสะดวก”

“ได้สิครับคุณพ่อ”

“คุณพ่อคะ!” สมายด์ค้านเสียงหลง เพราะมันใช่ไหมเนี่ยที่อยู่ดี ๆ เกมพลิกเฉย

“น่า…ผู้ชายจะคุยกัน ไปอาบน้ำนอนไป”

ให้เธอไป แล้วถ้าเธอไปล่ะ หมอนี่จะพูดอะไรเรื่อยเปื่อยหรือเปล่าก็ไม่รู้ สมายด์ส่ายหน้าทำท่าเหมือนจะฝืนนั่งฟังไปพักใหญ่ แต่สุดท้ายก็ต้องฟังคนสองคนคุยกันในเรื่องที่เธอไม่รู้เรื่อง แถมหมอนี่ยังตอบคำถามคุณพ่อของเธอได้ดีเป็นฉาก ๆ

ฟังแล้วก็นะ...น่าหมั่นไส้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel