ตอนที่3 : ลูกสาวคนจีน
เช้าต่อมา
บ้านทาวน์โฮมสองชั้นในโครงการบ้านหรู
“อาพิงก์...ลื้อตื่นได้แล้วต้องไปร้านทองไม่ใช่เหรอ”
“....”
“อาพิงก์!! ถ้ายังไม่ตื่นอีกเดี๋ยวป๊าลื้อก็มาตามเองหรอก”
พอได้ยินคำว่า “ป๊า” ฉันก็รีบลืมตาทันควัน หันไปมองเสียงแหลมที่กำลังเรียก จะเป็นใครล่ะ...ก็ม๊าฉันเอง
จะรู้บ้างไหมเนี่ย! ฉันพึ่งนอนไปสี่ชั่วโมงเอง หลังจากเมื่อคืนเจอศึกใหญ่เกือบเอาชีวิตไม่รอด
“เช้าอยู่เลยม๊าขอนอนอีกหน่อยไม่ได้เหรอ” เสียงงัวเงียตอบ แต่กำลังหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้เริ่มปวดหัวจี๊ดเพราะเมื่อคืนดันดื่มเหล้าหนักไปหน่อย
“ไปอาบน้ำได้แล้ว ป๊าลื้อรออยู่” ม๊าเดินไปเปิดผ้าม่านให้แสงสว่างผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง แล้วรีบเดินออกไปจากห้อง
ยกป๊ามาขู่แบบนั้น ฉันจะทำอะไรได้นอกจาก พยุงร่างโทรมเดินอ้อยอิ่งเข้าไปห้องน้ำ เสร็จแล้วออกมาแต่งตัวด้วยชุดสวย ๆ รัดรูป โชว์ขาอ่อนตามปกติ แต่งหน้าจัด ๆ ทั้งรองพื้น กรีดตา เขียนคิ้ว แต้มริมฝีปาก กินเวลาไปถึงครึ่งชั่วโมง เพื่อเสริมความมั่นใจ
‘ก็แต่งแบบนี้ทุกวันแหละ ใครจะไปทั้งหน้าสด ๆ ล่ะ อายเขาตาย’
สวยถูกใจแล้วก็เดินลงมาข้างล่าง ตรงไปโต๊ะอาหารที่ตอนนี้คนร่างท้วม ผิวขาว สวมใส่เสื้อโปโลลายขวางสีเขียวขาว กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงหัวโต๊ะ นั่นเป็นป๊าฉันเอง พ่อบังเกิดเกล้าแท้ ๆ ที่นิสัยเจ้าระเบียบ จุกจิก ขี้บ่น ขี้งก กินเก่ง วางอำนาจ ตามประสาคนเชื้อสายจีน ที่เห็นยังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ก็เพราะเจ้าตัวเป็นคนหัวโบราณล้าสมัย ไอแพดหรือแท็บเล็ตเครื่องมือไฮเทคใช้ไม่เป็นหรอก
ฉันเดินมานั่งเก้าอี้ด้านขวามือป๊า เป็นตัวประจำที่นั่งทุกวัน มันจะตรงข้ามกับม๊าพอดี
“มาแล้วเหรออาพิงก์ จะกินโจ๊กไหม ไปตักในครัวเอา” ม๊าแหงนหน้าจากชามโจ๊กมาถาม ส่วนคนหัวโต๊ะไม่ได้สนใจฉันหรอก เอาแต่อ่านหนังสือพิมพ์ในมือ
“ไม่ดีกว่าม๊า พิงก์กินกาแฟก็พอ” ฉันลุกไปเคาน์เตอร์ด้านหลัง ชงกาแฟเหมือนทุกวัน และในตอนนั้นเสียงทุ้มต่ำก็เอ่ยขึ้น
“ข่าวสังคมสมัยนี้ไม่ได้เลยจริง ๆ มีแต่พวกผู้หญิงตบแย่งผู้ชายกัน ไม่รู้จะอยากมีผัวไปทำไม ในเมื่อตัวเองก็เอาตัวไม่รอด แรด ๆ แบบนี้ไม่แคล้วก็ต้องท้องไม่มีพ่อ เวรกรรมของเด็กมัน” ป๊าบ่นพร้อมกับพับหนังสือพิมพ์เก็บ เป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันเดินถือแก้วกาแฟกลับไปนั่งที่เดิม
แล้วจู่ ๆ ป๊าก็หันมามองหน้าฉัน
“หวังว่าลื้อคงไม่เป็นแบบนั้นนะอาพิงก์ อย่าทำให้อั๊วต้องเสียชื่อเข้าใจไหม”
“ป๊า...พิงก์จะทำแบบนั้นได้ไง พิงก์ไม่ได้แรดนะ”
‘ก็แค่ชอบอ่อยผู้ชาย’ อันนี้พูดในใจ ป๊ากับม๊าไม่รู้หรอก เพราะเวลาฉันอยู่ต่อหน้าก็ทำเป็นเงียบ ๆ แต่พอลับหลังก็กลายเป็นฟาร์มเลี้ยงแรดไปเลยจ้า
“ก็ดี ยิ่งเป็นผู้หญิงโง่ ๆ ด้วยแล้ว ลื้อน่ะทำงานได้แค่ในร้านขายทองเท่านั้นแหละ”
ฉันกับม๊าถึงกับมองหน้ากัน...
ประโยคดูถูกทำนองนี้ชินแล้วล่ะ ตั้งแต่จำความได้ ป๊าไม่เคยชมฉันสักครั้ง ด่าว่าโง่บ้างล่ะ ตัวปัญหาพาความซวยมาบ้างล่ะ ถึงแม้จะสอบได้ที่1 หรือแข่งขันกีฬาชนะเลิศก็ตาม เขาก็ยังคิดว่าฉันโง่เสมอ
ตอนเด็ก ๆ ก็เสียใจนะ แต่พอโตขึ้นถึงคิดได้ว่า นิสัยป๊าก็เป็นแบบนี้ ที่ดุที่ด่าไม่ใช่ว่าหวังดี แต่เพราะเขาไม่ชอบลูกสาว มีอคติคิดว่าเพศหญิงเป็นแค่ขี้ข้า เป็นเพศอ่อนแอที่ต้องเกาะผู้ชาย มีหน้าที่แค่ผลิตทายาทไว้สืบสกุล และภาพม๊าต้องทำงานหนักทั้งในบ้านและนอกบ้านเหนื่อยสายตัวแทบขาด มันตอกย้ำเสมอมาว่า สิ่งที่ฉันเข้าใจไม่ใช่เรื่องโกหก ความจงเกลียดจงชังไม่ได้มีแต่ในละคร...แต่ฉันกำลังเผชิญในชีวิตจริง
ตอนนี้ฐานะทางบ้านของพวกเราดีขึ้นมาก แต่ป๊าก็ไม่ยอมจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาด แต่กลับใช้ม๊าให้ทำทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเพราะไม่ไว้ใจคนอื่นหรือขี้งกกันแน่ แต่ก็คงเป็นอย่างหลังแหละ เพราะม๊าทำงานตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ พูดง่าย ๆ ว่าเป็นคนใช้ในบ้านดี ๆ นี่เอง
“ได้ยินไหมอาพิงก์ อย่าทำตัวเป็นผู้หญิงเหลวแหลก”
“ได้ยินซิป๊า พิงก์ไม่ทำตัวแบบนั้นหรอก”
เพราะอย่างงี้แหละ...ฉันที่สวย ขาว หมวย เซ็กซี่ สูง167 เซนติเมตร หน้าอก36นิ้ว หุ่นสมส่วน มีส่วนโค้งเว้าเด่นชัด รวม ๆ แล้วน่าเจี๊ยะสุด ๆ แต่กลับไม่มีแฟนสักที
“แล้วบลูล่ะม๊า สายขนาดนี้แล้วไม่ไปเรียนหรือไง”
“วันนี้ไปแต่เช้าแล้ว เพราะบอกว่ามีกิจกรรมกีฬาสี”
“อ๋อ”
บลู คือน้องชายแท้ ๆ ของฉัน ตอนนี้ยังเรียนอยู่ม.ต้นอยู่เลย เป็นลูกหลงที่ม๊าดันท้องก่อนมดลูกฝ่อ อายุพวกเราถึงได้ห่างกันเยอะ
“ลื้อรีบกินกาแฟ แล้วรีบไปทำงานได้แล้ว วันนี้คุณนายเฟรสจะเข้าไปดูทองไม่ใช่หรือไง”
“จริงด้วย!! งั้นพิงก์ไปก่อนนะ”
ว่าแล้วก็รีบวิ่งจู๊ดออกจากบ้าน ตรงมายังรถเก๋งอัลติสรุ่นเก่าสีเทา เป็นรถตกทอดมาจากป๊า รายนั้นอย่างที่รู้ขี้งกจะตาย ไม่ซื้อรถใหม่ให้หรอก ยอมยกรถคันเดียวในบ้านให้ฉันขับไปที่ร้าน เพราะบอกว่าค่าแท็กซี่มันแพง
‘ก็ยังดีที่มีรถ ถึงจะสภาพเก่าไปสักหน่อย ก็ยังดีกว่าเดินจริงไหม’
พอเรียนจบ ฉันก็ต้องมาทำงานที่ร้านทองต่อ ดูแลส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นขายทองให้ลูกค้าหน้าร้าน เช็คสต๊อกสินค้า ดีลงานกับช่างทองเพื่อแกะลาย หาเพชรน้ำงามจากผู้ค้ารายใหญ่ ออกแบบเครื่องประทับเพชรเอง เอาเป็นว่า...ทั้งร้านฉันต้องทำทุกอย่าง ไว้ใจใครไม่ได้ เพราะมูลค่าไม่ใช่แค่หลักร้อยหลักพัน
มาถึงร้านทอง
สองสาวพนักงานประจำยืนรออยู่หน้าร้านแล้ว คนหนึ่งหน้าตาสวยคม คิ้วหนา ผิวขาว ผมดำขลับ ชื่อนุ่น ส่วนอีกคนผิวสองสี ผมสีน้ำตาลอ่อน เธอชื่อออม สองคนนี้คือพนักงานที่อยู่มานาน และเป็นคนที่ป๊าสอนงานให้ พวกเธอเลยค่อนข้างจะสนิทกับฉัน เหมือนเป็นเพื่อนก็ว่าได้
“สวัสดีค่ะเจ๊” พวกเธอยกมือไหว้ จริง ๆ อายุมากกว่าฉันนะ แต่ที่ทำความเคารพเพราะเห็นฉันเป็นเจ้านาย
“รู้ใช่ไหมว่าคุณนายเฟรสจะเข้ามาวันนี้” ฉันถามพวกเธอในขณะที่ตัวเองกำลังไขกุญแจประตูม้วน
“รู้ค่ะเจ๊”
“งั้นรีบทำความสะอาดในร้านและหน้าร้านด่วน ๆ เลยเพราะคุณนายเฟรสคงมาแต่เช้า”
“ค่ะเจ๊”
ฉันดันประตูม้วนให้พับขึ้นไปด้านบน แล้วไขประตูกระจกออก ให้สองคนนั้นเดินเข้าไปก่อน ส่วนตัวเองเข้าหลังสุด แล้วหันกลับมาล็อคประตูกระจก ปิดร้านให้มิดชิด เพราะฉันต้องเดินไปหยิบสร้อยทองต่าง ๆ จากตู้นิรภัยชั้นบน ส่วนสองสาวก็เริ่มทำความสะอาดกระจกตู้โชว์ไป
10.00 น.
รถคันหรูสีแดงขับมาจอดหน้าร้าน ทำให้พวกเราทั้งสามคนต่างหันไปมอง ประตูเบาะหลังเปิดออกกว้าง ร่างบางในชุดเดรสสีแดงย่างก้าวลงมา ถึงจะเป็นผู้หญิงวัยกลางคนแล้ว แต่ความสวยไม่ได้ลดไปตามอายุเลย เธอคือคุณนายเฟรส คนที่นัดฉันว่าจะเข้ามาดูทอง
ยังไม่ทันก้าวออกไปต้อนรับ บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำสองคนก็วิ่งไปหาเธอ คนหนึ่งกางร่มให้ ส่วนอีกคนเดินนำมาเปิดประตูกระจก ฉันจ้ำอ้าวไปยืนต้อนรับหน้าประตู
“สวัสดีค่ะคุณนายเฟรส” มือเรียวสวยยกไหว้อย่างมีมารยาท พร้อมกับย่อเข่าเล็กน้อย ตามแบบฉบับหญิงไทย คนมาใหม่หันมาคลี่ยิ้มส่งให้ ก่อนจะเดินนำไปนั่งเก้าอี้ตัวกลมหน้าเคาน์เตอร์อย่างเคยชิน
“วันนี้ฉันจะมาซื้อทองแท่งสักหน่อย” เธอตอบ แต่สายตากำลังดูแผงแหวนทองในตู้โชว์
“รับแค่ทองแท่งเหรอคะ ไม่สนใจแหวนไปสักวงสองวงเหรอ พึ่งมีมาใหม่ด้วยนะคะคุณนาย” ฉันเอ่ยเสียงไพเราะ พลางจ้ำอ้าวกลับไปยืนหลังเคาน์เตอร์ เปิดตู้กระจกหยิบแผงแหวนที่เธอกำลังดูอยู่ออกมา
“แหวนเหรอ? ก็ดีนะ แต่คงไม่เหมาะกับลูกสะใภ้ของฉัน”
“เอ๊ะ! ไม่ยักรู้ว่าคุณนายมีลูกสะใภ้แล้ว”
“ว่าที่ลูกสะใภ้น่ะ ลูกชายฉันกำลังจะแต่งงาน”
“ว้าว...น่าอิจฉาจังเลยค่ะ ลูกสะใภ้คงสวยเหมือนคุณนายแน่ ๆ ดีไม่ดีวันงานแขกอาจจะคิดว่าเจ้าสาวกับคุณนายเป็นพี่น้องกันก็ได้”
“แหม...ปากหวานนะเรา ฉันอายุเยอะแล้วใครจะมาคิดแบบนั้นกัน”
“อายุเยอะอะไรกันคะ คุณนายเฟรสออกจะสวย พิงก์ยังคิดว่าอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ อยู่เลย”
“อุ้ยตาย!! ก็คงมีแต่หนูแหละที่ตาถึง”
“น่าอิจฉาคุณไนท์นะคะที่ได้คุณนายเป็นศรีภรรยา คงจะทั้งรักทั้งหลงเอามาก ๆ คุณนายเฟรสมีกลยุทธ์มัดใจผู้ชายยังไงบ้างคะ พิงก์เองก็อยากมีคนรักจริงแบบนั้นบ้าง”
“ก็แค่ต้องทำตัวให้แปลกใหม่เสมอ เพราะพวกเสือ ๆ ไม่ชอบอะไรจำเจหรอก” เธอส่งซิกกระพริบตาข้างหนึ่งให้ เป็นอันรู้กันว่าเรื่องแปลกใหม่ที่ว่านั่นหมายถึงเรื่องบนเตียง
“คุณนายก็!! ฮิฮิ”
ฉันกับเธอมักพูดเล่นกันแบบนี้เป็นประจำ คนอื่นอาจคิดว่าเธอดูหยิ่ง ๆ แต่สำหรับฉันแล้วเธอดูใจดีออก
“วันนี้คุณนายยังพอมีเวลาใช่ไหมคะ ถ้าไงไปดูลายทองใหม่ ๆ ข้างบนดีกว่า พิงก์มีหลายลายอยากโชว์ให้คุณนายดูค่ะ”
“แน่ใจว่าจะให้ดูลายทองอย่างเดียว” สายตาคู่สวยกำลังหรี่มองด้วยสายตาจริงจัง
“คุณนายเฟรสรู้ทันอีกแล้ว”
“ฉันชอบเธอก็เพราะนิสัยเหมือนกันนี่แหละ”
“งั้นไปกันเลยนะคะ”
ฉันเดินนำขึ้นมาชั้น2 โซนนี้สำหรับแขกvipจริง ๆ เพราะเป็นแหล่งรวมทองเนื้อดี99.99% ราคาค่อนข้างแพงกว่า เหมาะสำหรับคนที่มาซื้อเพื่อเก็งกำไร ผิดกับชั้นล่างที่เป็นทองคำแค่ 96.5% ราคาเลยเหมือนกับตลาดทั่วไป แถมชั้นนี้น่ะยังมีเครื่องเพชรอีกหลายชิ้น ที่ฉันวางโชว์ไว้เพื่อดึงดูดความสนใจให้ลูกค้าเกิดความอยากได้
และเป็นอย่างที่คิดเพราะตอนนี้คุณนายเฟรสเอาแต่จ้องตู้กระจกโชว์สร้อยเพชรน้ำงามอยู่
“จะพาฉันมาดูเพชรด้วยสินะ”
“คุณนายรู้ทันอีกแล้ว วันนี้มีเพชรน้ำงามเข้ามาด้วยค่ะ สวยจริง ๆ นะคะพิงก์อยากให้คุณนายได้เห็นก่อนใคร”
“ก็ได้ เอามาให้ฉันดูหน่อย”
ฉันยิ้มหน้าบานก่อนจะหันตัวเดินไปยังตู้เซฟเก็บเพชร หยิบกล่องสี่เหลี่ยมสีแดงกำมะหยี่มาให้คุณนายเฟรสดู ด้านในเป็นสร้อยเพชรยาว18นิ้ว มีจี้เป็นตัวนกยูงที่ลำตัวฝั่งเพชรเม็ดใหญ่หนักถึง13กะรัต พอเธอเห็นก็ถึงกับตาเบิกโพลง
“เป็นไงบ้างคะ สร้อยนกยูงสวยถูกใจหรือเปล่า” ฉันถามไปงั้นแหละ แค่เห็นแววตาลุกวาวก็รู้แล้วว่าเธออยากได้มัน
“เป็นรูปนกยูงสวยจริง ๆ เหมาะกับลูกสะใภ้ฉันที่สุด”
“แบบนี้คุณนายต้องซื้อไปเป็นของขวัญให้เธอนะคะ รับรองเธอต้องดีใจแน่ ๆ เชื่อพิงก์”
“เพชรน้ำงามขนาดนี้จะไม่เอาได้ไงกัน ราคาอยู่ที่เท่าไหร่จ๊ะ”
“แค่ล้านสามเองค่ะ ถูกมากเมื่อเทียบกับความแวววาวและความใสของเพชร”
“ตกลงฉันเอาเส้นนี้ด้วย และก็ทองแท่งอีก10บาท”
“ได้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ พิงก์จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”
“ได้ ๆ”
วันนี้ช่างโชคดีจริง ๆ ขายทั้งทองขายทั้งเพชรได้ตั้งแต่เช้า สงสัยเพราะเมื่อคืนผลบุญที่ฉันช่วยอีส้มโอไว้ วันนี้เลยขายได้เงินเยอะขนาดนี้
คุณนายจ่ายด้วยเช็ค ฉันส่งของให้ การซื้อขายเป็นอันเสร็จสิ้นเรียบร้อย ฉันเลยเดินไปส่งเธอหน้าร้าน
“ขอบพระคุณมากนะคะที่คุณนายเฟรสอุดหนุนร้านพิงก์” สองมือเรียวยกพนมไหว้อย่างงดงาม
“แล้วฉันจะมาใหม่นะ”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ”
แล้วรถคันหรูก็ขับออกไป ฉันยืนส่งกลางแดดจนรถลับสายตา กำลังจะหันตัวเดินกลับเข้าร้าน ก็มีเสียงไม่เสนาะหูดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท
“แหม...มีพวกไฮโซมาซื้อทองเข้าหน่อย ยิ้มจนปากจะฉีกเลยนะยะ”
ฉันหันไปมองเจ้าของเสียง
