บท
ตั้งค่า

บทที่ 02 กลัว

“หลานรักของยาย” เธอเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่หลังจากที่ร่วมเดินทางมาราวๆ 14 ชั่วโมงแล้วมีรถจากบ้านรับเธอที่สนามบิน เสียงหญิงสูงวัยดังขึ้นพร้อมกับเดินมาโอบกอดหลานชายด้วยความคิดถึง

“สวัสดีคุณตาคุณยายก่อนครับวอม” แม้ว่าเด็กชายจะอยู่ฝรั่งเศสมาตั้งแต่เกิดเธอก็ไม่วายสอนลูกเรื่องมารยาทและภาษาที่เป็นถิ่นเกิดของแก่เด็กชาย

“สวัสดีครับคุณตาคุณยาย” มือป้อมๆ ยกมือขึ้นมาไหว้พลางเอ่ยพูดออกไปด้วยเสียงใส ตายายมองดูหลานด้วยความเอ็นดู แล้วจูงมือมานั่งที่โซฟากว้าง

“วอมคิดถึงคุณตาคุณยายมากเลยครับ” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยพูดออกไปสร้างความพอใจให้คนชราไม่น้อย

“คิดถึงตายายหรือของเล่นกันแน่” เพียงขวัญส่ายหัวแล้วเอ่ยแซวลูกตัวเองที่ตาลุกวาวเมื่อเห็นของเล่นที่อยู่มุมนึงของห้องรับแขก

เด็กชายหันไปมองตากับยายเพื่อถามว่าเขาสามารถลงไปเล่นได้มั้ย

“เอาสิ ตาซื้อมาให้หลานนั่นแหละ” เด็กชายยิ้มร่าออกมาด้วยความดีใจแล้ววิ่งลงไปเล่นทันทีทันใด

“เดินทางมาเหนื่อยมั้ยลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามลูกสาวของตัวเอง

“นิดหน่อยค่ะป๊า”

“หนูไปพักก่อนก็ได้เดี่ยวม๊าดูหลานให้” แม่ของเธอลูบหัวหลานชายแล้วเอ่ยบอกเพียงขวัญเมื่อเห็นอาการเหนื่อยล้าที่ปรากฏบนใบหน้า

“ค่ะม๊า อยู่กับคุณตาคุณยายห้ามซนนะครับวอม” เธอบอกลูกชายตัวเองที่กำลังสนใจกับของเล่นที่ตากับยายซื้อไว้รอหลานมาเนิ่นนาน

“ค้าบแม่” เด็กน้อยตอบแม่เสียงใสแล้วกลับไปสนใจของเล่นดังเดิม

“เดี่ยวหนูลงมานะคะม๊า” เธอเดินขึ้นไปยังห้องของตัวเองโดยที่มีแม่บ้านเดินถือกระเป๋าเธอตามขึ้นไป

ห้องของเธอถูกทำความสะอาดไว้เรียบร้อย ข้าวของยังคงตั้งไว้เหมือนเดิม เธอปล่อยตัวลงบนเตียงนุ่มสักพักเพื่อให้คลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางแล้วเดินไปจัดของให้เข้าที่ทั้งของเธอและของลูก

“หนูจะเอายังไงต่อ” แม่ของเธอเอ่ยถามเมื่อมองหลานที่นอนหลับปุ๋ยบนเตียงในอ้อมกอดของเธอ

“หนูไม่ได้กลับมาเพื่อให้เขารับผิดชอบค่ะม๊า” เธอเอ่ยตอบแม่เสียงเบาลงเพื่อไม่ให้เด็กชายตกใจตื่น

“แต่ยังไงวอมก็ลูกเขานะขวัญ สักวันเขาก็ต้องรู้” แม่เธอตอบลูกอย่างใจเย็น เธอรู้ดีว่าลูกสาวเธอใจแข็งแค่ไหน ไม่งั้นคงไม่หนีมาได้ถึงสามปีหรอก

“...” หญิงสาวเงียบไป เธอก็กังวลเรื่องนี้มาตลอดการเดินทาง เธอรู้ดีว่าอิทธิพลของเขาสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ยาก

“แม่แล้วแต่ลูกนะ แต่แม่อยากให้หนูนึกถึงหลานเยอะๆ นะ” แม่เธอลูบหัวเธอแล้วเดินออกจากห้องไป

‘แม่ต้องทำยังไงดี’ เธอมองหน้าลูกแล้วคิดไม่ตกกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น

เช้าวันรุ่งขึ้น

เธอตื่นมายามสายพลางควานมือไปข้างๆ เตียงแล้วไม่เจอลูกของตัวเองร่างบางรีบลนลานใส่เสื้อคลุมลวกๆ แล้วรีบวิ่งลงมาข้างล่างของบ้านทันที

“แม่คะ!!! เห็นวอมมั้ย” เธอวิ่งลงยังห้องรับแขกแล้วเอ่ยถามผู้เป็นแม่ด้วยท่าทีรีบร้อน พลางน้ำใสๆ จากดวงตาไหลออกมาเป็นทางเพราะความกลัว

“ผมอยู่นี่ครับ” ไม่ทันที่แม่เธอจะตอบอะไร เสียงใสของเด็กน้อยกลับเอ่ยขึ้นพลางเดินแยกออกมาจากโซนของเล่นมาหาแม่ของเขา หมับ เธอดึงลูกมากอดด้วยความห่วงแหนท่ามกลางความงุนงงของเด็กชาย

“เป็นเอามากนะเรา” พ่อเธอส่ายหัวให้ลูกสาวที่กลัวว่าลูกตัวเองจะหายไป ที่เธอตื่นสายเพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดไม่ตกกับเรื่องลูกชายของเธอ เธอกลัวว่าเขาจะแย่งลูกของเธอไป ซึ่งเธอไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นได้แน่

“แม่เป็นอะไรครับ” เสียงใสผละกอดจากอ้อมอกแม่แล้วใช้มือเล็กเช็ดน้ำตาให้แม่ของตัวเอง

“เปล่าครับ ทำไมวอมไม่ปลุกแม่” เธอเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วตั้งสติเอ่ยถามลูกชาย

“แม่เป็นคนบอกหลานเอง แม่อยากให้หนูพักผ่อนให้เต็มที่” แม่ของเธอพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกสาวกำลังคาดคั้นหลานชายของเธอ

“คราวหน้าวอมจะไปไหนต้องบอกแม่ทุกครั้งนะครับ” เธอหันไปพยักหน้าให้แม่ของเธอแล้วรีบเอ่ยสั่งลูกชายไว้

“ครับแม่” เด็กชายรับปากอย่างว่าง่ายเมื่อเห็นว่าแม่ของตัวเองร้องไห้เสียใจ

“ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมาทานข้าวได้แล้ว แม่ดูหลานเองไม่ต้องเป็นห่วง” แม่เธอเอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าเธอกอดลูกไม่ยอมปล่อย

“ค่ะม๊า เดี่ยวแม่รีบลงมานะครับ” เธอเดินขึ้นไปยังห้องตัวเองแล้วอาบน้ำแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว สำหรับคุณแม่ลูกหนึ่งแล้วคงไม่ต้องแต่งอะไรมากอีกอย่างเธอรีบเพราะกลัวมีใครเอาลูกของเธอไป นั้นคือความคิดของเธอตอนนี้

“แม่บอกทางฝั่งคุณปิ่นแล้วนะว่าลูกกับหลานถึงแล้ว ทางนั้นเขาบอกว่าจะรีบมาเพราะคิดถึงหลานไม่ไหวแล้ว” ระหว่างทานข้าวแม่เธอก็พูดขึ้นมา เธอเงยหน้าเพื่อจะถามแม่ต่อ

“ไม่ต้องห่วงแม่บอกคุณปิ่นไว้แล้ว” แม่เธอพูดออกมาโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันได้ถามเหมือนกับรู้ใจลูกอยู่แล้วว่าเธอจะถามอะไร

“เย้ๆ คุณย่าจะมาหาวอมใช่มั้ยครับ” เด็กชายที่นั่งทานข้าวข้างเธอเมื่อได้ยินพอจะรู้เรื่องกับเขาบ้างจึงส่งเสียงออกมาด้วยความดีใจ

“ครับ แต่ตอนนี้ลูกต้องทานให้หมดก่อน” เธอยัดช้อนใส่มือลูกแต่เด็กชายกลับมุ่ยหน้าขึ้นเพราะตอนนี้ในจานเหลือเพียงแค่ผักที่เด็กทั่วไปรวมไปถึงลูกของเธอไม่ชอบทาน

“ไหนใครเคยบอกแม่ว่าจะไม่ดื้อครับ” เธอใช้ไม้ตายกดเสียงดุใส่ลูกที่ไม่ยอมทาน

“ค้าบ วอมทานก็ได้” เมื่อพูดจบเด็กชายตักผักมาทานพลางเขี้ยวตุ้ยๆ ให้แม่เธอดู

“เก่งมากครับ” เธอลูบหัวแล้วยิ้มหวานแก่ลูกของเธอพลางหันมาทานข้าวของตัวเองต่อ

เสียงรถหลายคันขับมาจอดในบ้านของเธอแล้วมีสองสามีภรรยาเข้ามายังตัวบ้านด้วยท่าทีกึ่งวิ่งกึ่งเดิน

“คุณย่า!!!” เสียงใสวิ่งเข้าไปกอดคนที่มาใหม่ที่มีศักดิ์เป็นย่าแท้ๆ ของเขา

“น้อยใจจังหลานไม่คิดถึงปู่เลยเหรอ” ชายวัยกลางคนตอนปลายพูดด้วยท่าทีน้อยใจเมื่อเห็นว่าหลานกอดแต่ภรรยาของเขา

“วอมคิดถึงคุณปู่ด้วยครับ” เด็กชายหันเหไปกอดปู่ของเขาแทนสร้างรอยยิ้มให้คนในบ้านที่มองดูเด็กน้อยไร้เดียงสาเป็นอย่างมาก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel