ปลอมรัก บทที่ 5 : ของขวัญวันเกิด
(คาริสม่า)
วันเกิดอายุครบ 29 ปี
ร่างบางก้าวเท้าเดินไปตามทางของอาคารวิจัย มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าเอกสาร มืออีกข้างถือแก้วกาแฟ สายตามองตรงไปยังประตูกระจกบานใหญ่ตรงหน้า และนั่นคือห้องทำงานของฉัน วันเกิดในวัยยี่สิบเก้าปี แต่มันก็แค่วันธรรมดาวันหนึ่งที่ฉันยังคงต้องทำงานต่อไป
ครืด!
ปุง! ปุง! ปุง!
“Happy birthday ~”
ทันทีที่ประตูเลื่อนเปิดออก พลุกระดาษก็ส่งเสียงดังภายในห้อง เค้กก้อนโตในมือของพี่โฮชิปักเทียนสว่างไสวยื่นมาตรงหน้าฉัน เพื่อนร่วมงานแอบมารวมกันอยู่ในห้องเพื่อเซอร์ไพรส์วันเกิด
“อธิษฐานสิครับคาริสม่า” พี่โฮชิส่งยิ้มมาให้ สายตาของทุกคนต่างจ้องมองมาที่เราทั้งคู่ก่อนจะพากันแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แค่นี้ก็รู้ว่ากำลังคิดอะไรกันอยู่
ดวงตากลมโตปิดสนิทลงกำลังอธิษฐานขอพรในวันเกิดให้แก่ตัวเอง ปีนี้ขอให้ฉันหลุดพ้นจากอีวาน ขอให้ไม่มีช่อดอกไม้ส่งมาอีก ขอให้ฉันได้ชีวิตของตัวเองกลับคืนมา ขอให้เขาลืมฉันตลอดไป และขอให้เรา...อย่าได้เจอกันอีกเลย
ฟู่ ~
“ขอบคุณนะคะทุกคน” เทียนถูกเป่าดับลงพร้อมกับไฟในห้องถูกเปิดขึ้น
“พี่โฮชิเอาของขวัญมาให้คาริสม่าสิ เอามาเลยๆ” วีนัสตัวเชียร์อันดับหนึ่ง เร่งให้คนตรงหน้ารีบเอาสิ่งที่เตรียมไว้มาออกมาให้
“สุขสันต์วันเกิดครับคาริสม่า” กล่องกำมะหยี่สีแดงยื่นมาตรงหน้า ฉันก้มมองก่อนจะรับมาถือเอาไว้
“ขอบคุณค่ะ” นอกจากช่อดอกไม้เจ้าปัญหา ก็มีของขวัญจากพี่โฮชินี่แหละที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่กล้ารับไว้อีกคน
“เปิดเลย” เสียงวีนัสกระซิบกระซาบจากด้านหลัง ทำให้ฉันต้องหันไปถลึงตาใส่เพื่อนตัวเองเพื่อให้หยุด
“เปิดเลย! เปิดเลย! เปิดเลย!” เสียงเชียร์จากเพื่อนร่วมงานและรอยยิ้มของพี่โอชิทำให้ฉันได้แต่ส่งยิ้มบางไปให้
“(ยิ้ม)” คนให้ก็ยังคงเอาแต่ยิ้ม เหมือนกับว่าต้องการให้ฉันเปิดของขวัญ
“งั้น...เปิดแล้วนะ” จำใจต้องเปิดต่อหน้าทุกคนตามคำเรียกร้อง
“ว้าว!”
“กรี๊ด!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นรอบตัว เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องของขวัญหลังจากฉันเปิดฝาออก แหวนรูปมงกุฎประดับเพชร
“พี่โฮชิคะ คาริสม่าว่ามันมีมูลค่ามากเกินไปค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างจริงจัง ทำให้ทั้งห้องเงียบเสียงลง
“พวกเราไปข้างนอกกันเถอะ” วีนัสเป็นคนส่งสัญญาณแล้วพาคนอื่น ๆ เดินออกไป เหลือไว้เพียงฉันกับพี่โฮชิเท่านั้น ยายนี่นี่เป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่นอน เดี๋ยวจัดการตรงนี้ก่อนเถอะ!
ครืด!
เสียงประตูเลื่อนปิดสนิทลง ทั่วทั้งห้องเข้าสู่ความเงียบ พี่โฮชิก็ยังคงเอาแต่ยืนยิ้มแล้วมองมาที่ฉัน
“ขอบคุณสำหรับของขวัญนะคะ แต่คาริสม่ารับไว้ไม่ได้จริง ๆ” เขาคิดอะไรอยู่ทำไมฉันจะไม่รู้
“เรารู้จักกันมาห้าปีแล้วนะ แล้วพี่ก็พยายามมาตลอดทั้งห้าปี” พี่โฮชิน่ะ...พยายามจีบฉันมาตลอดห้าปี หรือก็คือตั้งแต่ที่เราเริ่มสนิทกัน
“....” ฉันจะปฏิเสธเขายังไงไม่ให้เสียเพื่อนร่วมงานดีนะ
“หรือว่าคาริสม่ามีคนที่คุยกันอยู่”
“วีนัสบอกพี่ว่ายังไงบ้างล่ะคะ” ยายเพื่อนตัวแสบเล่าจนหมดแล้วนั่นแหละ ว่าฉันไม่มีใครมาหลายปีแล้ว
“วีนัสบอกว่าคาริสม่าโสด”
“ใช่ค่ะ แต่ว่า...คาริสม่าชอบชีวิตตอนนี้ของตัวเองค่ะ ติดใช้ชีวิตคนเดียวไปแล้ว”
“พี่ชอบที่คาริสม่าเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนี้แหละ”
“ถึงคาริสม่าจะปฏิเสธ แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนร่วมงานกันเหมือนเดิมนะคะ”
“ขอถามอีกอย่างหนึ่ง...พี่จะมีโอกาสมั้ย”
“พี่โฮชิเป็นพี่ชายที่น่ารักของคาริสม่าเสมอ ให้เป็นแบบนี้ดีแล้วค่ะ” เพราะรู้ว่าถูกทำร้ายจากความรักมันเป็นยังไง ก็อยากคงสถานะแบบนี้เอาไว้จะเหมาะสมกว่า แล้วอีกอย่าง...ฉันกลัวการมีความรัก
(ทางเดินกลับคอนโด)
เวลา 15.30 น.
ตึก ตึก ตึก
“โห คาริสม่าแกยี่สิบเก้าแล้วนะ ยี่สิบเก้า!” วีนัสพูดกรอกหู ย้ำคำเดิมซ้ำไปซ้ำมาตลอดทางเดินจนมาถึงหน้าคอนโด
“จะตะโกนไปให้แม่ฉันได้ยินเลยมั้ย” น่ารำคาญจริง ๆ เอาแต่ตอกย้ำเรื่องอายุอยู่ได้
“คาริสม่า คาริสม่า คาริสม่า! แกกำลังปล่อยผู้ชายที่ดีพร้อมให้หลุดออกไปนอกอวกาศ แล้วก็ไม่รู้จะหาแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก หน้าตา การศึกษา หน้าที่การงาน และพื้นฐานทางครอบครัว”
“นี่แม่กองเชียร์หมายเลขหนึ่ง ก็รู้นี่ว่าฉันไม่อยากมีแฟนหรือคบใครทั้งนั้น” ต้องให้ย้ำอีกกี่รอบ ถึงจะเข้าไปถึงแก่นสมองของเพื่อน
“ก็รู้ไง แต่มันน่าเสียดายที่ผู้ชายดี ๆ เพียบพร้อมพยายามจีบแกมาหลายปี แล้วก็ถูกปฏิเสธตลอดหลายปีเช่นกัน” วีนัสเดินบ่นมาตลอดทาง
“คนที่เพียบพร้อม ก็ไม่ได้การันตีว่าจะเป็นคนดีและซื่อสัตย์เสมอไป”
ฉันเข้าใจสิ่งที่วีนัสพยายามจะช่วยดี ถึงแม้จะพูดไปเกินร้อยครั้งแล้วว่าฉันอยู่ได้โดยไม่ต้องมีความรักหรือใครมาดูแล ซึ่งแน่นอนว่าวีนัสไม่เคยเชื่อ และพยายามจะเชียร์พี่โฮชิให้ตลอด
“ฮือ~ เอ๊ะ! แล้วนี่จะไม่ไปปาร์ตีฉลองวันเกิดที่ไหนกันเลยหรือไงเราสองคน” เหมือนจะรู้ตัวว่าตอนนี้เดินมาหยุดที่หน้าคอนโดของเราทั้งคู่เป็นที่เรียบร้อย
ฉันย้ายออกจากที่พัก สำหรับเจ้าหน้าที่ของสถาบันวิจัยมาอยู่คอนโด เพื่อนที่ตัวติดจนแทบจะสิงร่างก็ออกมาด้วย และซื้อห้องข้างกัน ถ้ายายนี่ไม่มีแฟน คนอื่นคงคิดว่าเราเป็นมากกว่าเพื่อนแน่
“ไหนบอกว่าวันนี้ต้องไปพบครอบครัวของว่าที่สามีไง ลืมอีกแล้ว”
“จริงสิ! แต่ฉันจะรีบกลับมาเป่าเค้กกับแก ห้ามนอนก่อนนะ” เป็นครั้งแรกที่วีนัสจะได้พบครอบครัวของแฟน แล้วมันดันตรงกับวันเกิดของฉันเพราะพวกเขาต้องบินกลับประเทศตัวเองวันพรุ่งนี้ ซึ่งฉันก็ไม่เคยเก็บเรื่องแค่นี้มาคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว
“รู้แล้วน่า แล้วจะไปกี่โมง”
“ขอไปอาบน้ำ แต่งสวยก่อน” พูดจบวีนัสก็กอดแขนฉัน แล้วพาเดินเข้าไปข้างในคอนโด
“เจอพ่อแม่แล้วจะแต่งเลยมั้ยเนี่ย~” ฉันอดที่จะแกล้งแหย่วีนัสไม่ได้ ถึงจะมีแฟน แต่เธอก็ไม่เคยปล่อยให้ฉันต้องไปไหนมาไหนลำพัง วีนัสเป็นเพื่อนที่น่ารักเสมอ
“บ้า ~ ...แต่ก็ลุ้นอยู่นะ คิกคิก”
เราทั้งสองเดินคุยกันไปจนกระทั่งเข้ามาหยุดยืนหน้าลิฟต์ก็มีเสียงหนึ่งทักขึ้นจากด้านหลัง
“คาริสม่า” เสียงคุ้นหูทำให้เราทั้งสองคนหันไปมองพร้อมกัน
“แม่ พ่อ” บุคคลที่อยู่ตรงหน้าคือแม่และพ่อของฉันเอง ทั้งคู่ส่งยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาสวมกอด
“ก็คาริสม่าไม่ยอมกลับไปหาแม่บ้างเลย เราก็เลยมาหาลูกด้วยตัวเองมันซะเลยน่ะสิ”
“แล้วทำไมไม่โทร. มาบอกกันก่อนล่ะ หนูจะได้ไปรับ”
“จะเซอร์ไพรส์วันเกิดให้ลูกสาวของพ่อไง” พ่อส่งยิ้มหวานให้วีนัสและฉัน พร้อมกับเอื้อมมือมาลูบหัว
“ดีจังเลยนะคะ คาริสม่าไม่ต้องอยู่คนเดียวในวันเกิดปีนี้แล้ว” วีนัสก็ดูโล่งใจไม่น้อย เธอรู้สึกผิดที่ไม่สามารถเลื่อนนัดครอบครัวแฟนได้ และในที่สุดก็มีคนเข้ามาอยู่กับฉันในวันเกิด
“ขึ้นไปที่ห้องกันเถอะค่ะ กระเป๋าอยู่ไหนคะ” ฉันกับวีนัสช่วยกันลากกระเป๋าของพ่อและแม่คนละใบ ก่อนจะพากันขึ้นไปยังห้องของตัวเอง แล้ววีนัสก็ออกไปทำธุระของตัวเอง
2 ชั่วโมงต่อมา
ณ ห้องพักของคาริสม่า
“ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะถูกเลือกขึ้นมาเป็นนะคาริสม่า ตำแหน่งควีนต้องได้รับการพิจารณาอย่างดีจากทุกฝ่ายภายในราชวงศ์แล้ว”
“....” ฉันอุตส่าห์ดีใจที่แม่กับพ่อเดินทางมาหา หลงคิดว่าเป็นเพราะวันเกิดของตัวเอง
แต่ไม่ใช่สักนิด...ครอบครัวของฉันยังสนใจแค่อำนาจทางสังคมไม่เคยเปลี่ยน
“และทั้งสองพระองค์ก็ลงนามเลือกแกแล้วด้วย”
พึ่บ!
กระดาษใบหนึ่งวางลงตรงหน้า สัญลักษณ์ประจำราชวงศ์อยู่ด้านบนหัวกระดาษ และต่อด้วยตราสัญลักษณ์อีก 2 แบบ ที่ฉันรู้ดีว่ามันคือของคิงและควีนแห่งจักรวรรดิ
สายตาไล่มองอ่านข้อความนั่นอย่างผ่าน ๆ โดยไม่คิดจะเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา เพียงมองเห็นชื่อของตัวเองกับชื่อของเขาก็ทำเอาฉันอยากจะฉีกไอ้กระดาษใบนี้แล้วโยนมันทิ้งลงถังขยะ
“....” ถูกเลือกเหรอ....อย่ามาไร้สาระ
“แล้วแม่ก็ตกปากรับคำไปแล้วว่าแกจะกลับไปหมั้น แต่งงาน และ...รับตำแหน่งควีน”
“ไม่” เสียงปฏิเสธที่หนักแน่น ทำให้แม่กับพ่อมองด้วยสายตาไม่พอใจ
“เด็กคนนี้นี่ แกควรจะตอบแทนครอบครัวในฐานะลูกสาวคนโตนะ ถ้าแกแต่งงานกับเจ้าชายอีวาน ตระกูลเราจะอยู่บนจุดสูงสุดของประเทศและทุกคนก็ต้องเกรงใจฉันในฐานะแม่ของควีน”
“แม่ดูจะอยากได้ตำแหน่งนี้มากเลยนะ เขากำหนดมาใช่มั้ยว่าต้องเป็นตระกูลเรา ไหน ๆ แม่ก็ไม่ได้สนใจพ่ออยู่แล้ว ลองเสนอตัวดูสิคะ”
“คาริสม่า!” แม่ตะคอกใส่ฉันด้วยความโกรธจัด นิ้วเรียวเลื่อนกดปุ่มเปิดบันทึกเสียง
“แม่ไม่เคยสนใจความรู้สึกหนูสักนิด! แล้วยังจะส่งไปลงนรกอีก ไอ้ตำแหน่งบ้าบออะไรนี่ใครจะอยากได้ก็เอาไป หนูไม่หมั้น ไม่แต่ง ไม่รับตำแหน่ง ไม่เอาอะไรทั้งนั้น! อ้อ...ไปบอกอีวานนะคะ ถ้าเป็นเจ้าชายราฟา คาริสม่าจะยอมหมั้นด้วย!” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นทันที
“คาริสม่า ทำเพื่อครอบครัวแค่นี้จะตายหรือไง ลูกไร้ประโยชน์!” เสียงด่าทอตามหลังดังลอดออกมาจากห้อง ฉันไม่สนใจคำด่าของแม่เพราะชินชากับมันเต็มที แต่ส่งข้อความเสียงไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของเขาที่ฉันยังจำมันได้ขึ้นใจ
พรวันเกิดของฉันยังส่งไปไม่ถึงพระเจ้าหรือไงฮะ!
(ด้านเจ้าชายอีวาน)
“มาดามเมย์เลอร์ขอเวลาอีกสักหน่อยครับ เธอต้องใช้เวลาในการเจรจาอย่างมากกับลูกสาว” บาเอลพูดขึ้น หลังวางสายจากแม่ของคาริสม่า
“....” นิ้วเรียวคีบบุหรี่ยกขึ้นสูบ สายตามองไปบนท้องฟ้าที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน
“เธอมั่นใจครับว่าลูกสาวจะรับการหมั้นอย่างแน่นอน”
“....” คาริสม่าไม่มีทางยอมรับหรอก เขารู้ดีกว่าแม่ของเธออีก
ติ้ง!
เสียงข้อความดังขึ้นจากโทรศัพท์ส่วนตัว เมื่อหยิบมันขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นข้อความเสียงที่ถูกส่งมาจากเบอร์ของคาริสม่า
เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอตลอดระยะเวลาที่ห่างกัน รู้แม้กระทั่งว่ารุ่นพี่ที่สถาบันวิจัยกำลังตามจีบเธออยู่ เพราะเธอไม่เล่นด้วย เขาจึงไม่จำเป็นเข้าไปทำให้คาริสม่าต้องหนีหายไปอีก แต่ถ้าเล่นด้วย...ก็จะทำอีกแบบหนึ่ง
(แม่ไม่เคยสนใจความรู้สึกหนูสักนิด แล้วยังจะส่งไปลงนรกอีก ไอ้ตำแหน่งบ้าบออะไรนี่ใครจะอยากได้ก็เอาไปเถอะ หนูไม่หมั้น ไม่แต่ง ไม่รับตำแหน่ง ไม่เอาอะไรทั้งนั้น! อ้อ...ไปบอกอีวานนะคะ ถ้าเป็นเจ้าชายราฟา คาริสม่าจะยอมหมั้นด้วย!)
คลิปเสียงของหญิงสาวดังออกมาให้ได้ยินไปทั่วบริเวณ อีวานมองหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองแล้วกำมือแน่น ถ้าเป็นราฟาจะหมั้นงั้นเหรอ...ได้
“บาเอลเอาของที่เตรียมไว้ส่งให้พวกสภาตรวจสอบ บอกว่าเราถูกครอบครัวทริกซี่เอาชื่อไปใช้หาผลประโยชน์มาตลอดหกปี” ไม่คิดว่าจะได้ใช้เร็วขนาดนี้
“ครับ เจ้าชาย” บาเอลรับคำสั่งอย่างรู้หน้าที่
สิ่งที่เตรียมไว้คือเอกสารที่พ่อแม่คาริสม่านำมาให้เขาเซ็นเปิดทางในการขอเสนอประมูลสัมปทานมากมายภายในประเทศ เอกสารในมือของพวกเขาน่ะมันใช่
แต่สิ่งที่อยู่กับเขามันจะถูกเปลี่ยนข้อความบนเอกสารไปเป็นอีกแบบ เปลี่ยนจากการอนุมัติขอยื่นสัมปทาน มาเป็นการอนุมัติขอยื่นปลูกป่าและทำการกุศล แต่ลายเซ็นมันคือรอยปากจากลายมือของเขาและพ่อแม่คาริสม่าจริง ๆ
แล้วถ้าเอาเอกสารทั้งสองแบบมาเทียบกัน ก็จะเหมือนกับว่าเจ้าชายอีวานถูกทั้งคู่หลอกเอาลายเซ็นไปใช้อีกเรื่อง ซึ่งความจริงแล้วเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายทำ
2 อาทิตย์ต่อมา
เวลา 04.30 น. ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ติ้ด ~ ติ้ด~ ติ้ด!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึก มือเล็กยกขึ้นควานหาไปทั่วที่นอน ก่อนจะคว้าเอาสิ่งที่ส่งเสียงดังขึ้นมากดรับสาย ในขณะที่ตายังคงปิดสนิท
“...อือ” เสียงครางในลำคอตอบกลับปลายสาย
(พี่คาริสม่า พ่อกับแม่ถูกจับไปแล้วพี่ ฮือ! พี่ได้ยินมั้ย ฮือ!) เสียงคาร่า น้องสาวของฉันพูดพร้อมกับเสียงร้องไห้
“อะไรนะ!” ร่างบางเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ความง่วงหายไปเป็นปลิดทิ้ง
(แม่ถูกจับเพราะถูกตรวจพบว่าแอบอ้างชื่อเจ้าชายอีวานใช้หาผลประโยชน์ทางธุรกิจ ฮึก! พ่อถูกจับในข้อหาสมรู้ร่วมคิด และทรัพย์สินทุกอย่างของบ้านเราถูกอายัดตรวจสอบทั้งหมด คาร่ากลัว ฮือ!) เสียงร้องไห้ของคาร่าทำให้ฉันร้อนใจไปด้วย
“คาร่า ฟังพี่ตั้งสติ...” ฉันจะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้บ้าง
(พี่ ฮือ! ไหนแม่บอกว่าพี่กำลังจะแต่งงานกับเจ้าชาย แล้วทำไมพ่อกับแม่เราถูกจับล่ะ พี่บอกเจ้าชายสิว่าอย่าทำอะไรพวกเราเลยนะ ฮือ!)
“มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นหรอกไอ้เรื่องแบบนั้น แล้วยิ่งมีเรื่องของพ่อกับแม่เกิดขึ้นมาอีก...” คิดสิคาริสม่า ต้องทำยังไง!
(พี่...กลับมาขอร้องเจ้าชายด้วยตัวเองหน่อยสิ ถ้าเป็นพี่น่ะ ฮึก!)
“...มันไร้ประโยชน์คาร่า พี่จะกลับไปยื่นเรื่องประกันตัวก่อน เราจะสู้คดี”
(ไม่ไหวหรอก อีกฝ่ายน่ะเป็นใครพี่ก็รู้)
“ถ้าไม่ไหวแล้วมันจะมีวิธีไหนไหว ไม่ลองไม่รู้” ฉันคิดแบบคาร่านั่นแหละ แต่มันมีทางเดียวคือเราต้องสู้คดี
(เรื่องของพ่อกับแม่ยังไม่เป็นข่าวนะ แล้วประกาศของพี่ก็ยังไม่ถูกยกเลิก...หรือเจ้าชายต้องการให้พี่กลับมาคุยกับเขาก่อนจริง ๆ)
“คุยแล้วมันได้อะไรขึ้นมา พี่จะไม่ไปเจอเขาเด็ดขาด”
(พี่คาริสม่า ถ้าการหมั้นเป็นวิธีเดียวที่ช่วยพ่อกับแม่ล่ะ พี่จะทำมั้ย) คำถามของน้องสาว ทำให้ฉันถึงกับขมวดคิ้ว
“ไม่ทำ” ฉันยังคงยืนยันคำเดิม
(พี่ แต่ถ้าแต่งงานแล้วสถานะของพี่จะเทียบเท่าเจ้าชายเลยนะ แบบนั้นก็จะต่อรองเรื่องของพ่อกับแม่ได้)
“ไม่”
(แล้วถ้าเราไม่ชนะล่ะ ถูกตรวจสอบว่าผิดจริง ทางตำรวจบอกว่ามีเอกสารชี้แจงความผิดชัดเจน ถ้าเราแพ้คดีล่ะพี่ ฮึก! จะหาทนายที่ไหนมาสู้กับราชวงศ์ หาผลประโยชน์จากเชื้อพระวงศ์ แล้วยังเป็นรัชทายาทลำดับที่หนึ่งด้วย โทษสูงสุดคือประหารนะ ฮึก!) คาร่าร้องไห้อย่างหนักอีกครั้ง
“...พี่จะไปหา เก็บเรื่องที่พี่กลับไปเอาไว้ด้วยนะ ห้ามบอกใครเด็ดขาดเราจะรู้กันแค่สองคน”
(ฮือ...) เสียงร้องไห้ของคาร่าทำให้ฉันยิ่งร้อนใจ
คดีหาผลประโยชน์จากรัชทายาทลำดับที่หนึ่ง เกิดขึ้นหลังจากที่ฉันปฏิเสธการหมั้นเพียงสองอาทิตย์ ลางสังหรณ์ของฉันมันบอกว่า...ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ