CHAPTER 2 ห้องใหม่
หันไปพลันเห็นว่าเป็นชายร่างสูงคนเดิมที่มายืนฟังด้วยนั่นเองที่ถามขึ้นมา
หือ...?
“อ่า เหมาะเลยครับ” ฝ่ายขายดีดนิ้วเปาะ “หารกับแฟนคนละครึ่ง”
“แฟน? ไม่ใช่นะคะ!”
ฉันโบกมือปฏิเสธพัลวัน มั่วแล้ว! เขาเป็นใครฉันยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ นี่ยังงงอยู่เลยว่าทำไมเขาไม่ใช่ลูกเจ้าของโครงการในเมื่อดูดีมีออร่าขนาดนี้ รูปร่างหน้าตาแบบที่ผู้หญิงทั้งสี่แยกต้องเหม่อมองตามจนถูกรถชนยับ!
ที่สำคัญ...
“หาร!?” ฉันเงยหน้ามองคนตัวสูงผู้ยื่นข้อเสนอนั้น
หน้าคุ้นจริงๆ นั่นแหละ แต่ไม่รู้จัก หรือเป็นเพื่อนเก่าฉันที่โตขึ้นดูดีจนจำไม่ได้ ก็ไม่น่าจะใช่อีก หรือจะเป็นโจร?
“นายเป็นใคร?”
ไม่น่าไว้ใจสักนิด!
“ไม่ต้องสนหรอกว่าผมเป็นใคร แต่ผมต้องการห้องนี้ พร้อมจ่ายทันที” เสียงทุ้มเอ่ย ริมฝีปากเรียบ สีหน้านิ่งตาย “ถ้าไม่คิดจะหารค่าเช่าก็เชิญออกไป”
@ Penthouse
เขาเป็นคนดีหรือเปล่า คงไม่
แต่เขาเป็นใคร...?
ในที่สุดเอริกะคนนี้ก็จำใจหารค่าห้องเช่ากับคนแปลกหน้า
แต่เรื่องเรื่องบ้าๆ นี่เกิดขึ้นกับฉันได้ไง!? ทั้งที่ฉันอยากอยู่คนเดียว ก็บอกแล้วว่ากำลังเซ็ง เอริกะคนเก่าเพิ่งตายและตอนนี้เป็นเอริกะคนใหม่ซึ่งเป็นนางร้ายก็อยากทำตัวให้ดื้อและเหลวไหลที่สุด
เหนือโซฟาขนาดใหญ่คนแปลกหน้านั่งเอนร่างและขายาวๆ อยู่ตรงนั้น ดูเกะกะและทำให้ห้องดูเล็กลงอย่างช่วยไม่ได้ เกะกะจัง ฮึ่ย!
ต่อมาฉันถึงได้รู้ว่าเขาชื่อจิน เป็นคนนิ่งๆ เหมือนแค่มีปากเอาไว้ประดับใบหน้าคมคาย เงียบขรึมและอยู่ในโลกส่วนตัวเหมือนไม่ได้หารห้องเช่ากับใครทั้งนั้น
หากจะถามว่าฉันรู้สึกอย่างไรที่ต้องมาเช่าห้องกับจิน ชายที่ฉันรู้จักแค่ชื่อ บอกได้เลยว่าเกลียดที่สุด! มันบ้ามากที่ผู้หญิงกับผู้ชายที่ไหนไม่รู้ต้องมาพักห้องเดียวกันจริงไหม! ที่สำคัญฉันมีหลายอย่างต้องทำด้วยแล้วนี่เขาจะมาอยู่ให้รำคาญ
แต่ก็นั่นล่ะ คนเราจะโชคดีตลอดไปไม่ได้หรอก และที่จริงฉันเพิ่งผ่านเรื่องซวยจนต้องมานั่งแหมะอยู่ตรงนี้ ในเพ้นท์เฮ้าส์ที่มีเตียงสองหลัง ระหว่างเตียงคั่นด้วยผ้าม่านขาวบาง
จะว่าไปสถานที่นี้เหมือนเป็นห้องสำหรับพี่สาวกับน้องสาวหรือไม่ก็พี่ชายกับน้องชาย ไม่ใช่ชายกับหญิง
แล้วเวลาก็ผ่านไป
หนึ่งวัน...
สองวัน...
ฉันมักมองออกไปนอกหน้าต่างเพ้นท์เฮ้าส์ และจินก็เช่นกัน ดวงตาสีราวกับกลางคืนเพ่งภายนอกและเหมือนกำลังคิดบางอย่าง อีกทั้งบางครั้งเหม่อลอยเหมือนฉันเมื่อมองออกไปไกลๆ
แปลก...
ทำไมล่ะ ทำไมเขาถึงทำเหมือนฉัน
แต่ช่างเหอะ ไม่เกี่ยวกับฉันนี่นะ เพราะฉันเกลียดเขาไงล่ะ
แล้วก็ผ่านเลยไปอีกวัน
00.00 น.
วันใหม่สำหรับคนทั้งโลกเริ่มเมื่อเที่ยงคืน แต่ไม่ใช่สำหรับฉันที่ยังคิดถึงแต่สิ่งเก่า...จมปลักอยู่กับเมื่อวานราวหลงใหลเทพนิยายที่ผ่านไปแล้วโดยไม่สนใจมองกาลเวลาข้างหน้า
หน้าต่างประดับด้วยไฟหลากสีเป็นประกายก็จริงแต่อย่างไรเสียมันก็คือกลางคืน...ถึงจะประดับประดาด้วยแสงสีงดงามแค่ไหน
มือของฉันยกกล้องส่องทางไกลที่พกมาด้วยในกระเป๋าเดินทางขึ้นสังเกตภายนอกหน้าต่าง เงียบและมืดภายในห้องของฉัน กระทั่งได้ยินเสียงขยับร่างจากเตียงข้างๆ ที่ม่านขาวบางกั้น
ดึกขนาดนี้คนที่หารค่าเช่าเพ้นท์เฮ้าส์กับฉันควรนอนแล้วไม่ใช่หรือ หากแต่ร่างสูงกลับนั่งนิ่งอยู่ ที่สำคัญผ่านม่านบางและช่องระหว่างม่านที่ไม่ได้แคบขนาดนั้นฉันเห็นว่าเขาส่องกล้องอยู่เหมือนกัน
นี่เราเป็นโรคจิตทั้งคู่เหรอ
ช่างเหอะ ไม่ใช่เรื่องของฉันไม่ใช่หรือไง
คืนนั้นเนบข้างความเงียบติดหน้าต่างประดับแสงสีแห่งตึกระฟ้าฉันฝันถึงสมัยเด็ก ฝันถึงพี่ชายที่มีความหมายกับฉันยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในโลกนี้
เคนโซ คายามะคือชื่อของเขา ฉันเรียกเขาว่าพี่คายามะ ชายที่ตั้งแต่เด็กฉันคิดว่าฉันรักเขาขนาดตายแทนได้
และนั่นเป็นสมัยเด็กๆ นะ ใครก็รู้ว่าเด็กคิดถึงแต่ตัวเอง หากยอมตายแทนใครได้ในวัยนั้นก็แสดงว่าต้องรักคนคนนั้นมากใช่ไหม และตอนนี้ความรู้สึกของฉันก็ยังเป็นเช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
สมัยเด็กพี่คายามะเล่นกับฉันทุกวันบนบ้าน ในสนาม ในสระน้ำของบ้าน เขาเป็นเด็กร่าเริงและดีกับฉันทุกอย่าง ซึ่งนั่นทำให้เขาดูเหมือนเจ้าชายในนิทานสมัยเด็กของฉัน เจ้าชายตัวน้อยที่กำลังจะเติบโตขึ้น
ฉันรักเขาและเขาก็รักฉันเหมือนกัน ...แต่แค่แบบพี่กับน้องเท่านั้น เราโตมาด้วยกันเพราะบ้านติดกันและพ่อแม่ของพวกเราสนิทกัน
ตลอดมาฉันฝันอยากแต่งงานกับพี่คายามะ เพราะงั้นเมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยความสนิทจึงทำให้เราสองคนตกลงคบกันแบบคนรัก
แต่แค่ครึ่งปีเขาก็บอกเลิกกับฉัน
หากทว่าในวัยเด็กฉันยังจำความอบอุ่นเวลาที่พี่คายามะจูงมือฉันได้ แต่ตอนนี้มือฉันเยือกเย็น พี่คายามะเปลี่ยนไปจับมือใครอีกคน ผู้หญิงที่ฉันไม่รู้จัก
เพราะงั้นฉันต้องทำให้พี่คายามะกลับมาหาฉัน จะทำให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไร แล้วฉันจะไม่ต้องการอะไรอีกในโลกนี้ แต่จะมีความสุขตลอดไปเหมือนฉากจบในเทพนิยาย
