บท
ตั้งค่า

พาไปบ้าน

พาไปบ้าน

“ตามิว!” เสียงของรัญดาเรียกสติ ให้มิวนิคกลับมา เมื่อเขากำลังมองไปทางห้องแต่งตัวของนางแบบ เพื่อรอคนตัวเล็กที่เขาสั่งให้ไปเปลี่ยนชุดออกมา เขาจะพาไปดูบ้านที่จะให้เธอเข้าพัก

มิวนิคดึงสติตัวเองกลับมาตามเสียงเรียก พบว่าเป็นแม่ของเขา ใบหน้านิ่งเฉย สายตาคมดุมองไปที่คนเป็นแม่

“ผมไม่ชอบการกระทำของแม่ที่ขัดใจผม” เขาเอ่ยขึ้นก่อนที่แม่ของเขาจะได้พูดอะไร

“แม่ทำอะไร แม่ไม่ได้ทำอะไรน้องกี้เลย แม่แค่อยากให้น้องสวยๆ ใส่ชุดแม่แล้วสวยมากแกก็เห็น” รัญดาอธิบายให้ลูกฟัง

“กี้สวย ใส่แล้วสวย...” มิวนิคพูดทวนคำพูดของแม่

“ใช่ไหม เห็นไหมล่ะ น้องสวยแล้วแกจะมาโมโหอะไร ไม่ชอบเหรอที่คนอื่นมองน้องสวย” รัญดาเข้าใจผิดเข้าไปอีก

“จะใส่สวยหรือไม่สวยก็ไม่เกี่ยวกับผม ที่ผมไม่โอเค ก็เพราะผมสั่งนางแบบของผมไว้แล้วว่าห้ามใส่ชุดนี้ แต่แม่ขัดคำสั่งของผม” มิวนิคบอกออกไปตรงๆ แม่ของเขาจะได้หายเข้าใจผิด คิดไปเองเสียทีว่า เขาหวง เขาชอบมาร์กี้คนที่แม่หามาให้ สำหรับมาร์กี้เขารู้สึกได้แค่น้องสาวเท่านั้น

“อ้าว แล้วที่แกโมโห หงุดหงิดให้แม่เมื่อกี้ มันเพราะอะไร เพราะใครถ้าไม่ใช่หนูกี้” รัญดาเอ่ยถาม

“นางแบบของผม!” เขาตอบห้วนๆ แล้วเดินออกไป เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคนตัวเล็กที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเดินออกไปไม่รอเขา ทิ้งให้รัญดายืนอึ้ง งง กับคำตอบของลูกชายตัวเอง...

หมับ!

แขนเรียวบางถูกคว้าดึงอย่างกระทันหัน ทำให้ร่างบางเซถลาไปปะทะกับอกกว้างของมิวนิค

“ว้าย!” เสียงร้องตกใจคิดว่าตัวเองกำลังจะล้ม

“ทำไมไม่รอ” มิวนิคเอ่ยถาม ในขณะแฟร์รี่ยกมือลูบจมูกตัวเองป้อยๆ

“นึกว่ากลับไปแล้วนี่คะ ใครจะคิดว่าคุณรออยู่ด้านใน”

“คิดเอง เออเอง ตั้งแต่เมื่อกี้ละ” เขาดุเบาๆ

“แล้วนี่คุณจะไปไหนคะ”

“จะพาไปบ้าน” เขาตอบ คำตอบของเขาทำเอาแฟร์รี่หน้าแดง เพราะคิดไปไกล คำว่า ‘พาไปบ้าน’ ฟังแล้วรู้สึกเหมือนการพาแฟนไปบ้านไปรู้จักกับพ่อแม่เลย แต่แล้วหน้าแดงๆ ของเธอก็หายไป เมื่อคิดไปถึงแม่ของเขา แฟร์รี่รู้สึกได้ว่ารัญดา แม่ของเขาไม่ค่อยชอบเธอเท่าไรนัก

“เป็นไบโพล่าเหรอ เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวหน้าแดง เดี๋ยวหน้าเศร้า” เขาก้มลงถามร่างเล็กที่อยู่ระดับอก

“เอ๊ะ! ปากไม่ดี” เธอเผลอว่าเขา โดยลืมตัวไปว่าเขาเป็นเจ้านาย

“ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ พูดกับฉันดีดี” เขาบอก

“คุณว่าแฟร์ก่อน หายกัน!” แฟร์รี่พูดจบก็เดินไปที่รถด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ไม่พอใจที่เขาว่าเธอ แถมเธอว่ากลับก็มาดุเขา เอาความเป็นเจ้านายมาอ้างอีก

“หึ” ชายหนุ่มหัวเราะในความขี้งอนของเธอ แล้วเดินตามไป

“เอาของเธอขึ้นรถ” มิวนิคหันไปสั่งองศา ลูกน้องคนสนิทของเขา

“ให้แฟร์ไปกับคุณเหรอคะ” แฟร์รี่ถามขึ้นในขณะที่กำลังมองดูองศายกกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอขึ้นรถ

“เดี๋ยวไปส่งที่บ้าน”

“นี่คุณ...ไม่มีงานทำเหรอคะ ว่างเหรอ งานการไม่ทำเหรอคะ” แฟร์รี่ถามเขาโต้งๆ ทำเอาคนถูกถามสะอึกไปนิดหนึ่ง

ความจริงเขามีงานที่จะต้องทำ แต่ไม่ได้สำคัญอะไรมากเลยยังไม่ทำ เลือกจะมาหาเธอ เพราะอะไรไม่รู้ รู้สึกอยากเห็นหน้า อยากอยู่ใกล้คนตัวเล็กคนนี้

“มี แต่ไม่ทำ” เขาพูดสั้นๆ ก่อนเดินนำขึ้นไปนั่งบนรถรอ มือหนาตบลงที่เบาะดัง ตุบ ตุบ ตุบ เพื่อเป็นการเรียกให้หญิงสาวขึ้นรถมานั่งข้างๆ

“ตานี่...แปลกคนจริงๆ” แฟร์รี่พึมพำก่อนขึ้นรถตามไป

รถหรูสีขาวปรอทแล่นมาจอดหน้าบ้านไม้สองชั้นสไตล์ลอฟท์ มีกระจกใสรอบบ้าน ชั้นบนมีระเบียงกว้างยื่นออกมาไว้สำหรับนั่งชมวิว นอนดูท้องฟ้าดูดาวได้ หน้าบ้านมีสนามหญ้า มีสวนดอกไม้เล็ก และมีเรือนกระจกปลูกต้นไม้ขนาดย่อมๆ ตั้งอยู่ด้านข้าง มีรั้วไม้ที่ปลูกดอกไม้กั้นไว้รอบบ้าน ภายในบ้านตกแต่งด้วยสีขาว ผ้าม่านสีขาวดูสะอาดตาหน้าอยู่ ร่มรื่น

แฟร์รี่ลงจากรถ ยืนมองบ้านที่รถแล่นมาจอด บ้านในฝันของเธอ...เธอรู้สึกชอบบ้านหลังนี้ ร่มรื่น น่าอยู่และรู้สึกอบอุ่นเป็นส่วนตัว

“อยู่ได้ไหม” เสียงทุ้มของมิวนิคถามขึ้น

“ชอบค่ะ” แฟร์รี่ตอบเขาแบบไม่ตรงคำถาม สายตายังคงจ้องไปที่ตัวบ้าน ใบหน้ายิ้มแย้ม บ่งบอกว่าเธอชอบที่นี่มาก

“ชอบก็อยู่...นานๆ” เขาเว้นวรรค คำพูดท้ายๆ ออกมาเบาๆ กลัวว่าเธอจะได้ยิน

“ไม่มีคนอยู่จริงหรือเปล่าคะเนี่ย ทำไมดูสะอาดจัง” ร่างบางเอ่ยขึ้น เมื่อเดินเข้ามาในตัวบ้าน เธอชอบบ้านโปร่งๆ โล่งๆ รอบบ้านมีกระจกใสทำให้แสงแดดส่งเข้ามาได้ดี ดูสว่างปลอดโปร่ง

“มี!” เขาตอบ พร้อมกับทิ้งตัวลงบนโซฟา

“อ้าว ใครเหรอคะ แฟร์ต้องอยู่ร่วมกับเขาเหรอ เขาจะชอบไหมมีคนอื่นมาอยู่ด้วย แฟร์ไปหาบ้านเช่าอื่นอยู่ก็ได้ค่ะ” แฟร์รี่พูดพร้อมกับจะหยิบกระเป๋าสะพายที่เธอวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา เตรียมออกไปหาบ้านเช่า

ยังไม่ทันที่เธอจะได้หยิบกระเป๋า มือหนากลับคว้าแขนเธอ ออกแรงดึงเพียงนิดเดียวทำให้ร่างเล็กล้มลงนั่งบนตักเขาได้พอดี

“อุ๊ย!” แฟร์รี่อุทานอย่างตกใจ

“เขาชอบ ชอบมาก” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูของคนบนตัก ทำเอาคนตัวเล็กแก้มแดงถึงหูร้อนฉ่า

“คุณจะรู้ได้ไงคะ แล้วนี่อะไร ดึงแฟร์ทำไม เห็นไหมล้มลงบนตักคุณเลย” แฟร์รี่บ่นอุบอิบ

“เห็น...ตัวก็ใช่ว่าจะเบาๆ ไม่เห็นได้ไง” เขาตอบกวนๆ

“เอ๊ะ!! คุณนี่ “แฟร์รี่ตีไปที่อกเขาเบาๆ เพราะหมั่นเขี้ยวคนพูด ก่อนจะลุกขึ้นไปจากตักเขา

“ห้องนอนเธออยู่ชั้นบน เอาของไปเก็บแล้วพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยทำงาน ขาดเหลืออะไรบอกองศา ให้หามาให้” เขาบอกกับร่างบาง เพราะเขาตั้งใจว่าจะกลับไปดูความเรียบร้อยของคลับพ่อเขาสักหน่อย

“แฟร์อยากได้ของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย กับของกินค่ะ” เธอเอ่ยบอกเขา

“เอาไว้จะพาไปซื้อ ตอนนี้ให้องศาหามาให้เท่าที่หาได้ก่อน จดให้มันหน่อย” เขาบอกเธอ

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ แล้ว...ค่าเช่าที่นี่ ราคาเท่าไรคะ” แฟร์รี่ถามถึงค่าเช่าบ้าน

“ไม่เอาเงิน”

“ให้อยู่ฟรีเหรอคะ” เธอถามอย่างแปลกใจ แต่ก็คิดว่าที่เขาไม่คิดเงินอาจจะเป็นเพราะว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย

“เอาอย่างอื่น”

“อะไรนะคะ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ” แฟร์รี่ได้ยินไม่ถนัด ว่าเขาพูดว่าอะไรกันแน่

“ไม่มีอะไร ฉันไปละ พักผ่อนแล้วกัน” เขาพูดจบก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถแล้ว องศาขับรถออกไปทันที

แฟร์รี่ลากกระเป๋าเดินทาง และสัมภาระเดินขึ้นชั้นสอง บนชั้นสองมีสองห้องนอน มีห้องน้ำในตัวห้อง เธอเลือกห้องที่ติดกับระเบียงหน้าบ้าน เพื่อจะได้เห็นวิวด้านนอกและมีแสงแดดส่องถึง

หญิงสาวล้มตัวลงบนที่นอนอย่างแผ่หราหมดสภาพ วันนี้จะว่าเหนื่อยก็เหนื่อย จะว่าไม่เหนื่อยก็ไม่เหนื่อย เพราะไปทำงานแต่ไม่ได้ทำงาน หญิงสาวเปิดหาของกินในอินเตอร์เน็ต แต่ไม่รู้จะกินอะไร ค้นไปค้นมากลับไปค้นเจอคลับดังที่อยู่ในย่านนั้นแทน หรือเธอควรจะเปลี่ยนใจจากหาของกินไปหาเหล้ากินแทนดี ตั้งแต่มาอยู่ประเทศไทยเธอไม่ได้เที่ยว ไม่ได้กินเหล้าสังสรรค์เหมือนตอนอยู่เกาหลีเลย เธอไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะเธอชอบการอยู่คนเดียวสบายใจกว่า และก็ไม่รู้ว่า มาอยู่ประเทศไทยเธอจะมีเพื่อนเหมือนคนอื่นเขาบ้างไหม

“ไปเที่ยวไปหาเหล้ากินดีกว่า เผื่อจะมีเพื่อน เผื่อจะเจอเพื่อนใหม่กับเขาบ้าง” แฟร์รี่พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่งหน้า แต่งตัวเตรียมออกไปเที่ยวคืนนี้...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel