Ep.5 สิ่งที่ไม่ควรเห็น
Ep.5
HE IS HER BOYFRIEND - แฟนเพื่อน -
“เออ อินี่นิ พูดเสียงดัง ฝรั่งกูหนีหมด” มันเบะใส่ฉัน
“ที่เขาหนีน่ะ เขากลัวมึงจับเขากินมากกว่า” เบื่อตุ๊ดแรดนี่จริงๆ
“ค่ะ...ชะนี ฮีแห้ง”
..........................................
“อิปิงปองมึงอย่านั่งทับหลุยส์สปีดี้กู อิตุ๊ดลุกเลย” ฉันโวยวายทันทีที่อิตุ๊ดขึ้นรถมาแล้วนั่งทับกระเป๋าของฉัน
“แหมมม อิดอก แต่ๆ อีก 3เดือนก็จะได้ชาแนลมาสะพายเล่นๆ แล้วค่าา” ยัยตุ๊ดแซวฉันทันที
ใครๆ ก็รู้แล้วสินะ ว่าฉันน่ะบ้ากระเป๋าแบรนด์เนม ชนิดที่ไม่มีข้าวกิน นั่งมองกระเป๋าก็อิ่มได้ หึหึ
“ที่ฉันรับปากจะช่วยยัยเพลิน เรื่องพี่ทีสอง จริงๆ กระเป๋าชาแนล มันก็คงไม่ใช่เหตุผล 100%หรอก”
“แหม กูก็รู้” ยัยปิงปองยังคงนั่งตอบเม้นในเฟสนางไป ขณะที่ฉันขับรถ
“ถึงยัยเพลิน ไม่เอากระเป๋ามาล่อ ฉันก็ต้องช่วยนางอยู่ดีแหละ ดูแววตาอ้อนวอนอ่อนต่อโลกของนางสิ”
“ก็จริงของมึง เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนดิหว๊ะ และฉันก็คิดว่ายัยเลขานั้นนะ ก็ไม่ธรรมดาเหมือนที่ยัยเพลินคาดไว้จริงๆ” ยัยปิงปองรีบพูดขึ้นอย่างออกรส
“ถือว่าเป็นมวยที่ถูกคู่แล้วละ อย่างยัยเพลิน มันเด็กน้อยคงสู้ยัยเลขา นมโตนั้นไม่ได้หรอ ต้องอิโมนาคนนี้ นิ” ฉันพูดอย่างมั่นใจ
ฉันไม่ใช่คนยอมคนค่ะ เป็นคนลุยๆ เผลอๆ อาจจะแมนกว่าผู้ชาย ด้วยซ้ำ ฉันไม่ค่อยกลัวอะไร ซึ่งนิสัยพวกนี้ต่างกับยัยเพลินเพื่อนฉัน ทุกอย่าง ก็เนาะนี้คงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้ฉันไม่มีแฟนด้วยละมั่ง
“อิโม กูเข้าใจนะว่ามึงอินกับการเป็นนางร้าย แต่มึงถอนคันเร่งหน่อย อิชะนี มึงเป็นนักแข่งรถรึไง กูยังไม่อยากตาย” อิปิงปองวีนทันที ที่เข็มไมล์เหยียบถึง 140
“ซอรี่ กูอินไปหน่อย”
.............................................
เพลินตา part.
“เพลินต้องไปแล้วจริงๆ นะ” ฉันกอดลาพี่ทีสองครั้งสุดท้าย
“ตาบวมหมดแล้วคนดี ไม่ร้องๆ” พี่ทีสองค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้ฉันเหมือนเคย
“อื้ออ หื้ออ ...” แต่ต่อมน้ำตามันกลับไม่ยอมหยุดสักที
“โอ๋ๆ เพลิน ถ้าเพลินยังร้องไห้แบบนี้ พี่ก็เป็นห่วงแย่เลยสิ เดินทางคนเดียวได้แน่นะ ให้พี่ไปเป็นเพื่อนป่าว” พี่ทีสองก้มหน้าลงมาถามอย่างจิงจัง
“ฮึ๊บๆ ฮึ๊บบ เพลินไหวค่ะ เพลินจะไม่งอแงให้พี่ทีสองเป็นกังวัล อีกแล้ว” ฉันปาดน้ำตาอย่างลวกๆ และก็เดินลากกระเป๋าใบเล็ก เข้าด่านตรวจกระเป๋าไป
“ไปง่ายๆ อย่างนี้เลยหรอ” พี่ทีสองพูดด้วยเสียงเหมือนจะหัวเราะ
ฉันทำได้แค่เพียงโบกมือบ๊ายบายแบบหันหลังให้ ถ้าหันหน้าไปมีหวัง น้ำตาแตกอีกแน่
“อื้ม เพลินไม่อยากหันไปมองหน้าพี่ทีสองแล้ว ชิ แล้วเจอกันนะคะ” ฉันตะโกนไปด้วยและเดินไปข้างหน้า
“ครับ พี่จะรอเพลินนะ ถึงแล้วโทรหาพี่เลยนะเพลิน” ยังคงได้ยินเสียง พี่ทีสองตะโกนไล่หลังมาติดๆ
พอพ้นสายตาพี่ทีสอง ความเข้มแข็งทั้งหมดที่มีมันก็เหมือนพังลง
แค่รู้ว่าต้องห่างก็คิดถึงแล้ว.... รอเพลินหน่อยนะพี่ทีสอง เพลินแค่อยากตามความฝันของเพลิน...
ฉันก็เคยถามตัวเองซ้ำๆ นะคะ ว่าทำไมต้องเลือกมาเรียนท่ี่อเมริกาด้วย ทั้งที่ BRU ก็เป็น international university อันดับต้นๆ ของประเทศ คำตอบคือ ประสบการณ์ค่ะ
เราจะเห็นได้ว่า ค่ายหนังยักษ์ใหญ่ คุณภาพดีๆ เป็นของทางฝั่ง อเมริกาทั้งสิ้น การที่ได้ทุนมาเรียนที่นี้ มันไม่ใช่แค่ เงินแต่มันคือ ประสบการณ์ชีวิต ที่หาจากที่ไหนไม่ได้...
Line อื้อ อื้อ อื้อ
T2 : เดินทางปลอดภัยนะครับ ตั้งใจเรียน พี่เป็นกำลังใจให้เพลินนะ
Plearntaa : พี่ทีสองก็ขับรถกลับบ้านดีๆ นะคะ
T2 : พี่รักเพลินนะ
“please turn off your mobile phone and all personal electronic device” แอสโฮสเตสสาวคนหนึ่งเดินมาสะกิดฉันยิ้มๆ ฉันจึงต้องปิดเครื่องให้ดูต่อหน้า ก่อนจะรัดเข็มขัดและใส่ที่ปิดตา
“เพลินก็รักพี่ทีสองนะคะ”
อีก 14 ชม.เจอกันนะอเมริกา และโปรเจ็คงานต่างๆ ที่มหาลัย กลับไทยมาเกือบเป็นอาทิตย์ ไม่รู้งานจะเยอะแค่ไหนแล้ว
.........................................................................
Mona Part
สวัสดีวันฝึกงานวันแรก ที่บริษัท The Western เครือข่ายผลิตและ จัดจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และยังเป็นหุ้นส่วนหลักของโรงพยาบาล The western ถ้าฉันผ่านการฝึกงานที่นี้นะ อนาคตสดใสของนักวางแผน มาเก็ตติ้ง อยู่แค่เอื้อมมือ .....
ขออัพเดตเฟสบุ๊คให้พวกเพื่อนในคณะอิจฉาแปป บอกก่อนนะคะ การได้ฝึกงานที่นี้ ไม่ใช่ดวงนะคะ ความสามารถล้วนๆ ค่ะ ทุกคน ก่อนที่ฉันขอให้เพื่อนคนหนึ่งที่มาฝึกงานด้วย ถ่ายรูปให้เพื่อโพสอวดในเฟส
“นับฟางๆ ถ่ายรูปให้หน่อยดิ” ฉันยื่นมือถือให้ยัยนับฟางทันที
“ไม่ค่อยเห่อเลยนะ โมนา 5555”
ยัยนับฟางเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งในคณะของฉัน เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ ปี1จนถึงตอนนี้ แต่อาจจะไม่สนิทเท่ายัยปิงปองกับเพลินตา
“อะ ดูดิใช้ได้ป่าว”
“แต๊งยูวค๊าาา เฟรน” ฉันขอบคุณยัยนับฟางก่อนจะก้มหน้าก้มตาแต่งรูป ก่อนจะโฟสเฟส
@ the Western public company limited (แผนก Marketing)
สวัสดีเช้าวันจันทร์ : เด็กฝึกงาน โมนา มาเก็ตติ้ง แพลนเนอร์ ค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ จุ๊บๆ
......................................................................................................................................................................................
บริษัทนี้คือดีงาม ฉันได้ฝึกงานกับพวกนักวางแผนการตลาดมืออาชีพทั้งนั้นเลย ทุกคนเก่งและจริงจังกับการทำงานและยังคอยสอนงานเราอีกด้วย ถ้าคุณคิดว่า เด็กฝึกงานคือคนที่คอยส่งเอกสาร ชากาแฟ คุณคิดผิด เพราะบริษัทนี้เด็กฝึกงานอย่างเราๆ ยังมีโอกาสได้ทำงานร่วมโต๊ะ กับทั้งหัวหน้าแผนก มาเก็ต บางทีก็ได้เข้าประชุมกับ บอร์ดผู้บริหารอีกด้วย
“นักศึกษาฝึกงาน โมนา!!” ขณะที่กำลังชื่นชมบรรยากาศการทำงานที่ดีงามนี้ ก็มีเสียงของป้านงนุช
ป้านงนุช เป็นที่ปรึกษาทางด้านการตลาด คนเก่าแก่ของที่ีนี้ แม้ว่าคุณป้าจะแก่กว่าแม่ของฉันแน่นอนแต่ก็ต้องเรียก
ว่า...
“ขา พี่นงนุช ....” ฉันหันไปตอบด้วยเสียงหวานๆ อย่างออดอ้อน
การฝึกงานที่นี้ มีทั้งข้อดีและไม่ดี ถ้าคุณผ่าน resume สมัครงาน จะเป็นใบเปิดทางในอนาคต แต่ถ้าคุณตกหรือได้เกรดที่ไม่สวยจากที่นี้ ชีวิตก็จะดับลงเช่นกันค่ะ
“พี่นงนุชมีอะไรจะใช้โมนา ค่ะ” ทำตาปิ๊งๆ ให้ผู้ใหญ่เอ็นดู แต่คงใช้ไม่ได้ผลกับคุณป้าท่านนี้
“ไม่ต้องทำท่าท่างเยอะ มันดูเยอะ เป็นผู้หญิงหัดเรียบร้อยๆ ซะบ้าง” นั้นไงผิดคาด โดนสอนเป็นแม่เลย เชื่อรึยังว่าแกค่อนข้างหัวโบราณ แต่ถึงแกจะปากร้ายแต่แกใจดี และหวังดี แกคอยสอนงาน คอยสั่งโน้นนี่
“ไปตามเอกสาร ที่ห้องรองประธานให้พี่หน่อยสิ ส่งไปให้คุณทีสองเซ็นตั้งแต่เมื่อวาน ยัยเลขาคนใหม่นั้นยังไม่เอามาส่งเลย” ป้านงนุช บ่นๆ
“ได้เลยค่ะ” พรึ๊บ ฉันรีบลุกขึ้นยืนอย่างคล่องแคล่ว ปลั๊ก!! ชนค่ะ หัวฉันเนี้ยแหละ ชนกับชั้นวางของข้างหลัง
“โอ๊ะ” หัวโน มั้ยเนี้ย
“เธอนี่มันซุ่มซ่ามจริงๆ ทำอะไรให้มันช้าๆ ค่อยๆ ทำ จะรีบไปไหนห๊ะ หญิงโมนา” นึกว่าโดนคุณครูภาาษไทยสมัยมัธยมดุ
“โอ้ย” ได้แต่ลูบหัวเบาๆ เจ็บชะมัด “ขาาา พี่นงนุช”
“เห้ออ เหนื่อยใจกับเด็กฝึกงานพวกนี้จริงๆ ถ้าเป็นลูกเป็นหลานจะจับมาอบรม วิถีกุลสตรีให้หมด เด็กสมัยใหม่พวกนี้นี่ไม่ไหวเลยจริงๆ”
ฉันค่อยๆ เลื่อนเก้าอี้เก็บก่อนจะก้มหัวเดินผ่าน คุณป้านงนุช เพื่อเดินไปทางห้องรองประธานหรือห้องพี่ทีสองนั้นเอง
ห้องพี่ทีสองนั้นก็เหมือนอยู่ติดๆ กับแผนกมาร์เก็ตติ้งเนี้ยแหละ
ฉันเดินมาหยุดตรงหน้าประตูก่อนจะ
ก๊อกๆๆๆ “ขออนุญาติค่ะ พี่ทีสอง” ก๊อกๆๆ แปลก วันนี้ยัยเลขานมโตไม่อยู่คอยกันหน้าประตู เหมือนที่ยัยเพลินเคยเล่าให้ฟัง
เรียกตั้งนานไม่ตอบ งั้นฉันขอเปิดเข้าไปเลยละกัน
“พี่ที...สะ” ภาพที่เห็นคือ ยัยเลขาหน้าห้องกำลังก้มทำอะไรบางอย่าง ใต้โต๊ะพี่ทีสอง เธอนั่งคุกเข่าและปากก็มันแผล่บๆ และอยู่ตรงบริเวณเป้ากางเกง เท่านั้นฉันก็รีบหลับตาทั้งที
“ทะ.. เธอ” คนที่ช๊อกกว่าน่าจะเป็นพี่ทีสอง