เขตหวงรัก ที่ 4 : การตัดสินใจของผู้ใหญ่
(ลูคัส)
ณ คฤหาสน์ตระกูลมัสชิโม่
เอี๊ยด!
รถหรูสีดำจอดแน่นิ่งลงยังที่จอดรถ สภาพด้านหน้ายุบและช่วงไฟท้ายร้าว เพียงมองดูแวบเดียวก็รู้ว่าไปชนมาอีกแล้ว มันแทบจะเป็นเรื่องปกติและไม่ต้องสงสัยในคู่กรณีว่าเป็นใคร
“คิดถึงแม่จังเลยครับ” เสียงลูก้าพูดขึ้น ทันทีที่ก้าวลงจากรถ ผู้ถูกเอ่ยถึงจ้องมองร่างสูงของลูกชายที่ เดินตรงเข้ามาสวมกอด
“ต้องเริ่มจากใครก่อน” ไม่ต้องถามอะไรให้เสียเวลา เพราะรู้เรื่องราวทุกอย่างอยู่แล้วตั้งแต่แรก
“ไอ้คัส” ลูก้าชี้นิ้วไปยังพี่น้องร่วมสายเลือดของตัวเอง
“อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ครับแม่”
ลูคัสชิงพูดก่อนที่แม่ของเขาจะเอ่ยอะไรออกมา รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อ การแสดงออกราวกับเด็กใสซื่อไม่รู้เรื่องของลูกชาย ทำให้เฮเลนเห็นภาพของพ่อพวกเขาซ้อนทับเข้ามา
“แต่อุบัติเหตุของคัส จะต้องเกิดขึ้นแค่กับฟี่” สองคนนี้เจอกันไม่ได้จริง ๆ ถ้าไม่มีคนห้ามหรือแยกทั้งสองออกห่างกัน ต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตลอด
“ก็คนไม่มีสมองมาขับรถบนถนน ก็สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเป็นธรรมดา”
“คนไม่มีสมอง ควรจะเป็นคนที่ตั้งใจถอยรถกลางถนนหรือเปล่า” สิ่งที่แม่พูด ทำให้เขาต้องหันไปมองแฝดตัวเอง
“มึงฟ้องหมดเลย” ยังไม่ทันจะได้คำตอบ เขาก็ถูกแม่ลากแขนเข้าไปในบ้าน
“ไม่ต้องไปว่าก้า มานี่เลย”
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ตายหรอก ถ้าชนแค่นั้นแล้วตายก็ควรจะตายไปตั้งนานแล้ว”
“เอะอะแช่งให้ตายตลอด” ลูก้าที่เดินตามหลังมา ยังไม่หยุดพูดแหย่
“หุบปากเลยมึง”
“อย่าโมโหดิ หยอกกันไปมากูนึกว่าแกล้งจีบฟี่” ตอนแรกบอกไม่คิด แต่ฟังก็รู้ว่ามันตั้งใจพูดให้แม่ได้ยิน
“ไอ้เหี้-” คำด่าแผ่วเบา แต่คนที่ลากแขนเขายังได้ยิน
เพี้ยะ!
“หยุดทั้งคู่” เสียงดุของแม่ที่มาพร้อมกับมือฟาดลงบนแขนลูคัส ทำให้ทั้งสองยอมสงบลง แล้วเดินตามหลังไปอย่างเงียบ
“โดนแม่ดุเหรอ ~” เสียงหวานสดใสของซินเซียดังขึ้น
น้องเล็กของบ้านส่งยิ้มหวาน สายตาจ้องมองมายังพวกที่กำลังถูกแม่ลากเข้าบ้าน ข้างกันคือพ่อและลาเดล ที่ยืนรอต้อนรับพวกเขาอยู่
“ยืนรอกันแบบนี้ รู้หมดแล้วสิ” ลูคัสถามทุกคนตรงหน้าทันที
“อือ” เสียงตอบของพ่อ ส่วนที่เหลือต่างพยักหน้าแทนการพูด
“เอาเป็นว่า ตั้งใจถอยให้ชนเองครับ แต่ทางนั้นก็ขยับรถไปอยู่ข้างหน้า แล้วถอยหลังมาชนเหมือนกัน”
“....” ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ ก็ในเมื่อรู้อยู่แล้ว เขาจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องปกปิด
“เท่ากับว่าเสมอ ไม่มีฝ่ายใดผิด” พูดจบก็ก้าวเท้าเดินหนีทันที
“เราผิด” สิ่งที่พ่อพูด ทำให้เขาหยุดชะงักแล้วหันหลังกลับมา
“ไม่ผิดครับ”
“ผิด เราต้องขอโทษฟี่”
“ทำไมมองว่าผมผิด อุบัติเหตุหรือเปล่า ฟี่ต้องรับผิดชอบรถผมด้วยซ้ำเธอตั้งใจถอยชนก่อนหนีไป”
“ใครเป็นฝ่ายเริ่ม ก็คนนั้นผิด” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สายตามองมาที่ลูกชาย
“ถ้านับคนเริ่ม ก็ควรผิดทั้งคู่” ก็ยัยนั่นโทรมาหาเรื่องเขาก่อน ถึงจะโทรหาก้า แต่คนที่ตั้งใจด่าก็คือเขา
“แล้วถ้าผิดทั้งคู่ มึงจะทำยังไงต่อ โทรไปขอโทษฟี่มั้ย” ลาเดล ฝาแฝดอีกคนของเขาที่เงียบอยู่นานพูดขึ้น คนมีเหตุผลอย่างเดลถามออกมาเองแบบนี้ ถ้าไม่ตอบออกไปไม่ได้กลับขึ้นห้องแน่
“แล้วทางนั้น จะอ้าปากพูดคำขอโทษเหมือนกันหรือเปล่า”
“ถ้าฟี่พูด มึงก็จะพูดใช่มั้ย” ลาเดล มองเขาด้วยแววตาเรียบเฉย
“ได้ แต่ให้มาพูดกับกูต่อหน้า”
พูดจบก็เดินหนีไปทันที ทุกคนต่างมองตามแผ่นหลังกว้างของลูคัส จนกระทั่งเขาหายลับสายตาไป
“เป็นคู่ที่ทะเลาะกันได้อย่างยาวนานมากเลย” ซินเซียพูดด้วยน้ำเสียงสดใส
“เรื่องปกติ ถ้าไม่ทะเลาะกัน เมื่อไหร่นั่นแหละ น่ากลัว” ลูก้าพูดพร้อมกับเดินเข้าไปกอดคอน้องสาว แล้วพาเดินไปทางห้องนั่งเล่น
“เซียนึกภาพแบบนั้นไม่ออก” จำความได้ ก็เห็นภาพแบบนี้มาตลอด ตั้งแต่เป็นคู่แข่งในห้องเรียน จนมาถึงคู่แข่งทางอำนาจ
“จะบอกว่าให้ฟี่มาขอโทษต่อหน้า มีหวังได้ฆ่ากันตายของจริง” ลาเดลเดินตามหลังไปอีกคน
ปล่อยให้ผู้เป็นพ่อแม่มองตามอย่างเงียบ ผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งพยายามที่จะแก้ไขให้ฟีฟี่ ลูคัสเลิกทะเลาะกันหลายวิธีแล้ว แต่ทุกครั้งที่พยายามจะตามมาด้วย การวิวาทครั้งยิ่งใหญ่เสมอ
“ฟี่สนิทกับทุกคนยกเว้นคัส” มาร์ชินหันมาถามภรรยาของเขา
“ใช่ เฮ้อ...ฝากจัดการทางการ์เนทด้วยนะ”
เฮเลนรู้นิสัยทุกคนดี ยิ่งคัสด้วยแล้วยิ่งน่ากลัว ไม่ว่ายังไงก็ยังไม่มีใครอยากมีปัญหากับลูคัส ยกเว้นฟีฟี่ ลูกสาวของเพื่อนรัก อีกฝ่ายถึงจะเห็นว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็ก แต่ก็ได้นิสัยแม่มาเกิดร้อยเปอร์เซ็นต์ของความไม่กลัวใคร
แต่ถึงจะคิดแบบนั้น ยิ่งแยกก็ยิ่งวุ่นวาย มีทางเดียว...เอามาอยู่ใกล้กันให้มากกว่าเดิม
(ฟีฟี่)
“แต่ฟี่ไม่ใช่คนเริ่มนะ!” ฉันพยายามอธิบายกับพ่อ อย่างไม่ยอมแพ้
“ไม่ใช่คนเริ่มแต่ก็ผิด” พ่อยังคงพูดอย่างใจเย็น
“ก็ใช่อยู่หรอก ผิดที่น่าจะชนให้แรงกว่านี้” น้อยไปจริง ๆ พอมาคิดอีกที น่าจะชนคนขับมากกว่า
“ฟีฟี่” เสียงของแม่ทำให้ฉันเงียบทันที
“เสียดายรถจังค่ะ ~” รีบเปลี่ยนเรื่องหนี ก่อนจะโดนไปมากกว่านี้
“แม่คุยกับป้าเฮเลนแล้วนะ งานมูลนิธิปีนี้จะให้ฟี่ไปกับคัส” เมื่อได้ยินสิ่งที่แม่พูด ทำฉันหันไปมองด้วยความตกใจ
“หึ เละแน่” เสียงฟ่าพึมพำ เหมือนกับคนมองเห็นอนาคต
“ฟี่ เอ่อ...” อะไรเนี่ย!
“พ่อกับแม่ แล้วก็ป้าเฮเลน ป้าเคท เราจะไปพักผ่อนกันสักระยะหนึ่ง หวังว่างานมูลนิธิจะผ่านไปได้ด้วยดีนะ”
“ฟี่ไม่ไป” ไม่ไปหรอก จะไปเจอให้เสียสุขภาพจิตทำไม
“ต้องไป ฟี่จะทำหน้าที่ตัวแทนคู่กับฟ่า” พ่อเป็นคนตัดสินใจทุกอย่างให้เสร็จสรรพ
“แต่คุณพ่อขา ก็รู้นี่ว่าฟี่ไม่อยากเจอ...” แม้แต่ชื่อยังไม่อยากเอ่ยปากพูดเลย
“พ่อรู้แต่นี่เป็นงานใหญ่ ถ้าทะเลาะกันต่อหน้าคนอื่น เราเสียชื่อแน่ แล้วก็ถ้าฟี่ไม่ไป ทางนั้นจะคิดว่ากลัวหรือเปล่า”
“ไปเจอก็ทะเลาะแน่ หมอนั่นปากไม่ดี”
“ฟี่อายุเท่าไหร่แล้ว ถ้าควบคุมอารมณ์ต่อคัสไม่ได้ แล้วจะควบคุมใครได้”
“....”
“ยังไงฟี่ก็เป็นลูกสาวของพ่อ เป็นคุณหนูของอาร์เดรียโน่นะครับ” เสียงนุ่มลึกและคำพูดที่สุภาพของพ่อ ที่แฝงไปด้วยอำนาจ ทำให้คุมคนนับหมื่นได้อย่างง่ายดาย
“ค่ะ” อย่างน้อยฉันก็ลูกสาวของพ่อนะ สถานะไม่ต่างจากหมอนั่น ฉันก็ต้องเป็นคนมีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากกว่า ไม่เสวนากับคนถ่อย
“เจ้าหญิงไปด้วยใช่มั้ยครับ” จู่ ๆ ฟ่าก็ถามขึ้น ไอริสไปด้วยสินะ อย่างน้อยก็มีคนที่ไอ้บ้านั่น ไม่กล้าด้วยอยู่หนึ่งคน
“ใช่ ไม่เหงาหรอก แล้วก็มีคนช่วยห้ามแน่ ถ้าทะเลาะกันขึ้นมาอีก” คิมส่งยิ้มให้แก่ลูก เพราะพวกผู้ใหญ่ปรึกษากันมาสักพักแล้วว่า
ถ้าทำให้เลิกทะเลาะกันไม่ได้ ก็จับมาอยู่ใกล้กันไปเลย ใครทนไม่ได้ก่อนเดี๋ยวก็เงียบไปเอง