12 - แพ้
12 - แพ้
Bena’s Part ;
บทสนทนาบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างลื่นไหล หากแต่มันกลับไม่ได้มีประโยคที่หลุดมาจากปากของฉันแม้แต่คำพูดเดียว
ตอนนี้เรียกได้ว่าฉันกำลังเขี่ยอาหารในจานเพื่อรอให้เวลาผ่านพ้น ๆ ไป แต่อาการแปลกประหลาดของร่างกายที่เกิดขึ้นกลับทำให้ฉันนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้
รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ร่างกายร้อนวูบ ศีรษะมึนเบลอ ลมหายใจติดขัด และรู้สึกแน่นที่บริเวณหน้าอก
ฉันพยายามดื่มน้ำเปล่าให้มากที่สุดและสังเกตอาการของตัวเองไปด้วย แต่ดูเหมือนว่าการแปลกไปของฉันจะทำให้คนข้าง ๆ รู้สึกได้
“น้องบีน่าเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าซีด ๆ”
พี่เทมส์กอบกุมที่มือของฉันเอาไว้และเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ฉันรับรู้ถึงความใส่ใจของเขาอยู่เหมือนกัน แต่สภาพร่างกายของตัวเองในตอนนี้กลับไม่ได้ทำให้ฉันซาบซึ้งยินดีเลยสักนิด
“อึก...บีเหมือนจะ...” ฉันเอ่ยเสียงแผ่วเบาไม่เป็นศัพท์ คำพูดขาดห้วงกลายเป็นเพียงแรงลมที่เปล่งออกมา
อาการแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะรับมือไหว แต่มันก็ไม่ได้เลือนรางจนถึงขั้นปรับประมวลไม่ได้ว่ามันน่าจะเกิดจากอะไร
“เป็นอะไรน่ะลูก ไม่สบายหรือเปล่าบีน่า”
“อาหารพวกนี้มีอะไรบ้างคะ อึก...บีแพ้กุ้ง!” ฉันพยายามเปล่งคำพูดให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้
เริ่มนึกออกแล้วว่าอาการแบบนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ฉันยังอายุเพียงเจ็ดขวบ ตอนนั้นฉันเผลอทานกุ้งเข้าไปจนต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ผลวินิจฉัยจากแพทย์ประจำตัวแจ้งว่ามันเกิดจากการทานของแสลงเข้าไป
ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ไม่คิดแตะต้องมันอีก แต่ทำไม...
“แกว่าไงนะ! นี่แกแพ้กุ้งเหรอบีน่า!” คราวนี้แม่หยัดตัวขึ้นและรีบเดินเข้ามาหาฉันด้วยสีหน้าตกใจ
ซึ่งมันก็เป็นในช่วงจังหวะที่ฉันเริ่มรู้สึกว่ากำลังต่อสู้กับร่างกายตัวเองไม่ไหว
“ผมว่ารีบพาน้องบีน่าไปโรงพยาบาลดีกว่านะครับ”
“นี่แกแพ้กุ้งทำไมไม่บอกฉันฮะ นังลูกบ้า! แกนี่มัน...”
“น้องบีน่าครับ! ได้ยินพี่ไหม น้องบีน่า...”
ภาพเบื้องหน้าเลือนรางเจือจางเกิดความพร่าเบลอ สิ่งสุดท้ายที่สายตาปรับประมวลเข้าสู่หัวสมองได้ก็คือผื่นแดง ๆ ตามตัวที่เกิดขึ้นกระทั่งสติดวงน้อยดับวูบลงแทนที่ด้วยความดำขลับ
แสงสีขาวสว่างโร่ปรากฏขึ้นทันทีหลังจากเปิดเปลือกตาขึ้นมา กลิ่นแอมโมเนียและกลิ่นยาลอยคลุ้งเข้าสู่จมูกจึงทำให้ฉันรับรู้ได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล
ฉันพยายามขยับใบหน้าเพื่อมองหาใครสักคนเพื่อถามหา แต่พอเห็นสายน้ำเกลือที่ปักแทงบนหลังมือก็พลันทำให้เกิดความหวั่นกลัวขึ้นมา
ใช่...ฉันกลัว
ใครบ้างล่ะจะไม่กลัวการมาโรงพยาบาล แล้วยิ่งอยู่ในสถานะคนป่วยแบบนี้ด้วย
“เอ้ายายบี ฟื้นแล้วเหรอ” เสียงคุ้นเคยจากทางประตูทำให้ฉันหันไปมองถึงได้เห็นว่าเป็นแม่ที่กำลังเดินเข้ามา
“...” ฉันไม่ได้เอ่ยปากพูดหรือถามอะไร ที่จริงก็มีหลายอย่างที่อยากจะถามนั่นแหละ แต่พอเห็นหน้าแม่มันก็ทำให้ฉันนึกถึงภาพสุดท้ายที่ร้านอาหารก่อนที่สติของฉันจะดับวูบลง
แม่บอกว่าเขาไม่รู้เรื่องที่ฉันแพ้กุ้ง ทั้ง ๆ ที่เมื่อตอนเจ็ดขวบฉันเคยกินมันเข้าไปและต้องรีบส่งตัวรักษาอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นแม่ก็อยู่ด้วย หมอกำชับกับแม่ดิบดีทั้งเรื่องการรักษาและข้อระมัดระวัง แต่พอมาตอนนี้เขากลับบอกว่าไม่รู้เรื่องที่ฉันแพ้มัน
น่าตลกสิ้นดี...
ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าเขาไม่รู้ แต่ฉันแค่เสียใจต่างหากที่เขาไม่เคยจดจำเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับลูกอย่างฉันเลย
“ทำไมฉันไม่เคยรู้ว่าแกแพ้กุ้ง” แม่กอดอกถาม ใบหน้ายังคงเรียบนิ่งแต่ก็ดุดันตามแบบปกติที่คุยกับฉัน
“แม่รู้ค่ะ แต่แม่จำลืม เพราะตอนเจ็ดขวบบีก็เคยเข้าโรงพยาบาลด้วยเรื่องนี้ไปแล้วรอบหนึ่ง” ฉันตอบเสียงราบเรียบ เบือนหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากมองเห็นความเฉยชาจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่
ขนาดฉันป่วยแบบนี้แต่ยังไม่รู้สึกถึงความเป็นห่วงจากเขาแม้แต่นิดเดียว
