Ep.4 เหมาะสมกันดี
Ep.4
HE IS HER BOYFRIEND - แฟนเพื่อน -
พรื้บบ เขากระชากข้อมือของฉันเอาไว้ก่อนจะเสียหลักล้มไปนอนหงายกับเตียง เล่นแรงนะเนี้ย ฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ นะ
ดีนะว่าผ้าเช็ดตัวเนี้ยพันมาแน่น!! “พี่ว่า...เราลองมามีลูกกันจริงๆ เลยดีมั้ย เพื่อเจ้าเมี้ยว อยากมีน้อง” พูดด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่ และขึ้นคร่อมบนตัวฉัน
จนตัวฉันเองแอบเผลอจิกไหล่กว้างๆ ของเขา แต่ไม่ๆ สติลูก สติ
กลับมาๆ
“เออ.....ไหนพี่ทีสองบอกว่ารอให้เพลินเรียนจบก่อนไงค่ะ” ฉันเริ่มสองจิตสองใจแล้วนะ ก็เล่นเซ็กซี่ซะขนาดนี้ โอ้ยๆๆ ภูมิต้านทานต่ำเหลือเกิน
“ก็แค่ลองถามดู เพื่อบางทีเพลินจะเปลี่ยนใจ” พี่ทีสองยังคงพูดไป และเริ่มที่จูบอย่างดูดดื่มที่ริมฝีปากของฉัน ก่อนจะค่อยๆ ไล่ลงไปตามลำคอ... ยิ่งเขาหายใจรดลำคอของฉัน มันก็ยิ่งเร้าอารมณ์อย่างหนัก
ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาจนเกือบถึงหน้าอก ที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืน
เดียวพันเอาไว้ มันเริ่มคลายๆ จนเกือบจะหลุด แต่..ฉันเพิ่งนึกได้
“หยุด หยุดก่อนค่ะ พี่ทีสอง” ฉันร้องขึ้นและดึงผ้าเช็ดตัวมามัดให้แน่นขึ้น พี่ทีสองยอมหยุดอย่างว่าง่าย
“มีอะไรหรอ หรือเพลินกลัวเจ็บครับ” แววตาดูอ้อนวอนน่าดู
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ คือเพลินเพิ่งนึกได้ว่า เพลินกำลังมีประจำเดือนนะคะ” ฉันพูดไปตามจริง
“จริงๆ แล้ว พี่ก็ชอบฝ่าไฟแดงนะ” คนเจ้าเล่ห์ยังคงไม่ยอมหยุด
“พี่ทีสองอะ!!!” ฉันผลักให้เขาลุกขึ้นทันที
“หมายถึงเวลาขับรถไง พี่ชอบฝ่าไฟแดง” พี่ทีสองยังคงยืนอยู่ตรงหน้า โชว์ซิกแพคขาวเนียนของเขาอย่างมั่นใจ
“ค่า รีบไปอาบน้ำเลย ยืนอ่อยอยู่ได้”
“ถ้าไม่ให้อ่อยแฟน แล้วจะให้ไปอ่อยใครละครับ” พูดจบนางก็เข้าห้องน้ำไป
ก่อนจะมีเสียงตะโกนออกมาว่า “พี่อาจจะอาบน้ำนานหน่อยนะ พอดีต้องทำอะไรบางอย่างก่อน”
ซึ่งเรารู้ดีว่าอะไร เพราะตอนที่เขาขึ้นคร่อมฉันเนี้ย เจ้ามังกรน้อยๆ ก็ชี้จนกางเกงยีนส์รั้งไม่อยู่แล้ว
“คนลามก เอ้ยย”
...........................................................
Mona part
“อิโม นั่งเหม่ออะไรหว๊ะ” เสียงยัยปิงปองพูดขัด ขณะที่ฉันกำลังเขียนไดอารี่อยู่
“เปล่า กูแค่คิดอะไรไปเรื่อยอะ” และฉันก็ก้มหน้าเขียนไดอารี่ของตัวเองไป
“พี่ทีสองเนี้ย น่ารักเนาะมึง ดูอบอุ่น ขี้เล่น แต่ก็ดิบๆ แบดๆ ดีอะ” เสียงยัยปิงปองผู้ถึง พี่ทีสองขณะที่มันกำลังลูบไล้ครีมไปตามตัว
“พี่ทีสองกับเพลินตาเนี้ย เหมือนเกิดมาคู่กันเลย ยัยเพลินก็น่ารักอ่อนหวาน อ่อนโยน และก็อ่อนต่อโลก ได้คนแบบพี่ทีสองดูแลเนี้ย เหมาะสมกันแล้ว”
“นี่มึงฟังกูปะเนี้ย เขียนอยู่ได้ ไดอารี่อะ ไหนขออ่านบ้างดิ มึงเขียนไรบ้าง” ยัยปิงปองทำท่าจะขอดู
พรื๊บ ฉันปิดทันที ก่อนจะล๊อคมันไว้
“ความลับมั้ยละ อิปลวก” ฉันแกล้งพูดกับมันเล่นๆ ใครจะให้ดูไดอารี่กันละ
“นี่ยุคไหนแล้วหว๊ะ ใครเขาเขียน ไดอารี่กัน”
“เออ กูมันผู้หญิงจากยุค 90 ทำไม”
“มึงไม่ได้เขียน นินทรากูใช่ปะ” ยัยปิงปองยังคงพูดกระแหนะกระแหน่
“ไม่มี กูแค่เขียนระบายเรื่องราวในใจนะ ไม่ก็พวกคติเตือนใจ”
“เออๆ กูไม่ยุ่งแล้วก็ได้ คืนนี้กูมีไปปาร์ตี้กับเพื่อนคณะกูอะ ไปม๊ะๆ ผู้เด็ดเวอร์” นางเอาผู้ชายมาล่อจ้า
“โนค๊าา กูต้องเตรียมเอกสารไปฝึกงาน แอบเคร่งเหมือนกัน ขอเตรียมตัวก่อน”
“up to you ka”
“อย่าเมามากนะอิตุ๊ด” ฉันย้ำอีกที เพราะไม่มีวันไหนที่มันไปกินแล้วกลับมาได้เองสักครั้ง
“ค่าแม่” นางตุ๊ดรีบไหว้ฉัน และเดินออกไป
ฉันเรียนคนละคณะกับพวกยัยปิงปองกับยัยเพลิน เด็กนิเทศนี่เขาเที่ยว กันดีเนอะ จริงๆ ฉันก็ชอบพวกกิจกรรมทางนิเทศเหมือนกันนะ แต่ว่าที่เลือกมาร์เก็ตติ้ง หรือ การตลาดเนี้ย เพื่อเอาไปช่วยกิจการทางบ้านด้วยค่ะ
ฉันเปิดไดอารี่ตัวเอง มาอ่านอีกครั้ง
คุณคงสงสัยเหมือนยัยปิงปองละสิ ว่าสมัยนี้ใครเขาเขียนไดอารี่
ฉันเองค่ะ ฉันเริ่มเขียนตั้งแต่ อายุ 14 เลยมั่ง พ่อบอกว่า เวลาเรามีปัญหาที่ระบายให้ใครฟังไม่ได้ แต่ก็อยากระบายให้เขียนสมุดเล็กๆ เอาไว้ ฉันก็เลยติดนิสัยมั่งค่ะ
ไดอารี่เหมือนเป็นที่ระบายความรู้สึกของฉัน ในแต่ละปีค่ะ เราจะรู้ว่าความคิดของเรา ความรู้สึกของเรา เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลง มันเปลี่ยนไปขนาดไหน
เรื่องทุกข์บางเรื่อง พอเรากลับไปอ่านมันดูอีกครั้ง มันกลับกลายเป็นเรื่องน่าตลกขึ้นมาได้
November 2016
เดือนนี้ เพลงที่ตรงกับฉัน คงเป็น.....เพลงนี้แหละมั่ง “หากว่าความรักฟังอยู่”
นานเท่าไรแล้วที่ในชีวิต
ไม่ได้มีใคร ทำให้ใจของฉันรู้สึก
และนานเท่าไรแล้ว ที่ในส่วนลึก
ล่องลอยรอใคร โดยไม่มีอะไรยึดเลย
และยังต้องเข้มเเข็ง ต้องไม่อ่อนไหว ต้องแสดงว่าใจนั่นแกร่ง ทั้งที่เปล่าเลย
หากว่าความรักฟังอยู่ ช่วยตะโกนตอบฉันหน่อย
ฉันฝืนรอคอย มีชีวิตลอยๆ ไม่ไหวอีกต่อไป
หากความรักฟังอยู่ ได้โปรดออกมาได้หรือไม่
ให้ฉันนั้นได้พออุ่นใจ ว่าความรักที่ฉันกำลังรออยู่ มีตัวตนจริงๆ ...........
“หรือบางที คนที่ใช่ของฉัน อาจจะยังไม่เกิด เหมือนที่ยัยปิงปองเคยพูดไว้ก็ได้....”
แต่ฉันยังรอเขาอยู่... โมนา
@ Suvarnbhumi airport
“ส่งยัยคุณหนูเพลินตา กลับไปเรียนต่อ งื้อๆๆ คิดถึงแย่เลย อีก 3เดือนเจอกันค่ะ ซิส safe flight baby”
@plearntaa @Monalisa
“อิตุ๊ด มั่วแต่ก้มหน้าเล่นเฟสอยู่ได้ เงยมาดูหน้าเพื่อนแกก่อนสิ” ยัยปิงปองมั่วแต่ก้มเช็คอิน อัพเดตเฟสของนาง
ขณะที่ยัยเพลิน ก็ยังคงเป็นเด็กขี้แยร้องไห้เหมือนเดิม
“หยุดร้องได้แล้วคนดี” และมันก็คงเป็นหน้าที่ ที่เลี่ยงไม่ได้ของพี่ทีสอง ที่ต้องปลอบใจนาง
“ฮื้ออ อื้อออ เพลิน เพลินต้องคิดถึงทุกคน แน่ๆ เลยค่ะ” ยัยเพลินยังคงสะอึกสะอื้นในอ้อมแขนของพี่ทีสอง
“เราเลือกเองนะ ไปๆ ลาพวกเพื่อนๆ ได้แล้ว เดี๋ยวขึ้นเครื่องไม่ทันหรอก” พี่ทีสองได้แต่ลูบหัวปลอบใจ
“พวกเมิง ฮื้ออ” ยัยเพลินก็ถลากอด ฉันกับปิงปองทันที
“อย่าลืมคิดถึงกันนะ” เพลินตายังคงพูดด้วยเสียงหวานเช่นเคย
“ยัยเพลิน อย่าเวอร์ โทรศัพท์ก็มี เน็ตก็มี คิดถึงพวกฉันแกก็โทรมาหาได้ตลอดเวลาแหละ ตั้งใจเรียนะ” ฉันกอดยัยเพลินแน่นๆ เฮ้อ
ปกติเราก็ไปไหนมาไหนกัน สามคน พอเหลือแค่ อิตุ๊ด กับฉัน มันก็เหงาๆ เหมือนกันนะ
“รีบกลับมาหาพวกเรานะแกร๊” ยัยปิงปองพูดขึ้น
“ได้เวลาแล้ว รีบไปเถอะเพลิน เดี๋ยวพี่เข็นกระเป๋าไปส่งที่เช็คอินนะ” พี่ทีสองดูนาฬิกาแล้วพูดขึ้น
“อ้าวแล้วนี่พวกเธอมากันยังไงอะ ให้พี่ไปส่งมั้ย” พี่ทีสองหันมาถามทางฉัน กับปิงปอง
“อ่อ ยัยโมขับรถมานะค่ะ ไม่รบกวนพี่ทีสองดีกว่าค่ะ” ยัยปิงปองรีบตอบ
“เออ งั้นโมกับปิงปองกลับก่อนเลยดีกว่าค่ะ พี่ทีสองกับเพลินจะได้มีเวลาคุยกัน ระหว่างรอเช็คอินกระเป๋า” ฉันเกรงใจพี่ทีสองนะ เขาคงอยากอยู่กับแฟนสองต่อสองมากกว่า
“อ่อ เอางั้นหรอ โอเค”
“เดินทางปลอดภัยนะมึง ถึงแล้วก็โทรมาเม้าท์มอยนะ” ฉันเดินไปกอดยัยเพลินที่ยืนสะอึกสะอื้นเหมือนเด็กน้อยอีกครั้ง
“โมนา กูฝากมึงดูแลพี่ทีสองด้วยนะ” ยัยเพลินพูดเสียงเบาข้างหูของฉัน
“อื้ม กูรับปากมึงแล้วไง รักมึงนะเพลิน” ก่อนที่ฉันจะคลายกอด และยืนโบกมือบ๊ายบายให้ทั้งพี่ทีสองและยัยเพลินเข้าเกทเช็คอินกระเป๋าของสายการบินนั้นไป
“ไปกลับอิตุ๊ด..... อิตุ๊ด” ยัยปิงปองมั่วแต่จ้องฝรั่งหัวทองๆ กลุ่มนึงอย่างกับจะกินเขา จนพวกเขาถึงกับระแวง
“อิตุ๊ด..” ฉันถึงกับต้องไปตะโกนใส่หูมัน
“ห๊ะๆ อะไร มีไร ตกใจหมด อิผี” มันบ่นๆ
“จะกลับได้ยัง ค่าที่จอดรถแพงนะเว้ย” ยุคนี้ต้องประหยัด