ตอนที่5 : เจอเขาครั้งแรก
สามเดือนผ่านไป
อีกสามวันก็จะถึงงานแต่งจุนโกะแล้ว ฉันรีบเร่งงานเจียระไนเพชรให้ลูกค้าจนหัวหมุน เพราะช่วงนี้ราคาเพชรตก ลูกค้าเลยหันมาเล่นเพชรกันเยอะ นั่นทำให้งานฉันเพิ่มขึ้นด้วย แต่เงินมันล่อตาล่อใจใครจะไม่รีบคว้าไว้
ตอนนี้ก็นั่งออกแบบสร้อยคอเพชรอยู่เนี่ย เพื่อให้เข้ากับเพชรน้ำงามที่พึ่งได้มา
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังในขณะที่ฉันกำลังตั้งตาตั้งหน้าบรรจงวาดลายลงในกระดาษ
“มีอะไร”
“มีคนมาหาเจ๊ค่ะ” เสียงข้างนอกตะโกนกลับมา
“ใคร”
“เธอบอกเป็นเพื่อนเจ๊”
เพื่อน? ใครกันที่มาหาฉัน ถ้าเป็นเพื่อนกันจริง ๆ คงโทรมานัดกันก่อนแล้ว
“คงไม่ใช่เพื่อนฉัน ไล่กลับไปเลย”
“แต่เธอกำลังร้องไห้ด้วยนะคะ เจ๊น่าจะลงไปดูสักหน่อย”
ร้องไห้? ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย เออ ๆ บอกว่าเป็นเพื่อนใช่ไหม? งั้นคงต้องลงไปดูว่าเป็นใคร
“เออ ๆ เดี๋ยวลงไป”
“ค่ะเจ๊”
เสียงฝีเท้าคนข้างนอกห่างออกไป ฉันเก็บของบนโต๊ะให้เรียบร้อยก่อนจะออกจากห้อง เดินลงมาข้างล่าง และตรงมุมหน้าเคาน์เตอร์ก็ได้เห็นร่างบางคนหนึ่งกำลังนั่งก้มหน้าก้มตา เธอแต่งตัวโทรม ๆ ด้วยเสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงยีนส์ขาสั้นจู๋ ตัวโยกเบา ๆ บ่งบอกว่าสะอื้นอยู่
เดี๋ยวนะ!! รูปร่างแบบนั้น ผมสีแบบนั้น นั่นมันเจี๊ยบนี่หว่า...
“เจี๊ยบ!!” ฉันเรียกชื่อเธอ เจ้าตัวก็แหงนมามอง นัยน์ตาคู่สวยมีน้ำตาคลอ ปลายจมูกแดงก่ำ เธอร้องไห้อยู่จริง ๆ และยิ่งเห็นหน้าฉันแล้ว เธอคงยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
“พิงก์...” เจ้าตัวลุกจากเก้าอี้วิ่งมาสวมกอดทันที
“ฮือ ๆ ฉันจะตายแล้วแก”
ได้ยินประโยคนั้นจากเพื่อน ฉันถึงกับต้องผละกอดเธอออก จับแขนเธอทั้งสองข้างไว้แน่น จ้องด้วยสายตาจริงจัง “แกจะตายอะไรวะ? นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ฮือ...ก็ฉันถูกแฟนบอกเลิก เจ็บใจจะตายอยู่แล้วเว้ย”
“ฮะ!! เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ”
“ฮือ ๆ ฉันรักเขา แต่เขาไม่รักฉันแล้ว จะทำไงดี ฮือ...”
“โธ่...เดี๋ยวพวกแกก็ดีกันเหมือนเดิม” ฉันลอบถอนหายใจ เพราะเจี๊ยบมาปรึกษาเรื่องทะเลาะกับแฟนบ่อย แนะนำให้เลิกกันไปตั้งนานแล้ว เธอก็ตอบ ตกลงพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไปเลิก แต่ไป ๆ มา ๆ กลับคืนดีกันซะงั้น ฉันเลยกลายเป็นหมาไป
“แต่คราวนี้มันมีแฟนน้อย ฮือ”
“เมียน้อย!!” ไม่ใช่แค่ฉันอุทาน แต่ทั้งนุ่นและออมที่นั่งฟังอยู่อุทานออกมาพร้อมกัน ฉันเหลือบไปจิกตาใส่พวกเธอ ทั้งสองคนส่งยิ้มเจื่อน ๆ มาให้ แล้วรีบหันไปแกล้งเช็ดกระจกด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ
“อย่าร้องดิเจี๊ยบ แกไปคุยกับฉันข้างบนดีกว่า”
ฉันจูงมือเพื่อนเดินมานั่งบนห้องทำงาน ให้เธอนั่งโซฟาตัวยาว แล้วนั่งลงใกล้ ๆ
“เล่ามาให้ชัดเจนหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น” คนขี้ร้องแหงนมาสบตากัน พยักหน้ารับรัว ๆ ก่อนจะเริ่มเล่า
“ฉันจับได้ว่าแฟนไปนอนกับคนอื่น เห็นกับตาตัวเองว่าพวกมันอยู่กันบนเตียง ฮือ”
“ที่ไหน...แล้วแกรู้ได้ไง”
“มีเบอร์แปลกส่งข้อความให้ฉันไปที่ห้องนั่นอะสิ ฉันก็เลยตามไป เพราะก่อนหน้านี้เคยเห็นรอยลิปบนเสื้อเขา”
“เบอร์แปลก? นั่นต้องเป็นเบอร์อีผู้หญิงคนนั้นแน่ ๆ มันล่อให้แกไปเห็นภาพบาดตา”
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรเลย ฮือ...มันเจ็บจนคิดอะไรไม่ออกแล้วพิงก์”
“ฉันบอกแล้วไงว่าแกควรเลิกกับเขาตั้งนานแล้ว”
“แต่ฉันรักเขา ฮือ ๆ ตอนนี้ก็ยังรักอยู่”
“แล้วเขาง้อแกไหม เห็นแกสำคัญบ้างหรือเปล่า ถ้าเขารักแกสักนิด คงไม่ไปมีผู้หญิงอื่นหรอก คงไม่ยอมให้แกต้องเสียใจขนาดนี้”
“เขารักฉันซิ ไม่งั้นไม่กลับมาหาหรอก”
“เดี๋ยวนะ!! แกจะบอกว่าเคยมีเรื่องแบบนี้แล้วเหรอ”
“อืม ฉันเคยจับได้ว่าเขาไปซื้อเด็กตอนไปเที่ยวเลานจ์”
“ฮะ!! นี่ขนาดแกเคยจับได้แล้วนะ เขายังกล้านอกใจแกอีกเหรอ?”
“เขาบอกครั้งที่แล้วแค่ลองของใหม่”
“อีเจี๊ยบ!! อีแม่พระ!! นี่แกใจดีให้ผัวไปนอนกับคนอื่น เพราะเหตุผลว่าผัวอยากลองของใหม่ สมองแกก็มี ทำไมคิดได้แค่นี้”
โมโหแทนเพื่อนจริง ๆ เข้าใจว่าความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ไม่คิดว่าเพื่อนตัวเองจะยอมโง่ ให้ผู้ชายสวมเขาได้
“นั่นแค่คืนเดียว...” เสียงแผ่วบางตอบ
“คืนเดียว!! แล้วเป็นไงล่ะ คราวนี้มันทำอีก แกเลยมานั่งร้องไห้อยู่แบบนี้”
“ฮือ...ก็ฉันไม่อยากเลิกกับเขานี่หน่า ฉันรักเขานะพิงก์ แกไม่เข้าใจหรอก”
“ใช่! ฉันไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนฉันถึงโง่ขนาดนี้ได้ เมื่อก่อนไม่เห็นแกจะง้อผู้ชายขนาดนี้ ผู้ชายมีออกเยอะแยะ แกก็แค่เลิกกับคนนี้แล้วหาใหม่ คนเชี้ย ๆ ทิ้งมันไปเหอะ แกทั้งสวยทั้งมีเสน่ห์ รับรองต้องหาผู้ชายดี ๆ กว่านี้ได้อีกแน่”
“ฮือ...ไม่เอา...ฉันคบกับเขามาตั้ง4ปี ทำดีมาตลอด เอาใจสารพัด ยอมทุกเรื่อง แล้วทำไมเขาต้องนอกกายฉันด้วยล่ะ ฮือ ๆ ฉันไม่อยากมีคนอื่น”
“เพราะแกไม่ดีสำหรับเขาไง”
“แกว่าอะไรนะพิงก์”
“จะบอกอะไรให้นะเจี๊ยบ ผู้ชายมักมากกันทุกคน ที่เขามีผู้หญิงใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะแกตอบสนองเรื่องบนเตียงให้เขาไม่ได้”
เจี๊ยบเบิกตาโพลง เพราะฉันคงพูดอะไรที่ฉุดความคิดเธอขึ้นมาได้
“ฉันพูดถูกใช่ไหม? เรื่องบนเตียงระหว่างแกกับแฟนคงไม่มีอะไรแปลกใหม่ และคนที่น่าจะเริ่มทุกครั้งคงเป็นฝ่ายผู้ชาย”
“แกรู้ได้ไงพิงก์ แกแอบอยู่ใต้เตียงเหรอ”
“หึ!! เดาได้ไม่ยากหรอก เพราะผู้ชายมักมากจะเบื่ออะไรง่าย ๆ”
“แล้วฉันต้องทำไง...แกต้องช่วยฉันนะ เราเป็นเพื่อนกันใช่ไหม”
“ก็ได้ ๆ แกก็แค่เทคแคร์เขาให้เยอะ”
“ฉันก็ทำทุกอย่างแล้วนะพิงก์ งานบ้านก็ทำ งานนอกบ้านก็ทำ”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องพวกนั้น แต่กำลังพูดถึงเรื่องบนเตียง”
“เรื่องบนเตียง? ฉันต้องทำอะไรเหรอ”
“เป็นคุณหรี่บนเตียงให้แฟนแกซะ”
“ฮะ!! หมายถึงกะ...หรี่”
“ฟังไม่ผิดหรอก แกต้องเป็นคนเริ่มยั่วเขาบ้าง เปลี่ยนจากบนเตียงเป็นมุมอื่น จัดลีลาเด็ด ๆ เหมือนพวกอีตัว ใส่เสื้อผ้าเซ็กซี่หน่อย แค่แกเริ่มเปลี่ยนรับรองเลยว่าผู้ชายจะไม่มีวันเบื่อแน่นอน”
“แต่...ฉันไม่เคยทำ”
“เพราะไม่เคยทำไง แฟนแกถึงได้ไปมีคนอื่น ถ้าแกไม่ทำอีก งั้นก็อย่าหวังว่าจะแฟนแกจะกลับมา”
“ฉันคงจืดชืดอย่างที่แกว่า”
“ใช่...แต่แกเปลี่ยนได้ เปลี่ยนทีละนิด อาจจะเริ่มจากเล่นน้องชายเขาก่อน แล้วค่อย ๆ รุกหนักขึ้นตามลำดับ”
“แกแน่ใจนะ ถ้าฉันทำแบบนั้นแล้ว แฟนฉันจะไม่นอกใจอีก”
“เชื่ออีพิงก์คนนี้ค่า...ฉันรู้ว่าเรื่องงานบ้านงานครัวแกเก่ง แต่แค่นั้นมัดใจผู้ชายไม่ได้หรอก ต้องเก่งเรื่องบนเตียงด้วย ผู้ชายจะได้มาสยบแทบเท้า และคราวนี้แหละมันจะเรียกร้องแต่แก หาแต่แกจนไม่กล้าไปมีผู้หญิงอื่นอีกแล้ว”
ฉันเอ่ยอย่างมั่นใจ เจี๊ยบก็ตั้งใจฟังด้วยนะจากใบหน้าห่อเหี่ยวก็กลายเป็นยิ้มออกมาน้อย ๆ
“ดูอย่างจุนโกะดิ ลีลามันเด็ดขนาดไหนถึงได้จับพี่จ้าวนายได้ ผู้ชายทั้งโลกย่อมตกเป็นทาสลีลาบนเตียงของผู้หญิง แกรู้ไว้เหอะ”
“เข้าใจแล้ว ฉันเชื่อแกพิงก์ สมแล้วที่เป็นผู้หญิงมีประสบการณ์เยอะ ฉันเลือกไม่ผิดจริง ๆ ที่มาปรึกษาแก”
ใจจริงก็อยากบอกว่า ‘ฉันไม่มีประสบการณ์อะไรเลยเว้ย’ ก็แค่อายเพื่อนที่ตัวเองไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยกุเรื่องออกไป
“อืม ๆ ต่อไปแฟนแกคงติดใจจนต้องขอแกแต่งงานแน่”
“ใช่ ๆ ฉันจะพยายามมัดใจเขาให้ได้” เจี๊ยบเอ่ยพร้อมกับปาดคราบน้ำตาออกจากพวงแก้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจผิดไปจากเมื่อครู่
พอหมดเรื่องเจ้าตัวก็ขอกลับไปโดยไม่ขอบใจกันสักนิด เอาล่ะ!! เรื่องนั้นฉันไม่ถือ...ขอแค่อย่าร้องไห้มาอีกก็พอ
ตัดมาวันเดินทาง
ตั๋วเครื่องบินถูกจองไว้พร้อมแล้ว ต้องบินไฟลท์เช้า เพื่อให้ถึงญี่ปุ่นก่อนช่วงค่ำ ทว่า...จนถึงตอนนี้งานของฉันก็ยังไม่เสร็จ ต้องรอเช็คสร้อยเพชรก่อนถึงจะวางใจได้ เลยปล่อยพวกเพื่อน ๆ เดินทางไปก่อน ส่วนฉันต้องเลื่อนไฟลท์เป็นช่วงสายแทน
ร้านทองปิดทำการแค่สองวัน ตอนแรกคิดไว้ว่าต้องปิดเป็นอาทิตย์ด้วยซ้ำ เพราะฉันกะไปเที่ยวยาว ๆ แต่ที่ไหนได้ ป๊าทั้งบ่นทั้งบังคับให้ปิดแค่สองวัน ฉันเลยต้องไปญี่ปุ่นแค่วันเดียว แล้วต้องกลับมาเปิดร้านต่อ เพราะช่วงนี้มีเพชรล็อตใหม่กำลังจะเข้ามาด้วย
น่าเสียดาย...พึ่งจะเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แต่ได้ไปแค่วันเดียว เหนื่อยจะตาย นี่ถ้าไม่ใช่งานแต่งจุนโกะนะ ฉันไม่ไปให้เหนื่อยตัวหรอก
ตอนนี้กระเป๋าเดินทางใบเล็กวางอยู่ติดประตูกระจก ข้างในมีแค่ชุดสำหรับใส่เที่ยวแค่สองชุด บวกกับชุดราตรีอีกหนึ่งยัดแน่นอยู่ในกระเป๋า ส่วนฉันก็ยืนชะเง้อมองรถหน้าร้านที่ผ่านไปมาเพื่อรอแมสเซนเจอร์
กริ๊ง! กริ๊ง!
เสียงโทรศัพท์มือถือดัง ฉันหยิบขึ้นมาดู เป็นเบอร์ยัยส้มโอ เลยกดรับ
‘อีพิงก์อยู่ไหน...’ เสียงแหลมเอ่ยก่อนที่ฉันจะพูดอะไรซะอีก
“อยู่ร้าน”
‘อะไรวะ พวกเราอยู่บนเครื่องเตรียมออกแล้วเนี่ย แกยังอยู่ร้านอีก ตกลงจะไปทันไหมวะ ระวังจุนโกะจะฉีกอกแก’
“เออ ๆ ต้องทันแหละ ตอนนี้รอแมสเซนเจอร์อยู่”
‘ถ้าแกไปไม่ทัน ฉันจะให้จุนโกะฆ่าแกแน่’
ตู้ด...ตู้ด ปลายสายวางใส่กันเลย
คนก็อยากไปเร็ว ๆ พร้อมเพื่อนเหมือนกันแหละ แต่ติดที่ต้องยังทำงานอยู่เนี่ย ไม่เข้าใจกันเลย...
สิบห้านาทีผ่านไป
ในที่สุดแมสเซนเจอร์ก็มา...เขายื่นเอกสารเกี่ยวกับเพชรและตัวสร้อยเพชรในกล่องกำมะหยี่ให้ ฉันรีบเช็คของ ไล่เขากลับไป เอาเพชรตัวใหม่มาเก็บใส่ตู้เซฟ แล้วรีบเรียกแท็กซี่นั่งไปสนามบิน
ห้าชั่วโมงผ่านไป
ในที่สุดก็ถึงญี่ปุ่นสักที ช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิอากาศกำลังพอดี พอออกจากสนามบิน ก็รีบเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งโรงแรมที่จุนโกะบอกมา
มาถึงก็รีบแจ้งพนักงานต้อนรับเรื่องที่จุนโกะจ้องห้องไว้ให้ พอได้คีย์การ์ดมา รู้ว่าชั้นไหน ห้องอะไร ก็รีบใส่เกียร์หมาไปห้องนั้นแต่งตัวด้วยชุดราตรีที่เตรียมมา พร้อมกับแต่งหน้าทำผมเอง ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง สาวบ้าน ๆ หน้าโทรม ๆ ก็กลายเป็นราชินีหงส์เดินลงมาห้องจัดเลี้ยง
พอเจอพวกเพื่อน ๆ เท่านั้นแหละ พวกเราก็คุยจ้อกันเสียงดัง ราวผึ้งแตกรัง เพราะไม่ได้เจอจุนโกะมาเป็นปี ๆ เธอเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง โดยเฉพาะดวงตาคู่ใหม่ ทำเอาอึ้งกันไปตาม ๆ กัน
ทว่า...
ตอนนั้นฉันได้เห็นผู้ชายคนหนึ่ง เขาใส่สูทสีกรม ใบหน้าหล่อเหลา ผมเสยขึ้นเป็นระเบียบ ไรผมข้างหน้าปรกลงมานิดหน่อย คิ้วหนาได้รูป ดวงตากลมโตสีนิลเต็มไปด้วยความเย็นชา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาได้รูปไม่มีทีท่าจะยิ้มสักนิด สันกรามคมเด่นชัดขับรูปหน้าให้ดูเข้ม เอาเป็นว่าเขาหล่อ...หล่อมาก ๆ หล่อกว่าผู้ชายทุกคนที่ฉันเจอมา ทำให้ฉันละสายตาจากเขาไม่ได้ ฉันโดนเขาตกแล้วค่ะ
ความหล่อของเขาไม่ใช่มีแค่ฉันที่มองหรอกนะ แม้แต่สาว ๆ ญี่ปุ่นที่ยืนอยู่ในมุมที่เขาเดินผ่าน ก็ยังพากันมองเหลียวหลัง แต่เขาไม่สนใจใครทั้งนั้น เดินหน้านิ่งราวกับเห็นคนอื่นเป็นอากาศ
“นั่นนะ...เป็นพี่ชายของเฮียจ้าวนาย”
ขวับ!!
ฉันหันไปมองจุนโกะ “เขาทั้งโหดทั้งเจ้าชู้ พวกแกอย่าไปยุ่งจะดีกว่า”
นัยน์ตาคู่สวยหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง โหด...เจ้าชู้ สองคำนี้ไม่ได้ทำให้ฉันเลิกสนใจเขาได้เลย แต่เขาไม่ได้มองฉันหรอก...เดินหน้าดุ ๆ ล้วงกระเป๋า กางเกงไปอีกทางเพื่อคุยกับกลุ่มผู้ชายเสื้อสูทสีดำที่พกดาบซามูไร คงเป็นลูกน้องมั้ง เพราะแต่ละคนต่างทำหน้าหงอยในขณะที่เขากำลังพูด
ในตอนนั้นนัยน์ตาสีนิลหันมาสบตากันพอดี ฉันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบเบือนสายตาหนีอัตโนมัติ เดี๋ยวก่อน!! นี่ฉันจะหันหนีทำไมกัน ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย...
แต่พอหันกลับไปมองเขาอีก...เจ้าตัวก็หายไปแล้ว ฉันกวาดสายตาหันซ้ายหันขวาเพื่อหาคนหน้าเข้ม แต่กลับไม่เจอ
“อีพิงก์หาอะไรของแกวะ”
ฉันหันกลับไปหาเจ้าของเสียง เป็นยัยส้มโอที่ยืนเท้าสะเอวทำหน้าไม่พอใจ
“ไม่มีอะไร”
“อย่าบอกนะว่าแกกำลังดูผู้ชาย”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“เข้าข้างในได้แล้ว พวกเราหิวจนจะกินหัวแกได้แล้ว”
“อืม ๆ”
