เขตคลั่งรัก พื้นที่ 5 : พรจากเทพเจ้า
3 วันต่อมา
ณ เพนท์เฮ้าส์ของต้าหลิน
“ผมชื่อฉาง เต่อ เกิดวันที่สามเดือนสาม ตรงกับวันประสูติองค์เฮียงเทียงเซี่ยงตี๋”
“แล้วคุณ....”
“ชอบสีทองที่สื่อถึงองค์จักรพรรดิจีน บ้านเกิดอยู่ที่เมืองอู้หยวน เมืองชนบทที่สวยที่สุดของจีน”
“ยะ...”
“ความสามารถพิเศษ เดินเท้าเปล่าได้เป็นระยะหลายสิบกิโลเมตร ความแข็งแกร่ง ร่างกายที่อึดอดทน”
“ช่วยงะ....”
“การศึกษาไล่เริ่มตั้งแต่เข้าระ!”
“หยุด!” ฉันพูดขึ้นอย่างหมดความอดทนกับการที่นั่งฟังผู้ชายตรงหน้าพูดไม่หยุดปาก พยายามหาจังหวะแทรกก็ยากซะเหลือเกิน จนในที่สุดฉันก็หมดความอดทน
“อุ๊ป! คิก คิก” ชิเอลเบือนหน้าหนี แล้วพยายามกลั้นขำสุดชีวิต
“ผมยังแนะนำตัวไม่จบเลยครับ”
“ไม่ต้องแล้ว จ่ายค่าเสียเวลาให้เขาแล้วเชิญค่ะ” สิ้นเสียงคำสั่ง เลขาก็พาผู้ชายคนนั้นออกไป แล้วเราก็เริ่มที่คนต่อไปและต่อ ๆ ไป
3 ชั่วโมงต่อมา
พึ่บ!
“กรี๊ด!”
ร่างบางทิ้งตัวนอนคว่ำหน้าลงกับเตียง แล้วกรีดร้องระบายความอึดอัดในใจออกมา ผู้ชายแต่ละคนที่สัมภาษณ์ในวันนี้ไม่ได้เลย!
แต่ละคนที่เจอ ถ้าไม่พูดมากจนเกินไป สติก็ล้นจนควบคุมยาก บางคนหน้าตาดีแต่มารยาทสร้างสังคมติดลบ บางคนพอใช้ได้ แต่ทุกคนกลับเห็นแก่เงินและร้องขอสิ่งต่าง ๆ จนฉันรู้สึกขนลุก
ขอบ้าน ขอคอนโด ขอรถซูเปอร์คาร์ 5 คันและเงินในบัญชีหลายร้อยล้าน เหมือนยิ่งรู้ว่าฉันเป็นใครคำขอก็ยิ่งใหญ่ ของแค่นั้นมันไม่ได้ทำให้ฉันจนลงหรอก แต่ความรู้สึกขยะแขยงที่บอกไม่ถูกทำให้ต้องปัดตกทุกคน
ให้มันได้แบบนี้สิ!
“ก็รู้ว่าผู้ชายสมัยนี้เป็นยังไง เลขาแกก็ตาไม่มีแววเอาซะเลย” ชิเอลที่รับรู้เรื่องราวในวันนี้ทั้งหมด ก็รู้สึกเห็นใจฉันเหมือนกัน
“มองภายนอกมันมองยากอยู่นะ” ฉันไม่ได้เข้าข้างเลขาของตัวเองหรอก แต่ก็ไม่ได้ใจร้ายจนถึงขนาดไปตำหนิเธอ สมัยนี้ก็มองยากจริง ๆ นั่นแหละ
“ถ้างั้นต้องไปหาด้วยตาของตัวเองแล้ว”
“....” ฉันหันไปสบสายตากับชิเอล
“เหมือนคำที่ว่า...หากมีวาสนาห่างกันพันลี้ยังได้พบหน้า หากไร้ซึ่งวาสนาแม้อยู่ตรงข้ามก็ไม่อาจพบเจอ”
“จำมาจากหนังอีกแล้วล่ะสิ”
“พึ่งดูมาเมื่อวาน เอาล่ะคนสวย แกต้องตามไปหาด้วยตัวเองแล้วแหละ”
“ไหนบอกว่ามีเงินแล้วทำได้ทุกอย่างไง นี่สรุปก็ต้องไปจัดการด้วยตัวเองอยู่ดี” คำพูดที่ว่า ‘มีเงินแล้วทุกอย่างจะง่ายขึ้น’ ฉันจะเถียงให้สุดใจขาดดิ้นเลย!
แล้วฉันจะไปต้องไปหาที่ไหน ทำไมชีวิตยุ่งยากอะไรขนาดนี้!
(วันที่หนึ่งของการตามหาผู้ชาย)
ณ ผับแห่งหนึ่ง
“ต้าหลินใช่มั้ยครับ ขอผมนั่งด้วยคนได้มั้ย” เสียงผู้ชายทักขึ้นในระหว่างที่ฉันนั่งอยู่เพียงลำพังที่บาร์
“ออกไปไกล ๆ” มือเล็กยกแก้วค็อกเทลขึ้นดื่ม ไม่แม้แต่จะหันไปมองด้วยซ้ำว่าคนที่เข้ามาทักเป็นใคร
เข้ามาทักขนาดนี้ก็ต้องรู้จักฉันเป็นอย่างดี แล้วต้องเป็นพวกผู้ชายที่มั่นใจในตัวเองระดับหนึ่งถึงจะกล้าเข้าหา สิ่งที่ต้องการคือคนธรรมดาที่ยอมอยู่ใต้อำนาจ มันย่อมง่ายต่อการควบคุม
ฉันนั่งอยู่ที่ผับนี่หลายชั่วโมง ก็ยังไม่เจอใครเข้าตาสักคน หายากจริง ๆ เลยนะ แม้แต่คำว่าหล่อยังไม่มีใครใกล้เคียงความต้องการเลย!
(วันที่สองของการตามหาผู้ชาย)
ณ สวนสาธารณะ เวลา 17.00 น.
กรุ้งกริ่ง ~
จักรยานเคลื่อนตัวไปตามช่องกำหนดให้วิ่งของสวนสาธารณะ เสียงกระดิ่งบอกเตือนนักออกกำลัง ที่เข้ามาล้ำพื้นที่ให้หลบทาง สายตาสอดส่องไปรอบ ๆ ตัว
ไหนยัยชิเอลบอกว่า สวนสาธารณะจะอุดมไปด้วยผู้ชายที่รักสุขภาพและเป็นสถานที่ที่คนทั่วไปเขาใช้ในการพักผ่อนช่วงเย็น แต่สิ่งที่เห็นตลอดทางก็คือ กลุ่มรำไท้เก๊กหรือไม่ก็กลุ่มผู้สูงวัยที่กำลังจับกลุ่มพูดคุยกัน
ไม่เห็นมีวัยหนุ่มสาวอย่างที่แกบอกเลยชิเอล!
(วันที่สามของการตามหาผู้ชาย)
ณ ศาลเจ้าของเทพเจ้าเย่เซี่ยเหล่าเหริน เวลา 21.45 น.
พรึ่บ!
ร่างบางทิ้งตัวนั่งลงยังเก้าอี้ม้าหินอย่างหมดแรง ชีวิตในวัย 27 ปีเข้าใจแล้วว่า เงินไม่สามารถทำให้ฉันได้สิ่งที่ต้องการไปทั้งหมด! 3 วันที่ผ่านมา ฉันพาตัวเองไปตามสถานที่ที่คิดว่าจะเจอในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่มันก็ไร้ประโยชน์
หาผู้ชายสักคนที่ตัวเองพอใจเพื่อจ้างมาแต่งงานด้วยยังขนาดนี้ แล้วถ้าวันหนึ่งฉันอยากแต่งงานจริง ๆ ผู้ชายที่เหมาะสมกับตัวเอง แล้วฉันยังพึงพอใจมันจะหายากขนาดไหน เหนื่อยชะมัด!
บรรยากาศรอบตัวที่มีเพียงความเงียบ ในเวลาแบบนี้ใครเขาจะมาไหว้เทพเจ้าขอความรักกันล่ะ ส่วนฉันก็แค่มานั่งพักเหนื่อยระหว่างทางเดินกลับไปยังที่จอดรถก็เท่านั้น
ลมเย็น ๆ พัดผ่านกระทบผิวกาย รอบตัวไร้ซึ่งผู้คนแต่ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกกลัวสักนิด ดวงตาเหม่อมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน ในหัวก็กำลังคิดหาวิธีจัดการกับชีวิตของตัวเอง
หรือว่าฉันต้องยอมแพ้เหรอ ไม่เอาหรอก! ไม่ได้ต้องการไปดูตัวกับพวกลูกเพื่อนป๊านี่ ไม่ตรงใจฉันสักคน ตอนนี้เวลาเหลือแค่ 1 อาทิตย์กับอีก 1 วันแล้ว
ฉันจะต้องหา หาและหาจนกว่าจะได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ!
พรึ่บ!
ร่างเล็กลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วตรงเข้าไปหยุดยืนหน้ารั้วเหล็กขนาดความสูงช่วงเอว ภายในที่อยู่ตรงกลางรั้วนั่นก็คือ รูปปั้นเทพเจ้าเย่เซี่ยเหล่าเหรินหรือเทพเจ้าจันทรา เทพแห่งความรักของจีน
แปะ!
สองมือยกขึ้นประกบกัน
“ท่านเทพผู้บันดาลรัก ได้โปรดส่งผู้ชายตามใจที่หนูต้องการมาให้ภายในวันสองวันนี้ด้วยเถอะค่ะ” คำขอพรที่แผ่วเบาแม้จะยืนอยู่เพียงลำพัง แต่ก็ไม่ต้องการให้ใครได้ยิน
“ผู้ชายที่จาง จินเยว่ต้องการมีดังนี้...ผู้ชายที่มีส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าขึ้นไป พอดีหนูชอบคนสูงค่ะ ปกติใส่รองเท้าส้นสูงตลอดมันจำเป็นเวลาที่เราต้องเดินข้างกัน”
ถ้าอยากได้ตรงใจก็ระบุไปซะให้มันจบ ๆ เดี๋ยวท่านเทพเจ้าจันทรา จะได้จัดมาให้ตรงใจในทันที
“ขอผู้ชายที่หล่อ ดูดี บุคลิกดี ผิวอะไรก็ได้ค่ะไม่ติด การศึกษาไม่ต้องสูงมากก็ได้นะ ขอมีไหวพริบและไม่โง่จนหนูรู้สึกอาย แต่ช่วยอย่าให้ฉลาดเกินหนูก็แล้วกันจะได้ควบคุมง่าย ๆ”
“ข้อสำคัญสุดท้ายค่ะ...ขอมีรอยสักก็ดีนะคะ พอดีว่าหนูชอบ”
สิ้นเสียงคำขอพรสุดท้ายก็ไหว้คำนับแด่เทพเจ้า แล้วกลับมายืนหลังตรงเต็มส่วนสูง หางตาเห็นเข้ากับใครบางคนที่หยุดยืนข้างกาย ฉันหันหน้าไปมองตามสัญชาตญาณความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง
เขาเองก็หันมาสบตาเช่นกัน ฉันไล่สายตามองอีกฝ่ายด้วยความตั้งใจ ตั้งใจให้รู้ว่าสนใจเขา ถึงคนตรงหน้าจะใส่เสื้อแขนยาว แต่รอยสักที่อยู่ตรงข้างต้นคอ ทำให้ชวนจินตนาการลึกลงไปยังสิ่งที่อยู่ภายใต้ร่มผ้า
คำขอพรจากเทพเจ้าเย่เซี่ยเหล่าเหริน สัมฤทธิ์ผลในทันที ถึงเขาจะไม่ใช่คนจีน แต่ถือว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเกินคำว่าฉันพึงพอใจ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามเป็นสำเนียงจีน
“ชื่ออะไรคะ” คำว่าอ้อมค้อมมันไม่มีในหัวฉันอยู่แล้ว เขาดูตกใจนิดหน่อยที่ถูกถามชื่อทั้งที่เราพึ่งเจอกันไม่ถึง 10 วินาที
“...ลูก้าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยชื่อของตัวเองออกมา
ฉันละสายตาจากเขาไม่ได้เลย หล่อมาก!