บทย่อ
กว่าที่ฉันจะใช้งานเธอ..ให้คุ้มกับเงินห้าหมื่น เธออาจจะได้คลานลงจากเตียง
ตอนที่ 1 อลิษา
“นี่จ้ะ เงินเดือนของอลิซเดือนนี้”
หญิงวัยกลางคนยื่นซองสีขาวให้กับสาวน้อยเจ้าของชื่อแสนน่ารัก ผู้ซึ่งเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ของเธอมาสามปีเต็มแล้ว
อลิซ อลิษา นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการบัญชี ชั้นปีที่ 4 ซึ่งมีใบหน้าจิ้มลิ้ม จมูกโด่งปลายเชิดรั้นกำลังงาม ริมฝีปากอวบอิ่มรูปกระจับสีแดงสดราวผลเชอร์รี่ตัดกับผิวพรรณที่ขาวผ่องเนียนละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนตามชาติพันธุ์ของผู้เป็นบิดายิ่งขับให้ใบหน้าของเธอสวยงามชวนมองจนไม่อาจละสายตาได้
แม้ว่าใบหน้าและรูปร่างของเธอจะสวยงามไร้ที่ติราวกับลูกรักของพระเจ้า แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าเองก็คงจะไม่ได้รักเธอเท่าไรนัก เพราะชีวิตของเธอมันไม่ได้น่าอิจฉาเลยสักนิด
เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว พ่อเธอเป็นชาวรัสเซียซึ่งมาพบรักกับแม่ที่เป็นคนไทย ทั้งคู่แต่งงานและสร้างธุรกิจโรงงานอาหารแปรรูปมาด้วยกัน แต่สุดท้ายก็โดนหุ้นส่วนโกงเงินมหาศาลจนเสียหายอย่างที่ประเมินค่าไม่ได้ โรงงานต้องปิดตัวลง พ่อของเธอถูกฟ้องล้มละลาย ทรัพย์สินที่มีถูกยึดไปเพื่อใช้หนี้ทั้งหมด ที่เลวร้ายกว่านั้น พ่อของเธอเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกและเสียชีวิต ทิ้งเธอกับแม่ให้อยู่เผชิญชะตากรรมกันตามลำพัง ในตอนนั้นเธอเพิ่งจะก้าวออกจากรั้วโรงเรียนนานาชาติเพื่อศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยหมาด ๆ
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก จากที่เคยใช้ชีวิตสุขสบาย มีบ้านหลังใหญ่ราวคฤหาสน์ มีรถหรูให้ขับไปเรียนทุกวัน เธอกับแม่กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องระหกระเหินออกมาเช่าห้องพักเล็ก ๆ อยู่ในย่านชุมชนแออัด และหลังจากนั้น เธอกับแม่ก็ทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินมาเป็นค่าเล่าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยของเธอ
“ขอบคุณมากค่ะ พี่แก้ว”
อลิษาไหว้เจ้าของร้านอย่างนอบน้อม ซึ้งน้ำใจที่ช่วยเหลือเธอผู้ทำอะไรไม่เป็นเลยในตอนแรก จนตอนนี้ อดีตลูกคุณหนูทำงานทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่ว เพราะการให้โอกาสของแก้ว ทำให้มีเงินจ่ายค่าหน่วยกิตมาตลอดสามปีและปีนี้ก็กำลังจะเข้าปีที่สี่ ปีสุดท้ายของชีวิตการศึกษา หลังจากนี้เธอก็จะได้ออกไปทำงานเพื่อสร้างอนาคตใหม่ให้เธอกับแม่เสียที
“จ้ะ รีบไปจ่ายค่าเทอมเถอะ พี่บอกจะออกให้ก่อนก็ไม่เอา ทำงานด้วยกันมาตั้งสามปีแล้ว จะเกรงใจอะไรนักหนา”
สัปดาห์นี้เป็นช่วงสุดท้ายที่เธอจะสามารถจ่ายค่าเทอมที่ผัดผ่อนเอาไว้ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้แก้วก็เสนอตัวช่วยเหลือโดยให้ยืมเงินไปจ่ายก่อน ค่อยมาทำงานชดใช้ทีหลัง แต่เธอก็ไม่ยอม ด้วยไม่อยากเอาปัญหาชีวิตของตัวเองไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย เพราะทุกคนก็มีภาระค่าใช้จ่ายมากมายไม่ต่างกัน แม้จะเป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ก็ตาม
“ไม่เอาหรอกค่ะ พี่แก้วเองก็ภาระตั้งเยอะแยะ แค่ช่วยรับลิซเข้าทำงานก็เกินพอแล้วค่ะ”
แก้วส่งยิ้มเอ็นดู อดรู้สึกสงสารเด็กผู้หญิงแสนสวยคนนี้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมชะตาชีวิตถึงนำพาเธอมาในจุดที่ยากลำบากขนาดนี้ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าเธอแกร่งพอตัวและสู้สุดใจจริง ๆ
“อดทนอีกนิดนะอลิซ อีกปีเดียวก็จะได้ไปเริ่มต้นใหม่กับแม่แล้ว”
“ขอบคุณมากค่ะพี่แก้ว”
“จ้ะ ไปเถอะ วันนี้มีงานต่อนี่เรา”
อลิษายกข้อมือดูเวลาก็ต้องตกใจ เพราะตอนนี้ใกล้ถึงเวลาที่เธอรับปากกับเพื่อนเอาไว้ว่าจะไปทำงานพิเศษแบบเงินถึง ๆ ด้วยกัน ซึ่งนาน ๆ ทีจะมีมาสักครั้ง
“อุ๊ย จะสายแล้ว ไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
คนตัวบางไหว้ลา ก่อนจะรีบเข้าไปถอดผ้ากันเปื้อนแล้วคว้ากระเป๋าสะพายคู่ใจแล้วรีบวิ่งออกจากร้านไปในทันที
“ยัยอลิซ แกถึงไหนแล้ว”
อลิษาที่ลงจากรถเมล์และวิ่งสี่คูณร้อยเมตรหญิงเข้าซอยมาถึงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ หยุดยืนหอบหายใจแรงเพื่อกดรับโทรศัพท์จากเพื่อนรักที่คบหากันมาสามปีแล้ว
“หน้าบ้านแล้ว”
“หอบเป็นหมาเลย วิ่งมาใช่ไหมเนี่ย”
เมี่ยง มัสยา เพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอพูดพร้อมกับขำในลำคอ หลังจากที่ชีวิตตกต่ำถึงขีดสุด เพื่อนที่เคยคบหากันก่อนหน้านี้ก็ตีตัวออกหาก ไม่มีใครจริงใจกับเธอสักคนเดียว ยกเว้นผู้หญิงตัวผอมบางผู้วิ่งรอกทำงานสู้ชีวิตแบบเดียวกันกับเธอคนนี้
“อือ อย่าถามมาก เหนื่อย”
“งั้นแกรีบเข้ามาเลย อ้อมมาทางหลังบ้าน แถว ๆ ครัวนะ จะประชุมแบ่งหน้าที่กันแล้ว”
“โอเค”
ไม่นาน สาวสวยรูปร่างบอบบาง ผิวพรรณขาวผ่องก็โดดเด่นกว่าใครในชุดแม่บ้านแสนน่ารัก แม้ว่ามันจะสั้นไปนิดก็ตาม
“น่ารักมาก คืนนี้แกต้องได้ทิปเยอะแน่ ๆ”
มัสยาผู้ที่ใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกันกับเพื่อนเอ่ยชมจากใจ อลิษาเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งน่ารัก เธอพยายามยุหลายครั้งแล้วว่าให้ไปขึ้นเวทีประกวดอะไรสักอย่าง เผื่อแมวมองมาเห็นอาจจะได้โชคดีไปเป็นดารา แต่เพื่อนของเธอผู้ซึ่งก้มหน้าทำงานพิเศษทุกอย่างเท่าที่ร่างกายจะรับไหวกลับไม่สามารถทำอะไรไร้สาระแบบนั้นได้ เพราะแค่เรียนและทำงาน ก็แทบจะไม่มีเวลานอนแล้ว
“ก็ขอให้เป็นแบบนั้น วันนี้ได้ค่าเทอมมาแล้ว”
“ฉันก็เพิ่งไปจ่ายค่าเทอมมาเมื่อเช้าเหมือนกัน”
ชีวิตของมัสยาเองก็ปากกัดตีนถีบไม่ค่อยต่างจากอลิษาเท่าไรนัก เพราะถูกพ่อขี้เหล้าทุบตีทำร้ายทั้งเธอและแม่มาตลอด จึงหอบเสื้อผ้าหนีกันออกมาอยู่ตามลำพังสองคนกับแม่ แต่โชคร้ายกว่าเธอตรงที่ตอนนี้ทั้งพ่อและแม่ของมัสยาไม่มีชีวิตอยู่กันทั้งคู่แล้ว
“ไป งั้นไปทำงานที่เรารักกันเถอะ”
สองสาวในชุดแม่บ้านแสนน่ารักเดินถือถาดเครื่องดื่มเข้าไปในงานปาร์ตี้วันเกิดของบรรดาลูกหลานไฮโซ งานสบาย ๆ เงินดี ๆ แบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย แต่มันก็ต้องแลกกับการที่เธอทั้งคู่อดหลับอดนอนจนต้องไปนั่งแอบหลับในห้องเรียน แต่มันก็คุ้มแสนคุ้ม
“พี่คะ ขอเติมมาร์ตินีหน่อยค่ะ แขกด้านโน้นขอแต่มาร์ตินี”
อลิษาถือถาดเปล่ามายื่นให้กับบาร์เทนเดอร์ ระหว่างรอ
มัสยาก็เดินตรงดิ่งมาหาทันที
“อลิซ แกรู้ไหม ว่าฉันเจอใคร”
“ใคร”
มัสยาบุ้ยปากไปทางสระว่ายน้ำซึ่งเป็นจุดที่เธอรับผิดชอบนำเครื่องดื่มไปเดินเสิร์ฟ บริเวณนั้นมีแต่สาวสวยในชุดบิกินีนั่งนัวเนียกับชายหนุ่มเต็มไปหมด ทำให้อลิษาต้องมองตามสายตาของเพื่อนไป ก็ไปปะทะกับชายหนุ่มรูปหล่อผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในมหาวิทยาลัยของพวกเธอ
“คิริว วิศวะโยธาไงยัยอลิซ”
อลิษามองชายหนุ่มรูปหล่อคนนั้นอีกเพียงนิด ก่อนจะหันกลับมามองหน้าเพื่อนรักด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“แล้วไง”
“อ้าว ก็หมอนั่นกำลังนัวกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ ไม่ใช่น้ำปั่นนี่”
น้ำปั่นคือรุ่นน้องในคณะของพวกเธอซึ่งตอนนี้เป็นผู้หญิงคนใหม่ที่หนุ่มสุดฮอตอีกคนหนึ่งในคณะวิศวกรรมศาสตร์อย่างคิริวกำลังควง
“แล้วแกจะตกใจอะไร หมอนั่นเคยควงใครนานด้วยหรือไง”
แม้จะไม่ได้อยากรู้จักหรือมีเวลาว่างมากมายไปยุ่งกับเรื่องชาวบ้าน แต่คนดังอย่างเขาที่พวกเธอเคยเห็นผ่าน ๆ หลายครั้งกับชื่อเสียงที่ลือกระฉ่อนไปทั่ว ทำให้จำหน้าของเขาได้ติดตา
“เออ ก็ไม่”
“นั่นสิ หยุดต่อมเผือกของแกเอาไว้ แล้วไปทำงาน”