1 ครุฑ 1
ติดตามข่าวสารและพูดคุยกับไรเตอร์ได้ทางเพจ readfree.in ค่ะ
https://www.facebook.com/readfree.in/
และทางเว็บไซต์ www.readfree.in ค่ะ
ขอบคุณรีดเดอร์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ
Title : Dream Galley
Author : น.ส.แสงแข ช้วนใย
Series : Dream Gallery
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติสิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ISBN(ebook) :
Publisher : น.ส.แสงแข ช้วนใย
E-mail : s.chuanyai@hotmail.com
Website : https://readfree.in/
Year : 2564
Page : 140
Price : 199 บาท
Printing category : Print on Demand
Type of Publication : Electronic Book
Date of Distribution : 23 พฤศจิกายน 2564
วันที่เริ่มเขียน 23 สิงหาคม 2559
ดรีม แกลลอรี่
Dream Gallery
บทที่ 1 ครุฑ Chapter 1
ณ ร้านดรีมแกลลอรี่
“เชิญเซ็นชื่อตรงนี้นะคะ” นิมิตราบอกกับลูกค้า นิ้วเรียวยาวราวลำเทียนอันงดงามชี้ไปที่ช่องเซ็นชื่อในสัญญาซื้อขาย
“โอ...ในที่สุดฉันก็ได้เป็นเจ้าของเสียที” ลูกค้าวัยชรารีบเซ็นชื่อลงบนเอกสารอย่างตื่นเต้นดีใจ
“คุณรับทราบรายละเอียดทุกอย่างดีแล้วนะคะ” นิมิตราถามย้ำ “คุณเข้าใจนะคะว่าคุณจะต้องทำตามข้อตกลงทุกอย่างที่ระบุไว้ หากคุณละเมิดข้อตกลงทางเราจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้นค่ะ”
“ครับ ผมทราบดีครับ” ลูกค้าพยักหน้ารับแล้วก็พูดว่า “ห้ามถูกแสงจันทร์ ห้ามถูกแสงแดดใช่มั้ยครับ”
นิมิตตราพยักหน้า “ค่ะ” แล้วก็ยิ้มให้ลูกค้า เธอหันไปหยิบรูปภาพซึ่งห่อเรียบร้อยแล้วส่งให้เขา “ขอให้มีความสุขนะคะ”
ลูกค้าพยักหน้ายิ้มตอบแล้วก็รับภาพเดินออกจากร้านไปด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
นิมิตรามองตามลูกค้าจนลูกค้าเดินพ้นประตูร้านไปแล้ว เธอหันไปยิ้มกับภาพดอกไม้สีแดงสดบนผนังในห้องโถงรับแขก
“ดึกป่านนี้แล้วเหรอ คงต้องปิดร้านแล้วซินะ” เธอพูดกับภาพนั้น
ดอกไม้ในภาพคล้ายจะพลิ้วไหวเล็กน้อย
ฉับพลัน! ประตูร้านก็เปิดออกพร้อมกับเสียงดังว่า “เดี๋ยวครับคุณชาย”
“หนวกหูน่า! ลุงกลับไปรอที่รถเถอะ” เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณชายตวาดใส่คนขับรถของตัวเองแล้วก็หันไปถามคนในร้านว่า “ที่นี่ร้านดรีมแกลอรี่ใช่ไหม?”
นิมิตราหันไปยิ้มต้อนรับลูกค้า “เชิญค่ะ”
เด็กหนุ่มจ้องหน้าแล้วก็ถามว่า “เจ้าของร้านอยู่ไหน?”
เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือ จอร์จ ลูกชายคนเดียวของเสี่ยสุรชัย เจ้าของโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์
“ดิฉันนี่แหละค่ะเจ้าของร้าน” นิมิตราตอบพลางยิ้มให้
จอร์จจ้องหน้านิมิตราครู่หนึ่งแล้วก็บอกว่า “ผมต้องการภาพนกที่แพงที่สุด สวยที่สุดและจะต้องเป็นภาพเดียวในโลกนี้ด้วย”
“คุณชายครับ” คนขับรถเรียกอย่างหวั่นใจ เพราะหากคุณผู้ชายรู้เข้าเขาคงถูกด่าแน่
“เงียบไปเลยนะลุง ก็ไอ้จอห์นบอกเองว่ามันซื้อภาพไปจากร้านนี้ ผมจะต้องซื้อภาพที่สวยกว่าของมันเอาให้มันหน้าหงายไปเลย หนอย...กะอีแค่ภาพนกยูงเผือก มันเที่ยวอวดไปทั่วว่าเป็นภาพหนึ่งเดียวในโลก ผมจะทำให้มันจ๋อยไปเลยที่พูดแบบนั้น” แล้วจอร์จก็หันไปพูดกับนิมิตราว่า “เรื่องเงินไม่ต้องห่วง ผมรวยนะ” เขาเปิดประเป๋าสะพายออกหยิบเงินออกมาถือปึกใหญ่
“คุณชายครับ กลับเถอะครับ ถ้าคุณผู้ชายรู้เรื่องนี้มีหวังผมตกงานแน่ครับ” คนขับรถขอร้อง
“ช่างคุณพ่อซิ เขาไม่สนใจหรอกว่าผมจะทำอะไร วันๆเขาสนใจแต่เรื่องงานๆๆๆกับยัยแม่เลี้ยงนั่นเท่านั้นแหละ” จอร์จตวาดใส่คนขับรถ แล้วก็หันไปพูดกับนิมิตราว่า “ไหนล่ะภาพที่แพงที่สุดภาพเดียวในโลกน่ะ?”
นิมิตรามองเด็กหนุ่มแล้วก็บอกว่า “เข้าใจแล้วค่ะ วันนี้มีภาพที่คุณชายต้องการเข้ามาพอดีค่ะ”
“ไหนล่ะ?” จอร์จหันไปมองรอบๆห้องโถง “ไหนล่ะ ภาพไหนเหรอ?”
“อยู่ด้านในค่ะ เชิญตามดิฉันมาทางนี้ซิคะ” นิมิตราบอกพลางผายมือไปที่ประตูด้านหนึ่ง
จอร์จรีบเดินไปที่ประตูนั้นทันที
นิมิตราหันไปพูดกับคนขับรถว่า “ส่วนคุณกรุณารอที่นี่นะคะ”
จอร์จเปิดประตูแล้วก็เดินเข้าไป นิมิตราเดินตามไปพร้อมกับปิดประตูตามหลัง
จอร์จชะงัก! ที่เบื้องหลังบานประตูเป็นทางเดินยาว ไม่น่าเชื่อว่าร้านห้องแถวจะมีทางเดินยาวๆแบบนี้ด้วยเหรอ เขาเดินไปพลางมองภาพบนฝาผนังไปด้วย นี่เขาจะถูกจับตัวไปเรียกค่าไถไหมนะ? หรือจะถูกปล้นเอาเงินในกระเป๋าไหม? ดูท่าทางที่นี่ไม่ค่อยน่าไว้ใจเลย แถมยังกลิ่นหอมๆนี่อีก เขาเก็บเงินใส่กระเป๋าเอาไว้แล้วก็มองไปรอบๆอย่างระวังตัว
“เป็นอะไรไปคะ?” นิมิตราถาม
“ปะ...เปล่า” จอร์จรีบปฏิเสธพลางปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “แค่คิดว่าทางเดินนี่ยาวไปถึงไหนกันนะ?”
นิมิตราเดินนำหน้าไปแล้วก็เปิดประตูห้องๆหนึ่ง “เชิญค่ะ”
ภายในห้องมืดสนิท จอร์จชะงัก “ไม่เปิดไฟเหรอ?”
นิมิตราไม่พูดอะไร เธอหันไปหยิบตะเกียงที่แขวนอยู่ข้างประตูมาถือส่องทาง “เชิญค่ะ”
จอร์จรวบรวมความกล้าเดินตามเธอเข้าไป
นิมิตราเดินไปจนถึงกลางห้อง เธอวางตะเกียงลงบนโต๊ะใต้รูปภาพ
จอร์จหยุดอยู่ห่างๆ พอสายตาเริ่มชินกับความมืดแล้วเขาจึงเห็นภาพที่แขวนอยู่กลางห้อง “...” เขาตะลึงจนพูดไม่ออก
ภาพคนสวมเสื้อผ้าเครื่องประดับมีค่าละลานตา คนในภาพกางปีกสีทองระยิบระยับสวยงาม
“นี่ไม่ใช่ภาพนกนี่” จอร์จแย้ง
“นี่คือภาพครุฑค่ะ เป็นครึ่งคนครึ่งนกในตำนานค่ะ” นิมิตราบอก
จอร์จจ้องภาพอย่างตะลึง
“นี่เป็นภาพหนึ่งเดียวในโลกค่ะ แน่นอนว่าไม่มีทำซ้ำหรือเลียนแบบเด็ดขาดค่ะ” นิมิตรายืนยันน้ำเสียงหนักแน่น
“เท่าไหร่?” จอร์จถามตาจ้องมองภาพไม่กระพริบ
“ไม่ขายค่ะ” นิมิตราบอก
“ว่าไงนะ!” จอร์จถามอย่างตกใจ “คุณพูดเล่นใช่ไหม?”
นิมิตราส่ายหน้า “ไม่ได้พูดเล่นค่ะ คุณคงเคยได้ยินกิติศัพท์ของร้านเรามาบ้างนะคะ ของที่คู่ควรจะอยู่กับคนที่คู่ควรเท่านั้นค่ะ”
จอร์จนึกฉุนขึ้นมาทันควัน! “แล้วผมไม่คู่ควรกับภาพนี้รึไงห๊า!”
“ไม่ค่ะ คุณชายไม่คู่ควรกับภาพนี้ค่ะ” นิมิตราบอกน้ำเสียงราบเรียบ
“แต่ผมจะซื้อภาพนี้” จอร์จตะคอกใส่อย่างไม่พอใจแล้วก็หยิบเงินในกระเป๋าขว้างใส่ “เท่านี้ก็น่าจะพอสำหรับภาพนี้นะ”
นิมิตราคว้าปึกเงินหมับ! แล้วส่งคืนให้เด็กหนุ่ม “ไม่ขายแต่ให้เช่าได้ค่ะ”
จอร์จชะงัก!
“แต่มีข้อแม้ค่ะ” นิมิตราบอกพลางจับมือเด็กหนุ่มขึ้นมาแล้วก็ยัดเงินคืนไป
“ข้อแม้อะไร” เด็กหนุ่มกำเงินแน่นอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ห้ามให้คุณพ่อของคุณกับแม่เลี้ยงของคุณเห็นภาพนี้เด็ดขาด” นิมิตราบอกแล้วก็ถอยไปยืนข้างรูปภาพ
“มีข้อแม้แค่นี้เหรอ?” จอร์จถามพร้อมกับเก็บเงินใส่กระเป๋า
นิมิตราพยักหน้า “ค่ะ”
“ถ้างั้นก็ตกลง! ผมเช่าภาพนี้” จอร์จบอกน้ำเสียงหนักแน่น
“ถ้าคุณทำผิดข้อตกลงทางร้านของเราจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้นนะคะ จำเอาไว้ให้ดีนะคะ” นินิตราบอกน้ำเสียงจริงจัง
“แล้วผมจะเอาภาพนี้ไปได้เมื่อไหร่?” จอร์จถามอย่างใจร้อน
“ทันทีที่คุณเซ็นสัญญาเช่าภาพแล้วค่ะ” นิมิตราบอกแล้วก็ผายมือไปที่ประตู “เชิญทางนี้ค่ะ”
เธอเดินนำหน้าออกประตูไป
จอร์จเดินตามไปจนกระทั่งถึงห้องโถง
นิมิตราเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องโถงมีผู้หญิงสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งยืนถือถาดอยู่ ในถาดมีกระดาษกับปากกาพร้อมสรรพ
คนขับรถนั่งหลับอยู่ที่โซฟา
“สัญญาค่ะ” ผู้หญิงชุดสูทสีดำบอกแล้วก็หยิบสัญญากับปากกาวางบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ
“ขอบใจจ้ะราตรี” นิมิตราพูดกับราตรีแล้วก็หันไปพูดกับจอร์จว่า “เชิญอ่านสัญญาก่อนค่ะ อ่านให้ละเอียดนะคะ”
จอร์จก้าวพรวดเข้าไปหยิบสัญญาขึ้นมาอ่านอย่างลวกๆ แล้วก็หยิบปากกาเซ็นแกร๊ก!
“ไหนล่ะภาพของผม์” เขาถามอย่างใจร้อนตามเคย
ราตรีกลับเข้ามาพร้อมกับถือภาพที่ห่อเรียบร้อยแล้ว
“ภาพที่คุณเช่าค่ะ” นิมิตราผายมือบอก
จอร์จรีบลุกขึ้นแล้วก็เดินไปดึงภาพมา “ขอบใจ”
ราตรีมองด้วยสายตาไร้อารมณ์แล้วก็เดินกลับออกไป
นิมิตราเดินไปปลุกคนขับรถ “คุณคะ คุณชายจะกลับแล้วค่ะ”
คนขับรถสะดุ้งตื่น “ครับๆ”
“ลุง! กลับบ้าน” จอร์จสั่งแล้วก็เดินไปที่ประตู
นิมิตราเดินไปเปิดประตูให้พร้อมกับย้ำว่า “อย่าลืมข้อตกลงนะคะ”
“รู้แล้วน่า” จอร์จรับปากอย่างรำคาญแล้วก็รีบเดินออกไป
คนขับรถรีบตามไป “คุณชายครับรอผมด้วย”
นิมิตราปิดประตูตามหลังแล้วก็พลิกป้ายห้อยว่า ‘ปิด’ ที่ประตูหน้าร้าน จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปด้านหลังร้าน ไฟในร้านดับพรึ่บ! มืดสนิท
เมื่อไปถึงบ้านจอร์จก็เอารูปไปแขวนไว้ในห้องนอนของตัวเอง
เย็นวันถัดมาจอร์จก็เชิญเพื่อนๆมาดูรูปที่บ้าน เพื่อนๆทุกคนต่างตะลึงจ้องรูปเป็นตาเดียว
“นายซื้อรูปนี้มาจากไหนเหรอจอร์จ?” จอห์นถาม
“ก็จากร้านดรีมแกลลอรี่ไง” จอร์จบอกอย่างภูมิใจ
เขาอวดรูปคุยฟุ้งอยู่พักใหญ่แล้วก็ชวนเพื่อนๆลงไปเลี้ยงสังสรรค์กันต่อที่ข้างสระว่ายน้ำ
เพื่อนๆของเขาต่างพูดชื่นชมรูปไม่หยุดจนกระทั่งชาลินีแม่เลี้ยงของจอร์จเดินมาได้ยินเข้าพอดี
“รูปอะไร?” ด้วยความอยากรู้เธอจึงเดินขึ้นไปข้างบน แอบเข้าไปในห้องของลูกเลี้ยง เพียงแว๊บแรกที่เห็นรูป เธอก็ตะลึงจนเผลอเดินเข้าไปจับรูปอย่างหลงไหล “สวยเหลือเกิน...”
ครุฑในภาพขยับบินหนีอย่างรังเกียจ
“เดี๋ยวซิ! อย่าเพิ่งไป รอฉันก่อน” ชาลินีตะโกนเรียกอย่างลืมตัว
แต่ครุฑตนนั้นก็บินหนีไปเสียไกลลิบจนมองไม่เห็นเสียแล้ว
“กลับมาก่อน! ได้โปรดกลับมาหาฉันก่อน...” ชาลินีตะโกนอ้อนวอน แต่ครุฑก็ไม่ได้บินกลับมา ด้วยใจละโมบเธอจึงแอบปลดรูปลงจากผนังแล้วก็เอารูปไปไว้ในห้องของตัวเอง
หลังจากปาร์ตี้เลิกแล้วจอร์จก็กลับเข้าห้องนอนของตัวเอง “สะใจจริงๆที่ทำให้ไอ้จอห์นหน้าจ๋อยไปได้ ฮ่าๆๆๆๆ” เขาหัวเราะอย่างสะใจแล้วก็หันไปมองรูปบนผนัง “เฮ้ย!” ใบหน้าหล่อเหลาตกใจที่ผนังว่างเปล่าไม่มีรูปครุฑแขวนอยู่
เขาขยับเข้าไปเอื้อมมือลูบผนังให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด “ไม่มี!” หน้าหล่อถอดสี “หายไปได้ยังไงกัน ต้องมีคนเข้ามาขโมยไปแน่ๆ”
จอร์จกำมือแน่นที่ถูกล้วงคองูเห่าถึงในบ้านแบบนี้ เขาเดินไปเปิดดูบันทึกกล้องวงจรปิด พอเห็นภาพแม่เลี้ยงแอบเข้ามาในห้องของตัวเองก็ยิ่งโกรธ แล้วยิ่งเห็นตอนแม่เลี้ยงถือรูปภาพออกจากห้องไปความโกรธก็ยิ่งทวีคูณ “นังผู้หญิงขี้ขโมย!”
เขาตรงไปเคาะประตูห้องแม่เลี้ยงอย่างไม่เกรงใจ “เอารูปของฉันคืนมานะนังขี้ขโมย!”
ชาลินีไม่สนใจเสียงเคาะประตูเลยซักนิด นั่งจ้องรูปภาพบนตักอย่างอ้อนวอน “ได้โปรดเถอะ กลับมาให้ฉันเห็นอีกซักครั้งนะคะ”
“ออกมาเดี๋ยวนี้นะนังหัวขโมย!” จอร์จตะโกนลั่นบ้าน มือก็ทุบประตูห้องปังๆ!
คนรับใช้ชะโงกหน้าแอบดูกันสลอนอยู่ตรงบันได
สุรชัยได้ยินเสียงดังเอะอะตั้งแต่เดินเข้าประตูบ้านก็สงสัย “เอ๊ะ! มีเรื่องอะไรกันอีกล่ะ?” เขาส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจที่ลูกชายมักจะมีเรื่องทะเลาะกับแม่เลี้ยงเป็นประจำ เขารีบเดินขึ้นไปดู เห็นคนรับใช้ยืนออตรงบันไดก็ตวาด “ไม่มีงานมีการทำกันรึไงห๊ะ!”
“อุ๊ย! คุณผู้ชาย” แล้วบรรดาคนรับใช้ก็รีบสลายตัวลงไปข้างล่าง
สุรชัยเดินไปหาลูกชาย “มีอะไรกันจอร์จ? เสียงดังเอะอะไปถึงข้างล่างเชียว”
จอร์จหันขวับ! “ก็เมียพ่อน่ะซิ ขโมยของผมไป”
สุรชัยอึ้ง! “ชาลินีเนี่ยนะขโมยของๆลูก”
“ก็ใช่ซิครับ แม่นี่เข้าไปในห้องผมตอนที่ผมปาร์ตี้กับเพื่อนๆแล้วก็ขโมยรูปของผมไป” จอร์จชี้นิ้วไปที่ประตูอย่างโกรธจัด
สุรชัยงง “รูปอะไร? แล้วทำไมชาลินีต้องขโมยด้วย เค้าอาจจะแค่เข้าไปหยิบมาทำความสะอาดให้ลูกล่ะมั้ง” เขาแก้ต่างแทนภรรยาสาว
“นี่คุณพ่อหาว่าผมใส่ร้ายแม่นี่เหรอครับ!” จอร์จยิ่งโกรธ
“พ่อไม่ได้ว่าลูกใส่ร้ายเลยนะจอร์จ ลูกอย่าเข้าใจเอาเองแบบนี้ซิ” สุรชัยพยายามพูดกับลูกชาย “ถ้างั้นก็เรียกเธอมาถามให้รู้เรื่องพร้อมๆกันไปเลยดีกว่า”
จอร์จเชิดใส่พ่ออย่างไม่พอใจ
สุรชัยมีสีหน้าระอาใจ เขาหันไปเคาะประตูห้อง “ชาลินีออกมาข้างนอกซิ”