เขตหวงรัก ที่ 3 : ไม่ลงรอย
(ได้ยินมั้ยคัส)
“....” ดูเหมือนว่าทางนั้นจะเปิดลำโพง ดีจะได้ด่าถนัดปาก
(...ปากแบบนี้น่าชนให้ตายคาถนน) โทนเสียงที่คล้ายกับลูก้าดัง ออกมาจากโทรศัพท์ที่เปิดลำโพงวางไว้
“สมองไปอยู่ที่ปากนี่เอง ถึงมีดีอยู่แค่อย่างดะ กรี๊ด!”
ยังไม่ทันจะพูดจบดีรถคันหน้าก็เบรกกะทันหัน ทำเอาฉันกรีดร้องด้วยความตกใจ เท้าแตะเบรกหยุดรถไว้ได้ทัน รถที่ตามมาคันหลังเปลี่ยนเลนหลบได้ทัน ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนทำให้รถมีไม่มาก
(เสียงเพราะดีนี่ กรี๊ดเหมือนจะตาย) คำพูดแบบนี้ มีแค่คนเดียวนั่นแหละ ต่อให้แฝดทั้งสามคนจะเสียงคล้ายกัน แต่ฉันแยกทั้งหมดออกว่าใครเป็นใคร
“เสียงฉันเพราะกว่านี้อีกถ้าคนขับคันหน้าตาย จะร้องไห้ให้สักหนึ่งนาทีเพื่อเป็นเกียรติ” เป็นเกียรติที่ตีความหมายไปอีกแบบ
(เก็บปากไว้เถอะ รำคาญ)
ติ้ด!
สิ้นเสียงปลายสายก็ตัดไปทันที รถที่อยู่คันหน้าเร่งความเร็วขึ้นทิ้งห่างออกไปไกลพอสมควร อยากให้ตามแล้วเบรกให้ชนกะทันหันอีกหรือไง แล้วก็ทำให้ปัญหามันตกมาอยู่ที่ฉัน ไม่ติดกับดักหรอก
เรื่องแค่นี้ทำไมจะตามไม่ทัน ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีปัญหากันสักหน่อย เราเหมือนคู่แข่งกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ในบรรดาฝั่งมัสชิโม่ลูคัสคือคนที่มีปัญหากับฉันมาตลอด แต่เราต่างฝ่ายก็ต่างไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่แล้ว
เท้าเล็กแตะคันเร่งในความเร็วปกติ ไม่สนใจสิ่งที่กำลังยั่วยุ สายตาจ้องมองไปที่กระจกหลัง บนถนนขนาดสี่เลนไร้ซึ่งรถร่วมทาง ก็ตอนนี้มันดึกมากแล้วนี่เนอะ
รู้แบบนี้นอนกับไอริสดีกว่า ถ้าต้องมาเจอกับเรื่องชวนอารมณ์เสีย
“ว้าย!”
ปึง!
จังหวะที่ละสายตาจากกระจกหลัง กลับมาจ้องมองถนนเบื้องหน้า สิ่งแรกที่พบก็คือ ไฟท้ายจากรถแอสตันมาร์ติน ซึ่งมันไม่ได้จอดรอให้ฉันชน แต่ถอยหลังเข้าหา รถที่กับพุ่งตรงไปข้างหน้าต่างหาก!
แต่ความเร็วที่ไม่ได้มากมาย ทำให้แรงกระแทกไม่รุนแรงนัก เป็นการชนเข้าไปตรง ๆ แล้วในรถระดับนี้ จึงเป็นเพียงรอยบุบเล็กน้อย ส่วนฉันก็ไม่ได้เสียดายรถหรืออะไรทั้งนั้น
เพราะตอนนี้อารมณ์โมโหพุ่งขึ้นขีดสุด สายตาจ้องมองผู้ชายที่ก้าวลงจากฝั่งคนขับ ดวงตาคมที่จ้องมองเข้ามาที่ฉัน ริมฝีปากยกยิ้มยั่วโมโห เขาก้มมองท้ายของตัวเองแล้วส่ายหัวไปมา จะบอกว่าเพราะฉันเหรอ!
มือเล็กเปิดประตูพร้อมกับก้าวเท้าลงจากรถ เดินตรงเข้าไปหาเจ้าของรถ สายตาจ้องมองไปยังลูก้าที่กำลังลงมาอีกคน
“ลูกตาไปอยู่ที่เท้าเหรอ ถึงมองไม่เห็นว่ารถถอย” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น สายตาหันมองไปทางอื่น ทำให้รับรู้ว่าเขาไม่อยากมองหน้าฉันสักเท่าไหร่
“แล้วสมองไปอยู่ที่เท้าเหรอ ถึงไม่รู้ว่าไม่ควรถอยรถกลางถนน”
“พอดีเลยแยกที่จะไป คิดว่าคันหลังจะมีน้ำใจหยุดให้ซะอีก แต่ลืมไปว่าคนขับเป็นพวกไม่มีสมอง เลยคิดไม่เป็น” น้ำเสียงนิ่งเรียบของลูคัส เหมือนเป็นการกระตุ้น ให้อารมณ์ปะทุขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
“พอทั้งคู่ ไม่มีคนมาแยกด้วยนะตอนนี้” ลูก้ายืนมองอยู่นาน ต้องทำหน้าที่หยุดการถกเถียง เพราะปกติเราจะมีฟ่าหรือไอริส มาแยกไม่ให้ทะเลาะกัน
“ฟี่ไม่ใช่คนเริ่ม” ถึงปากจะพูดกับลูก้า แต่สายตาก็ยังไม่ละสายตาจากคนตรงหน้า
“เริ่มเองแล้วจะทำไม”
สายตาของเราต่างจ้องมองกัน รถหลายคันที่จะวิ่งผ่านไป ต่างชะลอดูด้วยความสงสัย เพราะรถทั้งสองคันจอดนิ่งกลางถนน ฉันเลือกที่จะไม่โต้ตอบ ทำเพียงเดินกลับไปยังรถของตัวเอง
ปึง!
ร่างบางเข้านั่งในรถของตัวเอง หยิบกระดาษขึ้นมาเขียนบางสิ่งลงไป สายตาของลูคัสยังคงมองมา เขาเองก็ดูประหลาดใจที่ฉันไม่ตอบโต้กลับไป เมื่อเขียนเสร็จก็เปลี่ยนเกียร์ เท้าแตะคันเร่งเคลื่อนตัวรถออกไป
กระจกเลื่อนลงในจังหวะที่ขับผ่านลูคัส สายตายังมองที่เขาพร้อมกับยิ้มมุมปาก หักเลี้ยวพวงมาลัยให้ตัวรถไปอยู่ด้านหน้ารถเขาแทน แล้วจัดการเปลี่ยนเป็นเกียร์ถอยหลัง เท้าเหยียบคันเร่งถอยชนรถของเขาเต็มแรง
ปึง!
“เฮ้ย!” เสียงลูก้าดังขึ้นด้วยความตกใจ แต่ใบหน้าดูจะสนุกมากกว่า โมโหที่ฉันพังรถของพวกเขา
พึ่บ!
กระดาษในมือถูกโยนออกนอกตัวรถ แต่ก่อนที่ฉันจะขับออกไป ก็ได้ยื่นแขนออกผ่านกระจก แล้วยกขึ้นชูนิ้วกลางให้กับคนที่มองอยู่ได้เห็น นั่นคือ ลูคัส
บรื้น!!
ดวงตาคมมองตามรถสีขาวที่ขับออกไปด้วยความเร็ว จนหายลับสายตาไป
“ของมึง” ลูก้ายื่นกระดาษที่ถูกโยนทิ้งไว้ เขารับมันมาดูสิ่งที่อยู่ในนั้น
มันถูกเขียนด้วยปากกาสีดำ เป็นภาพวาดง่าย ๆ ที่มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่า คือรูปมือชูนิ้วกลางและข้อความสั้น ๆ ว่า ‘ไอ้ถ่อย’
“หึ...” เสียงหัวเราะดังในลำคอ เขาขยำกระดาษในมือแล้วโยนมันทิ้ง ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งยังฝั่งคนขับ ตามลูก้าที่เดินขึ้นมารอก่อนแล้ว
ปึง!
ประตูปิดลง รถยนต์คันหรูก็เคลื่อนตัวออกทันที
“ทะเลาะกันขนาดนี้คนอื่นเขาต้องมีคิดบ้างละ ว่ามึงสองคนชอบกันหรือเปล่า” สิ่งที่ลูก้าพูด ทำเอาเขาถึงกับหลุดขำ
“น่าขนลุกดีว่ะ นึกถึงตัวเองที่ชอบผู้หญิงแบบนั้น”
“ก็เพราะกูรู้ไง ว่ามันต้องเป็นเรื่องที่น่ากลัวเลยไม่กล้าคิด แต่ฟี่สวยมากนะมึง” ลูก้าเลื่อนกระจกรถลง แล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ
“แบบนั้นสวยเหรอ เสียสายตาฉิบหายเวลาเจอ” คำพูดเย็นชาที่ทุกคนต่างรู้ดีว่า มันคือสิ่งที่อยู่ในใจของลูคัสจริง ๆ
“แล้วนี่มึงจะไปไหนเนี่ย” ลูก้าถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเส้นที่จะไปมันไม่ใช่ทางกลับบ้านของพวกเขา
“กูไปคอนโด ฝากเอารถกลับแล้วรับหน้าแทนกูด้วย” หน้ารถยุบเข้ามา ถึงไม่รุนแรงแต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาแม่ไปได้
“มีใครไว้ที่คอนโดหรือไง ซุกเมีย?” สายตาของลูก้ามองมาอย่างจับผิด
“มึงก็รู้ ว่ากูไม่สนใจเรื่องพวกนั้น” สิ่งที่ทำให้เขายุ่งกับผู้หญิงก็มีแค่เรื่องงานเท่านั้น โดยนิสัยที่คนในครอบครัวรู้ดี คือไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายและเป็นเจ้าของไม่สนใจใคร
“เออ แต่มึงกับกูต้องกลับบ้านเท่านั้น แม่รออยู่” ลูก้าโชว์หน้าจอโทรศัพท์ให้ได้เห็น
“แม่?”
“แม่รู้ด้วย ว่ามึงกวนตีนฟี่อีกแล้ว”
“แม่รู้ได้ไง”
“กูบอกเอง” เมื่อได้ยินคำตอบของฝาแฝดตัวเอง เขาก็หันไปมองทันที
“มึงมันเหี้-”
“กูชอบเห็นมึงโดนด่า” ลูก้า ที่มองทุกเรื่องเป็นความสนุก