ตอนที่ 4 ความซวยบังเกิด
ตอนที่ 4 ความซวยบังเกิด
โทรศัพท์ที่หายไปมีใครบ้างจะไม่อยากได้คืน แต่ที่น่ากลัวกว่าการได้โทรศัพท์คืน คือสายตาของรุ่นพี่ผู้ชายหน้าหล่อคนนั้นตอนอยู่ในห้องน้ำ คิดเอาเถอะแค่สมายด์เผลอนึกถึงเหตุการณ์ในห้องน้ำ ยังรู้สึกหลอนไม่เลิก
“มิยา เออถ้าหมอนั่นมา แกช่วยไปรับโทรศัพท์คืนแทนฉันได้ป่าววะ คือฉัน ฉัน ฉันน่าจะปวดฉี่อีกแล้วว่ะ”
“นี่แกท่อรั่วหรือไงสมายด์ แล้วนี่เป็นอะไรทำไมทำหน้ายังกับไม่ดีใจที่จะได้โทรศัพท์คืน”
“คือ…” สมายด์เริ่มลังเลไม่แน่ใจว่าจะบอกเพื่อนสาวดีหรือเปล่า
“สมายด์ ฉันบอกเลยนะว่าแกโชคดีแค่ไหน ที่ได้เจอคนดีมีน้ำใจเก็บโทรศัพท์มาคืนให้แบบนี้”
“คนดีมีน้ำใจงั้นเหรอ เหอะ ฉันจะบอกความจริงให้นะว่า...”
คนดีมีน้ำใจ แต่หื่นกามก็ไม่ไหวนะบางที นี่คือสิ่งที่คิดแต่ไม่ได้พูดออกมา เพราะอยู่ ๆ ก็มีคนมาสะกิดบ่าเธอจากข้างหลัง ในขณะที่มิยาและเพื่อน ๆ ของเธอที่นั่งอยู่มองตาค้างด้วยแววตาหวานฉ่ำกันไปแล้ว
“น้องครับ”
อึก!! สมายด์สะดุ้งเฮือก เพราะเสียงจากคนยืนข้างหลังที่ฟังดูเหมือนจะเพิ่งเคยได้ยินน้ำเสียงนี้มาไม่นาน แล้วไหนจะกลิ่นน้ำหอมคุ้น ๆ แบบนี้อีก
-ยะ…อย่าบอกนะว่า-
“พี่เอาโทรศัพท์มาคืนครับ”
“อ่อ เออค่ะ มาไวอย่างกับหายตัวมาเลยนะคะ”
สมายด์พูดพึมพำเสียงรอดออกไรฟัน ก็นะคนที่ตัวเองเพิ่งจะหนีมาหยก ๆ แต่กลับมายืนอยู่ข้างหลัง
-ให้ตายเถอะตามจองเวรยังกับเจ้ากรรมนายเวรตั้งแต่ชาติที่แล้ว- เธอตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง รู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองช่วงนี้จะทำงานหนักเพราะเต้นแรงแทบไม่หยุด แต่ไม่ใช่เต้นแรงเพราะเขินอายนะ ไอ้ที่เต้นแรงอยู่นี่คืออาการของคนที่กำลังจะเป็นบ้า
“น้องว่าอะไรนะครับ”
“อ่าเปล่าค่ะ ขอบคุณนะคะที่เอาโทรศัพท์มาคืน”
ความรู้สึกเหมือนผีหลอกคงเป็นแบบนี้สินะ สมายด์ยิ้มแห้งด้วยความรู้สึกเหมือนคนเห็นผีอย่างไงอย่างงั้น ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นมือแบไปด้านหลังเพื่อรับโทรศัพท์
“ไหนคะโทรศัพท์”
“นี่ครับ”
มือเรียวเล็กที่ยืนไปสะเปะสะปะ โดยไม่ยอมหันกลับไป และใครจะไปคิดละว่าตำแหน่งมือที่ยื่นออกไป เวลาที่มีคนยืนข้างหลังแบบประชิดตัวแบบนี้ ทำให้มือของเธอบังเอิญไปแตะโดนจุดสำคัญของเขาแบบไม่ได้ตั้งใจ
“ใจเย็นสิครับ นั่นไม่ใช่โทรศัพท์แต่มันเป็น...”
เสียงทุ้มนุ่มโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหู
“อ๊ะ ว้าย ขะขอโทษค่ะ” สมายด์รีบชักมือของเธอกลับ เพราะความตกใจเลยหมุนตัวหันไปหาคนข้างหลัง ทว่าด้วยระยะของคนที่ยืนชิด ทำให้ไม่เหลือพื้นที่ให้ทรงตัว ความตกใจเป็นรอบสองทำให้เธอผละออกจนเกือบจะหงายหลัง
“วะ ว้าย”
หมับ! ฝ่ามือหนารั้งเอวบางไว้ทันท่วงทีก่อนที่สมายด์จะล้มไปจริง ๆ
“ซุ่มซ่าม”
“แหะ แหะ ขะขอบคุณค่ะ”
ทั้งอายทั้งรู้สึกแปลก ๆ สมายด์รีบดันตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งที่โอบรัดเอวตัวเอง ก่อนจะทรงตัวยืนขึ้น ที่สำคัญไม่ลืมที่จะเขยิบตัวให้ถอยห่างจากบุคคลที่เธอคิดว่าอันตรายที่สุด (ถึงจะหล่อมากก็ตามเถอะ)
“ไหนคะโทรศัพท์” สมายด์แบมือเป็นรอบสอง ก่อนจะเห็นคนตรงหน้าเอามือถือของเธอใส่กลับไปที่กระเป๋ากางเกงตามเดิม
“เปลี่ยนใจล่ะ”
“อ้าว พี่!”
“ไหนว่าจะเลี้ยงชาบูไง เลี้ยงก่อนแล้วถึงคืน” เขาเลิกคิ้วหล่อๆ มองเธอ
“…”
“ว่าไง หรือไม่เลี้ยง?”
สมายด์เริ่มหน้างอ ในขณะที่มิยาสะกิดแขนให้สมายด์พยักหน้าตกลง ไหนๆ มิยาเองก็เป็นคนเอ่ยปากบอกจะเลี้ยงขอบคุณตั้งแต่ตอนแรกที่โทรหา แถมเพื่อน ๆ คนอื่นที่นั่งรอก็ออกอาการอยากให้หนุ่มหล่อประจำวิศวะมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเธอ
สายตาเพื่อนทุกคนคล้ายกับกำลังกดดันให้สมายด์ตอบตกลง ซึ่งแน่นอนใครมันจะไปขัดใจเพื่อน ๆ ได้
“ค่ะ เลี้ยงก็เลี้ยง งั้นนั่งสิ”
สมายด์ถอนหายใจพรืดใหญ่ บอกตัวเองให้พยายามตัดเรื่องที่เจอในห้องน้ำไปก่อน ส่วนตอนนี้เรื่องเอาคืนโทรศัพท์สำคัญกว่า อย่างน้อยก็ยังดีที่เขาเอามา
“โอเค ขอบคุณครับ ไว้กินเสร็จแล้วค่อยว่ากัน”
“เห็นแก่กิน”
สมายด์บ่นพึมพำพลางหันไปค้อนให้หนึ่งกรุบ ก่อนที่เธอจะเลือกนั่งลงตรงที่ว่างข้างมิยา ไม่วายตัวต้นเรื่องยังตามมานั่งลงข้างเธออีก
“อ๊ะ…”
“นั่งด้วยดิ”
“ที่ตั้งกว้างทำไมไม่ไปนั่งตรงอื่น”
เธอบ่นพลางเขยิบตัวหนี แต่คนข้าง ๆ ยังเขยิบตามเข้ามาอีก
“เฝ้าไง นั่งใกล้ ๆ กลัวความลับระหว่างเราหลุด”
ใบหน้าหล่อเอียงตัวกระซิบที่ข้างหู จนสมายด์หน้าร้อนผ่าว เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์ในห้องน้ำอีกรอบ
"..." และตอนนี้นอกจากพูดไม่ออกก็อยากทุบหลังคนข้าง ๆ ให้ช้ำในตายไปเลยด้วยเช่นกัน
“จะว่าอะไรไหม ถ้าพี่จะชวนเพื่อนมากินด้วย”
“ว่า”
“ไม่ว่าค่ะ”
“ไม่ว่าเลยค่ะ”
“ยินดีค่ะ”
เพื่อนรักทั้งสี่พร้อมใจกันลงมติเอกฉันท์ ส่งผลให้คะแนนเสียงเดียวของสมายด์พ่ายไป
และไม่ถึงนาทีหนุ่มหล่อขั้นเทพอีกสามคนก็เดินมาที่โต๊ของพวกเธอ สมายด์เริ่มหน้าแห้ง แค่คิดว่าต้องเลี้ยงคนเพิ่มอีกเท่าตัว มือไม้มันก็เย็นเฉียบมาดื้อๆ คล้ายเงินเก็บในบัญชีจะสั่นคลอน
“อ่อคุยกันตั้งนานลืมบอกไป พี่ชื่ออคิณนะ เรียกคินน์เฉย ๆ ได้ ส่วนสามคนนี้ชื่อไอ้กาย ไอ้ฮาชิ แล้วก็ไอ้ธันย์ พวกพี่เรียนปีสามคณะวิศวะ ว่าแต่พวกเราล่ะเด็กศิลปกรรมปีหนึ่งเหรอ”
“ใช่ค่ะพวกเราเรียนคณะศิลปกรรม ฉันชื่อมิยา ส่วนนี่น้ำริน มินิ แล้วก็สมายด์ค่ะ” มิยาเป็นฝ่ายตอบแทนทุกคน “พวกพี่นั่งก่อนสิคะ”