ตอนที่ 7 ยั่วประสาท
ตอนที่ 7 ยั่วประสาท
สมายด์หน้างอเพราะทำอะไรไม่ได้ และนอกจากทำอะไรไม่ได้ยังต้องจำใจขึ้นมานั่งบนรถซุปเปอร์คาร์ของผู้ชายอันตรายแบบรุ่นพี่คินน์ ทั้งที่ไม่ได้อยากจะขึ้นเลยแม้แต่น้อย
เสียงปิดประตูของคนข้าง ๆ ตามมาด้วยเสียงสตาร์ทรถ ก่อนที่เขาจะวางท่อนแขนแกร่งท้าวไว้บนพวงมาลัยแล้วหันหน้าหล่อแต่กวนประสาทมามองสมายด์ที่ยังไม่เลิกหน้าหงิกงอเป็นตูด แต่กระนั้นเมื่อสมายด์รู้ตัวว่าเขาเอาแต่จ้องหน้า เธอเลยเป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นมาเพื่อทำลายความกระอักกระอ่วนที่เกิดขึ้น
“ในเมื่อมายด์ขึ้นมานั่งบนรถตามที่พี่บอกแล้ว แล้วไหนละคะโทรศัพท์ของมายด์” เธอพยายามควบคุมน้ำเสียงให้ดูเป็นการพูดจาสุภาพและเป็นทางการที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะแบบมือเรียว ๆ เพื่อคอยรับมือถือคืนจากเขา
“เอาไว้ถึงบ้านเราก่อนจะคืน”
“หา…มันจะมาก…”
“หรือไม่อยากได้คืน” ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วยียวนใส่คนที่อ้าปากจะเถียงแต่กลับเถียงไม่ทัน สุดท้ายพอเจอความเจ้าเล่ห์ของคินน์ สมายด์จำต้องหุบปากลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจ บอกเลยว่าที่เธอยอมขึ้นรถมาด้วยนี่ เพราะแค่อยากได้โทรศัพท์คืนเท่านั้น
ดูเอาเถอะ ความกวนของผู้ชายหน้าหล่อคนนี้ ถ้านอกจากหน้าตาดีแล้วก็นะ อย่างอื่นไม่มีอะไรผ่าน
สมายด์ค้อนไปอีกหนึ่งกรุบ ก่อนจะเบือนสายตามองตรงไปข้างหน้า เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับสายตาคมกริบที่เอาแต่จ้องมองเธอ มัน...ทำหัวใจเต้นผิดจังหวะยังไงก็ไม่รู้
แบบนี้สินะที่เรียกว่าความหล่อเป็นพิษ
“แล้วไม่ออกรถสักทีล่ะ” สมายด์บ่นเข้าให้ เริ่มรู้สึกทนไม่ไหวกับสายตาคมที่ชวนให้หลอมละลายของเขาที่มองเธอไม่เลิก และถึงแม้เธอจะไม่ยอมสบตาตรง ๆ แต่หางตามันดันเผลอไปเห็นแบบไม่ได้ตั้งใจ
“น้องมายด์ครับ”
อยู่ ๆ ใบหน้าหล่อก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ ใกล้ชนิดที่ว่าสมายด์หันกลับไปมองใบหน้าหล่อนั่นอีกครั้ง ดวงตาคู่หวานเบิกกว้างเพราะตกใจ!
“พะ พี่ พี่คินน์จะทำอะไรอ่ะ อี๋...มะไม่นะ”
เธอรีบหลับตาปี๋ เมื่อสัมผัสถึงลมหายใจกรุ่นที่รินรดอยู่ตรงหน้า ไหนจะกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวผู้ชายคนนี้ที่ทำให้ใจสั่นหนักกว่าเก่า และเขา...กำลังเขยิบเข้ามาใกล้
ทว่า อยู่ ๆ สมองก็นึกแว่บเข้ามาถึงฉากก่อนหน้านี้ที่ได้ยิน นึกถึงที่เขาเพิ่งมีอะไรกับรุ่นพี่แจนมาหยก ๆ อดไม่ได้ที่จะแสดงความรังเกียจออกมาจนร้องอี๋... รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเจอแมลงสาปอย่างไงอย่างงั้น
“เดี๋ยวครับน้องมายด์ พี่แค่จะคาดเบลล์ให้เฉย ๆ เรากลัวอะไรอ่ะ”
ฝ่ามือหนาเอื้อมไปดึงสายรัดเบลล์ ก่อนจะดึงผ่านช่วงตัวแล้วมากดล็อกกับเบาะนั่งดังคลิ๊ก! ถึงตอนนี้เองสมายด์ถึงรู้สึกตัวว่าเขาไม่ได้จะทำอะไรแบบที่เธอคิด ก่อนจะค่อย ๆ เปิดเปลือกตาทีละนิดขึ้นมามอง
“อ่า คือ…”
ริมฝีปากบางเม้มแน่นเข้าหากัน รู้สึกอายที่เข้าใจผิดไปเองจนพูดต่อไม่ออก แถมใบหน้าหล่อยังเอาแต่จ้องหน้าเธอแต่กลับยังไม่ยอมถอยห่างแบบนี้อีก
“ผิวเราใสมากเลยนะ” เขาพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะใช้สายตาคมไล่มองใบตามกรอบใบหน้าหวานรูปไข่
ยิ่งมองใกล้แบบพิจารณาดี ๆ คินน์ถึงได้เห็นชัดว่าผิวของสมายด์ใสอมชมพูมากแค่ไหน ขนตางอนเป็นแพกำลังกะพริบปริบบนดวงตาคู่หวาน แววตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นแต่กลับฉายแววความดื้อรั้นสู้ไม่ถอยในแววตาเดียวกัน แล้วไหนจะริมฝีปากกระจับอมชมพูนี่อีก
ผู้หญิงอะไรปากโคตรน่าจูบ
“จูบได้ไหม”
“หา…” นั่นไงที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด!สมายด์รีบยกมือมาปิดปากตัวเองแบบอัตโนมัติชนิดสมองยังไม่ทันประมวลผลแต่การกระทำนำไปก่อนแล้ว ก็นะ...คำพูดของคนตรงหน้าที่พูดออกมาแบบไม่ทันให้เธอได้เตรียมใจ มัน...
แป๊ะ!
อยู่ๆ เรียวนิ้วหนาของเขาก็ถูกยกขึ้นมาดีดหน้าผากเธอเบา ๆ ดังแป๊ะ! ตามด้วยเสียงหัวเราะ หึ หึ ในลำคอ
“พี่แค่ล้อเล่น”
-ห๊ะ... พูดขนาดนี้ ทำขนาดนี้ หน้าใกล้แค่คืบแบบนี้บอกล้อเล่น-
สมายด์หน้าง้ำนึกโกรธที่โดนแกล้ง แต่เขากลับเอื้อมมือมาโยกหัวเธออีกครั้งเหมือนสนุกที่ได้แกล้งยั่วคนตัวเล็ก ก่อนที่เขาจะเขยิบตัวกลับมานั่งที่เดิมแล้วยอมขับรถออกไปอย่างอารมณ์ดี จะมีก็แต่สมายด์ที่ยังคงนั่งพิงเบาะตัวเองอย่างใจหายใจคว่ำไม่เป็นส่ำอยู่แบบนั้น
-ให้ตายเถอะ…ผู้ชายคนนี้อันตรายชะมัด!-