ตอนที่ 2 หว่านเสน่ห์
ดวงตาคมกริบสีน้ำตาลอ่อนแสนมีเสน่ห์มองตามร่างบอบบางขาวผ่องในชุดแม่บ้านแสนน่ารักซึ่งโดดเด่นสะดุดตาของเขาที่สุดอย่างไม่ละสายตา
คิริว หนุ่มสุดฮอตคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธา ผู้มีใบหน้าสมบูรณ์แบบราวเทพเจ้าปั้น ด้วยเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างเชื้อชาติเยอรมันของผู้เป็นพ่อกับเชื้อชาติไทยผสมญี่ปุ่นของผู้เป็นแม่ ทำให้เขาทั้งหล่อเหลาและมีเสน่ห์เกินกว่าใคร
อีกทั้งความร่ำรวยของลูกชายเพียงคนเดียวทายาทเจ้าของธุรกิจบริษัทรับเหมาก่อสร้างและตกแต่งภายในอย่างครบวงจรที่ผู้เป็นพ่อแม่ร่วมกันก่อตั้งมา ไหนจะหุ้นส่วนมากมายที่เป็นของพ่อกับแม่ของเขาในบริษัทชื่อดังทำกำไรงามอีกหลายแห่ง ซึ่งแน่นอนว่า ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ มันต้องตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
ที่สำคัญที่สุด นอกจากใบหน้าหล่อร้ายและฐานะที่ร่ำรวย เขายังเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างเย็นชาไร้หัวใจ เขาเจ้าชู้ ขี้เบื่อ ไม่สนใจความรู้สึกของใครและไม่ยอมคบใครเป็นตัวเป็นตน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยิ่งเป็นเสน่ห์ดึงดูดสาว ๆ มากมายให้บินเข้ามาในกองไฟลุกโชนที่พร้อมจะแผดเผาพวกเธอเหล่านั้นให้มอดไหม้เป็นจุณ
บนอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อชัดเจนทุกลูกของเรือนร่างสุดเพอร์เฟคยังมีสาวสวยในชุดบิกินีสีแดงกำลังซุกซบอย่างออดอ้อน แต่เขากลับไม่ให้ความสนใจกับเธอเลยสักนิด เมื่อสายตาเอาแต่จ้องมองร่างบอบบางที่เดินถือถาดเครื่องดื่มไปเสิร์ฟคนในงานจนทั่ว ยกเว้นบริเวณที่เขากำลังนั่งอยู่
“ริว มองใครคะ”
แล้วสาวสวยในชุดบิกินสีแดงก็รู้ตัว ว่าจุดสนใจของเขาอยู่ที่ไหน เธอจึงตวัดสายตามองตามแล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ เพราะสาวสวยที่เป็นแค่เด็กเสิร์ฟคนนั้นมันดูสวยใสกว่าเธอตั้งเยอะ แม้ว่าสาวไฮโซอย่างเธอจะผ่านมีดหมอมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ตาม
“ต้องสนใจด้วยเหรอ”
“แต่คืนนี้ริวมากับแนนนี่ หันกลับมาเดี๋ยวนี้”
แนนนี่ สาวไฮโซรุ่นพี่จับใบหน้าหล่อเหลาของเขาให้กลับมามองเธอ ก่อนจะล็อกต้นคอเขาเอาไว้แล้วบดจูบเขาด้วยความเร่าร้อนเพื่อให้ลืมเด็กสาวแสนสวยคนนั้น
“อลิซ เขาจูบกันแล้ว”
มัสยาพุ่งตรงมาหาเพื่อนที่กำลังยืนรอเครื่องดื่มจากบาร์เทนเดอร์อีกครั้ง
“อะไรของแกเนี่ย เมี่ยง”
แม้ปากจะบ่นเพื่อนแต่ก็หันไปมองในตำแหน่งที่เขานั่งอยู่ เมื่อภาพหนุ่มสาวที่กำลังแลกลิ้นกันนัวเนียเข้าสู่สายตา เธอก็หันหน้าหนีทันที
“เห็นไหม จูบกันไม่อายฟ้าอายดิน”
“ทำอย่างกับไม่เคยเห็น เดี๋ยวเมาก็จูบกันนัวเป็นคู่ ๆ ทั้งงาน”
“เออ ก็จริง”
“เลิกตื่นเต้น เลิกสนใจนายนั่น แล้วไปทำงาน”
“ก็ต่อมเผือกของฉันมันสั่นระริก”
สาวร่างบางทำท่าทางประกอบอาการสั่นระริกนั้น แม้จะเคยเห็นแขกที่มาร่วมงานปาร์ตี้จูบกันนัวเนียมาหลายงานแล้ว แต่คนพวกนั้นเธอไม่ได้รู้จัก ไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมสถาบันผู้โด่งดังคนนี้นี่นา
“หยุดเผือก หยุดสั่น ไปทำงาน จะได้รีบกลับไปนอน พรุ่งนี้มีเรียนเช้า”
“โหย อะไรเนี่ย แกมองเรื่องอื่นให้สนุกสนานบ้างก็ได้นะลิซ แกทุกข์มามากพอแล้ว อีกแค่ปีเดียวแกก็จะเป็นอิสระจากความจนแล้วนะ”
“อีกตั้งหนึ่งปี แล้วฉันก็ไม่ได้ทุกข์อะไรขนาดนั้น ฉันเข้มแข็งและมีความสุขดีตามอัตภาพ”
ใช่ เธอไม่มีเวลามาทุกข์ตรมกล่าวโทษชะตาชีวิตอะไรขนาดนั้น เพราะตั้งแต่วันที่พ่อจากไปและทุกอย่างไม่เหมือนเดิม เธอต้องทำตัวให้เข้มแข็งเพื่อปกป้องหัวใจของแม่ และต้องแสดงให้แม่รู้ว่าเธอปรับตัวได้สบายมาก หลังจากนั้นไม่นาน แม่ของเธอก็ตั้งหลักได้ จึงเริ่มต้นหาเงินด้วยการเปิดแผงเล็ก ๆ ขายของกินพวกลูกชิ้นปิ้งและหม่าล่า
“ฉันรู้ว่าแกมีความสุขดีตามอัตภาพ แต่ยิ้มเยอะ ๆ หน่อยสิ นะ คนสวย”
มัสยาใช้นิ้วจิ้มแก้มของเพื่อนรักอย่างที่ชอบทำทุกทีเวลาที่
อลิษาทำหน้าเบื่อโลก และมันก็ได้ผล เมื่อคนสวยของเธอยิ้มหวานอีกครั้ง
“แกนี่มันจริง ๆ เลยเมี่ยง”
“ก็ฉันอยากให้แกมีความสุขนี่ ยิ้มแบบนี้เพื่อนฉันสวยจะตาย ไปเสิร์ฟแล้วโปรยยิ้มให้ทั่ว เพื่อทิปเต็มกระเป๋า โอเคนะ”
“อืม โอเค”
สองสาวแยกย้ายกันไปทำหน้าที่อีกครั้ง และคราวนี้สาวสวยก็ทำหน้าที่ได้ดีกว่าเดิม เมื่อเธอโปรยยิ้มไปทั่วพร้อมกับได้รับทิปกลับมาจนเต็มกระเป๋าอย่างที่เพื่อนรักบอกจริง ๆ
“หึ หว่านเสน่ห์เก่ง”
ดวงตาคมกริบสีน้ำตาลอ่อนมองจ้องเขม็งไปยังสาวสวยคนเดิม ก่อนแค่นยิ้มหยันผู้หญิงที่กำลังอ่อยเหยื่อคนนั้น ท่าทางลูกหลานไฮโซในปาร์ตี้คืนนี้ต้องมีสักคนที่ได้เธอกลับไปนอนกอด ซึ่งน่าเสียดายที่เขาดันควงผู้หญิงคนอื่นมาด้วยเสียแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องไปลองสนามแย่งชิงเธอด้วยสักคน
“ชอบเด็กเสิร์ฟนั่นหรือคะริว”
“ก็สวยดี”
แนนนี่เหยียดริมฝีปากเย้ยหยันหญิงสาวแสนสวยแต่เป็นได้แค่เด็กเสิร์ฟคนนั้น แม้ในใจจะอิจฉามากมาย แต่ก็ไม่อาจแสดงออกถึงความหึงหวงได้ เพราะเธอกับชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้ ไม่ได้เป็นอะไรกัน นอกจากเพื่อนนอน
“แต่คืนนี้ริวต้องไปต่อกับแนนนี่”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“ไว้แนนนี่จะขอเบอร์เด็กนั่นจากคนคุมงานให้แล้วกันนะคะ แล้วริวค่อยไปดีลกันวันอื่น วันนี้ริวต้องให้เวลาแนนนี่ก่อน”
“ไม่ต้องก็ได้ ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น”
“งั้นก็ดีค่ะ ดื่มกันต่อนะคะ คืนนี้จะได้สนุก”
“แต่ไม่ค้างนะ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า”
“ตามใจค่ะ”
ไม่นานหลังจากนั้นหนุ่มสาวที่เมาได้ที่ก็เริ่มแยกย้ายกันกลับไปต่อที่ห้อง เมื่อเวลาเหมาะสม งานเลี้ยงก็เลิกรา เธอและเพื่อนรักจึงเตรียมตัวกลับบ้าน
“ขอบใจพวกน้องมากนะ ที่มาช่วยงานพี่วันนี้ ทั้งน่ารัก ทั้งบริการดีเยี่ยม แขกชมกันทั้งงาน”
เจ้าของออแกไนซ์ยื่นเงินค่าจ้างให้กับอลิษาและมัสยา รวมทั้งพนักงานเสิร์ฟสาวสวยอีกสองสามคน
“โดยเฉพาะผู้ชายใช่ไหมคะพี่หวาน”
มัสยาเอ่ยแซวหวานซึ่งสนิทสนมกันดี เพราะได้ร่วมงานด้วยกันบ่อยครั้ง
“ย่ะ อ่ะนี่ อลิซ มีคนฝากมาให้”
หวานตอบมัสยาก่อนจะหันไปยื่นเงินกับกระดาษโน้ตใบเล็ก ๆ ให้กับอลิษา ก่อนทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้านไปพักผ่อน ซึ่งดึกดื่นป่านนี้ไม่มีรถเมล์วิ่งอีกแล้ว อลิษาจึงต้องนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์คู่ใจของมัสยาเหมือนทุกที
“ฉันไปส่ง อะ ใส่หมวก”
อลิษารับหมวกกันน็อกมาใส่ แต่กลับต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเพื่อนรักที่สวมหมวกกันน็อกเสร็จแล้วเอาแต่มองหน้าเธอ ไม่ยอมขึ้นรถเสียที
“มีอะไร”
“กระดาษอะไร”
“กระดาษอะไรล่ะ”
“ก็ที่แกได้มาพร้อมทิปพิเศษเมื่อกี้อะ หนุ่มที่ไหนให้เบอร์หรือเปล่า”
อลิษาเกือบลืมไปแล้ว เธอยัดเงินและกระดาษแผ่นนั้นลงไปในกระเป๋ากางเกงทันทีที่รับมา
“ไม่รู้เหมือนกัน อะ เอาไปดู”
เธอควักมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนตัวเก่ง แล้วส่งให้เพื่อน แต่เมื่อมัสยาได้เห็นข้อความในกระดาษแผ่นนั้นแล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ถ้าอยากได้ทิปเพิ่มก็โทรมา...”
ข้อความในกระดาษยังไม่น่าตกใจเท่าชื่อเจ้าของข้อความนั้น...คิริว
“คิริว เฮ้ย ยัยอลิซ คิริวทิ้งเบอร์โทรไว้ให้แก บอกให้แกโทรหาถ้าอยากได้ทิปเพิ่ม นี่หมอนั่นให้มาสองพัน”
อลิษารับธนบัตรสีเทาสองใบมาจากเพื่อน อ่านกระดาษโน้ตนั่นแล้วขยำมันทิ้งลงถังขยะทันที
“เฮ้ย นั่นเบอร์คิริวเลยนะ ทิ้งเหรอ”
“อืม เอาแค่เงินพอ กลับบ้านกันเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว”
“เออ ไป นั่งดี ๆ ล่ะ เดี๋ยวฉันจะพาแกซิ่งเอง”