ตอนที่ 7 ทุเรศฉิบ
“ไม่มีใครทำแบบนั้นหรอก คนจนก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะหมด”
“ฉันก็แค่เตือนด้วยความหวังดี”
“งั้นก็ขอบคุณที่มาส่งนะ”
“เดี๋ยวสิ พรุ่งนี้เธอคงไม่ลืมใช่ไหม ว่าเรามีนัดกัน”
ดวงตาคมกริบวาบขึ้นในความมืด นัยน์ตาสีน้ำตาลลึกล้ำจนอ่านไม่ออก แต่มันกลับทำให้ใบหน้าสาวร้อนวูบวาบแดงซ่านไปจนถึงใบหู
“เอ่อ ไม่ลืมหรอก นายจะให้ฉันไปเจอที่ไหนล่ะ โรงแรมอะไร”
“ไปคอนโดของฉัน”
“คอนโดเหรอ”
“อืม สะดวกดี แล้วก็ไปยืนรอฉันที่ข้างตึกคณะแล้วกัน เลิกเรียนจะไปรับ”
“ฉันไม่อยากให้ใครเห็น ฉันไปเองก็ได้”
“รถติด เสียเวลา งั้นเธอมาหาฉันที่รถก็ได้ เหมือนวันนี้”
“อืม ก็ได้”
“อย่าลืมเอาเสื้อผ้าไปด้วยล่ะ ชุดนอนไม่ได้นอน มีไหม ฉันชอบแบบนั้น”
“อะ เอ่อ ไม่มีหรอก”
คำพูดหน้าไม่อายของเขาทำเอาเธอหูอื้อไปหมด จะให้เธอใส่ชุดนอนบางเบาจนมองทะลุปรุโปร่งต่อหน้าเขาได้อย่างไร เธอกะว่าคืนพรุ่งนี้จะขอร้องให้เขาปิดไฟ ซึ่งก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะยอมหรือเปล่า
“ไม่มีก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องใส่ก็ได้ แค่ผิวขาวๆ ของเธอก็คงทำให้ฉันมีอารมณ์มากแล้วล่ะ”
ยังไม่ทันจะได้เห็นผิวขาวๆ ของเธอภายใต้ร่มผ้าเลยสักนิด แค่จินตนาการไปตามคำพูดของตัวเอง ลูกชายคนโตที่ขนาดเทียบเท่ามาตรฐานตามชาติพันธุ์ของผู้เป็นพ่อก็เหยียดขยายตุงกางเกงผ้าเนื้อดีเสียแล้ว
คนตัวบางก้มหน้างุด ไม่กล้าสบสายตาที่วาววับด้วยความปรารถนาอีก เพราะเพียงแค่นี้หัวใจดวงน้อยก็เต้นกระหน่ำคร่อมจังหวะจนกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงอยู่แล้ว
“นี่เธอเขินฉันเหรอ”
แม้ในรถจะค่อนข้างมืด ไม่ได้เห็นว่าแก้มขาวๆ ของเธอจะแดงเรื่อเพียงใด แต่อาการหลบสายตาของเขาแบบนั้นก็ทำให้รู้ได้ในทันทีว่าเธอเขินอาย เห็นแบบนี้แล้วอยากจะแกล้งให้เธอได้อายอีกสักนิด
“เปล่านะ ฉันแค่ไม่ชินกับคำพูดลามก”
“หึหึ เดี๋ยวก็ชิน ฉันไม่ได้สุภาพเหมือนผู้ชายคนเก่าๆ ที่เธอเคยนอนด้วยหรอกนะ”
“อืม ฉันรู้แล้วน่า งั้นฉันไปก่อนนะ ขอบคุณที่มาส่ง”
เขามองจนร่างบางลับสายตาเข้าไปในตึกเก่าๆ ไม่เห็นว่ามีผู้ชายหน้าไหนเดินตามเธอไปก็พลอยโล่งอก จึงกลับคอนโดมิเนียมสุดหรูของตัวเองที่ค่อนข้างไกลจากที่นี่ด้วยความทรมานกับอาการปวดหนึบที่ความเป็นชาย
“หึ ยัยอลิซ เธอทำของใส่ฉันหรือไง ค**ฉันถึงโด่ไม่เลิกเนี่ย”
เมื่อกลับถึงคอนโดมิเนียมของตัวเอง คิริวก็รีบเข้าห้องน้ำเพื่อใช้น้ำเย็นจัดในการลดอุณหภูมิของตัวเองที่กำลังร้อนรุ่มได้ที่ แต่จนแล้วจนรอด ท่อนเนื้อใหญ่โตก็ไม่ยอมหดตัวลงโดยง่าย ยังคงแข็งตั้งชูชัดท้าสายน้ำเย็นๆ เขาจึงจัดการทำให้มันสลบลงด้วยน้ำมือของตัวเองไปถึงสองครั้ง
“ไอ้ห่าคิริว ทำเหมือนคนอดอยากปากแห้ง ทุเรศฉิบหาย เพราะยัยอลิซคนเดียว พรุ่งนี้ถ้าเอายัยนั่นเข้าห้องมาได้ จะจับเย**ตั้งแต่หน้าประตูเลย คอยดูสิ”
เขาคาดโทษคนตัวบางแสนเย้ายวนเพราะใบหน้าสวยหวานลอยเข้ามาในสมองตอนที่เขากำลังทำร้ายตัวเอง ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ถ้าพวกเพื่อนๆ ของเขารู้เข้าคงโดนล้อไม่เลิก น่าอายชะมัด
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวขึ้นเตียงหลังจากใส่ชุดนอนเสร็จ แม่ของเขาก็โทรเข้ามาหาเสียก่อน
“สวัสดีครับแม่ โทรมาดึกเลย มีอะไรครับ”
ปกติเขาไม่ค่อยกลับบ้านเท่าไรนัก จะติดต่อกับพ่อแม่แค่ทางโทรศัพท์ ยิ่งโดยเฉพาะพักหลังที่ป้าของเขามาอาศัยอยู่ด้วยยิ่งไม่ค่อยอยากกลับไปเหยียบที่นั่นเท่าไรนัก เพราะความจิกจิกจู้จี้ของสาวแก่ไร้ครอบครัว ที่ชอบจุ้นจ้านกับชีวิตของหลานๆ ซึ่งลูกพี่ลูกน้องของเขาก็โดนคนเป็นป้าก้าวก่ายชีวิตกันมาหมดแล้ว จนมาถึงเขาที่ยังเหลือเป็นคนสุดท้าย
“ไม่มีอะไรหรอก แม่แค่จะถามว่าพรุ่งนี้ริวจะกลับบ้านไหม”
ปกติแม่เขาไม่เคยถาม พ่อกับแม่เขาค่อนข้างให้อิสระในการใช้ชีวิตวัยรุ่นแก่เขาอย่างเต็มที่ แต่พอป้าของเขาย้ายเข้ามาอยู่ด้วยเท่านั้นล่ะ แม่ที่เป็นน้องสาวคนเล็กซึ่งเกรงใจพี่สาวคนโตมาแต่ไหนแต่ไร เลยเดือดร้อนมาถึงเขา
“ป้าช่ออีกแล้วใช่ไหมครับ”
คิริวถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ป้าช่อม่วง พี่สาวคนโตของแม่เอาจริงเอาจังเรื่องจับคู่ให้เขากับลูกสาวของนักธุรกิจที่รู้จักกันดีกับครอบครัวของเขา ถึงขนาดย้ายเข้ามาอยู่ด้วยที่บ้านชั่วคราวเพื่อกรอกหูพ่อกับแม่ของเขาทุกวัน
“อย่าทำเสียงอย่างนี้สิ ป้าเขาหวังดี”
“หวังดีอะไรครับแม่ จุ้นจ้านมากกว่า พี่ๆ ลูกป้าผกาก็ไม่มีใครเอาด้วย ยังไม่เข็ดอีกหรือครับ”
แม่ของเขาเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น มีพี่น้องรวมสามคน พี่สาวคนโตคือ ช่อม่วง เป็นสาวทึนทึกไม่ยอมมีครอบครัวเพราะเรื่องมาก คนรองคือ ช่อผกา แต่งงานมีลูกถึงสามคน คนสุดท้องคือแม่ของเขา ช้องนาง มีเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียว และแน่นอนว่าหลานทั้งสี่คนโดนป้าช่อม่วงจับคู่กับลูกหลานนักธุรกิจทั้งหมด
“ริวก็แค่มารู้จักกับคนที่ป้าหาให้หน่อยไม่ได้หรือลูก ถ้าไม่ชอบ ริวจะไม่สานต่อแม่ก็ไม่ว่า”
“พ่อรู้เรื่องนี้ไหมครับ”
ด้วยพ่อของเขาคือชายชาวเยอรมัน ที่ให้อิสระกับลูกเต็มที่ และเลี้ยงลูกแบบฝรั่ง ให้ตัดสินใจทุกเรื่องในชีวิตเองโดยไม่มีการก้าวก่ายเหมือนชาวไทย ดังนั้น แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ พ่อของเขาไม่เคยเห็นด้วย ติดที่ว่าเกรงใจความเป็นพี่สาวคนโตของเมียเท่านั้น จึงไม่พูดจาหักหาญน้ำใจ เพราะรู้ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางยินยอมในเรื่องนี้
“พ่อก็รู้ แต่พ่อก็ไม่ได้สนับสนุน พ่อให้ริวตัดสินใจเอง”
“แต่ก็เกรงใจป้าใช่ไหมครับ”
“ริวก็รู้”
“เฮ้อ แม่ครับ ผมโตแล้วนะ อีกเทอมเดียวก็ออกมาทำงานกับพ่อได้แล้ว ผมไม่ชอบถูกใครบังคับ”
“แม่รู้ แต่ถ้าริวไม่ยอมมาพบกับผู้หญิงที่ป้าแนะนำ ยังไงป้าเขาก็ไม่ยอมกลับบ้านแน่ๆ”
เพราะก่อนหน้านี้ป้าช่อม่วงก็ใช้ไม้นี้กับลูกพี่ลูกน้องของเขา สุดท้ายทั้งสามคนนั้นก็ต้องยอมพ่ายแพ้กับลูกตื๊อของป้า จนต้องยอมไปทำความรู้จักกับลูกหลานนักธุรกิจเหล่านั้น และไม่มีการสานต่อใดๆ ทั้งสิ้น งานหนักจึงมาตกอยู่ที่เขา เพราะความล้มเหลวที่เกิดขึ้นถึงสามครั้งสามครา ทำให้คนเป็นป้าคาดหวังกับเขามากเป็นพิเศษ และด้วยแม่ของเขาเป็นคนหัวอ่อนที่สุด ป้าช่อม่วงยิ่งหวังจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จแน่นอน
“แล้วจะให้ผมไปเจอผู้หญิงคนนั้นที่ไหนครับ”
“พรุ่งนี้ ป้าเขาเชิญครอบครัวของหนูพลอยมากินข้าวเย็นที่บ้านเราจ้ะ ริวเรียนเสร็จก็กลับบ้านมาเลยนะ”
“เอ่อ แม่ครับ พรุ่งนี้ผมไม่ว่าง”
“แต่ป้านัดกับทางนั้นไว้แล้ว มีแต่ผู้ใหญ่ทั้งนั้น ถ้าริวไม่มา เสียมารยาทแย่”
“ทำไมไม่มีใครบอกผมก่อนเลยครับ ถ้าผมมีธุระสำคัญล่ะ หรือมีทำโปรเจคกับเพื่อนจะทำยังไงครับ ผมเรียนหนัก งานก็เยอะ ไม่ได้ว่างตลอดเวลานะครับแม่”
คนหล่อโวยวายอย่างหัวเสีย ด้วยรู้ดีว่าถึงขั้นนี้แล้วเขาไม่มีทางปฏิเสธได้ เพราะนั่นหมายหนึ่งหน้าตาของพ่อกับแม่เขาด้วย แต่ถ้าจะให้เขาเสียเวลาไปกินข้าวกับที่บ้านก่อน กว่าจะแยกย้ายกันกลับบ้านก็คงจะดึก เผลอๆ แม่กับป้าคงไม่ยอมให้เขากลับมาค้างที่คอนโดแน่ๆ
อุตส่าห์จะได้จัดการยัยแม่มดอลิซอยู่แล้วเชียว แบบนี้เขาจะทำยังไง ไม่อยากเสียเวลาไปเปล่าๆ เลย ให้ตายสิ