บทที่ 9
เช้าวันใหม่ที่แสนสดใส ในเวลาแปดโมง นทีตื่นขึ้นมาบนเตียงอย่างสบายใจ เขาหันไปที่โทรศัพท์ทันใดนั้นเอง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“ไม่นะ .. ของขวัญของฉัน” ใช่แล้วของขวัญของเขาปลิวไปกับสายลมแล้ว เพราะผู้คนในกลุ่มส่งของขวัญกันตั้งแต่เวลาตีห้า แต่เขากลับไม่ได้ยินเสียงเลย มันช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเสียจริงๆ
“ทำใจแปปหนึ่ง” นทีพูดกับตัวเอง พร้อมกับลุกไปล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำ และในวันนี้ในแผนเดิมของเขาตั้งใจที่จะไปชื้อรถยนต์สักคันหนึ่ง และหาที่อยู่ใหม่ ช้อปปิ้งชื้อข้าวชื้อของ เสื้อผ้า น้ำหอม ของใช้ครบเซ็ทแบบใหม่
นทีใช้เวลาแต่งตัวไม่นานก็ 9 โมงเช้า เขาเดินทางโดยการเดินเท้า และขึ้นรถเมล์อีกเช่นเคย เขานั่งนึกถึงจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองที่ป้ายรถเมล์อยู่พักใหญ่ เขาคิดว่าเขาไม่ต้องทำอะไรก็สามารถอยู่ได้อย่างไม่ขัดสนเรื่องเงินไปอีกทั้งชาติ
เขาคิดมาตลอดทั้งคืน ถ้าเขาฝากเงินที่ได้มาเพียง 50 ล้านบาทในรูปแบบของการฝากประจำ เขาจะได้รับผลตอบแทนที่ 3 เปอร์เซ็นต่อปี ตีเป็นเงินจำนวน 1.5 ล้านบาทต่อปี หักภาษีอีก 7 เปอร์เซ็นจะเหลือที่ 1.395 ล้านบาท ถ้าตีเป็นเดือน มีเงินใช้ถึงเดือนละ 1 แสนเศษๆ
ซึ่งมันก็เพียงพอต่อการใช้ชีวิตของเขาแล้ว ที่เหลือก็แค่อยู่เฉยๆ ทำอะไรก็ได้ในสิ่งที่อยากจะทำ เรียนก็เรียนให้มันจบไป จบเอกเลยดีไหมนั้นคือสิ่งที่เขากำลังคิด แล้วเขาก็ขึ้นรถเมล์ไป
“ไปดูรถบ้านๆสักคันดีกว่า” เขาเลือกที่จะไปดูรถที่ศูนย์โตเยต้า รถยี่ห้อบ้านๆที่ครองตลาดไทยมานับสิบๆปี ใช้เวลาอีกไม่นาน ในตอนนี้รถเมล์ก็ได้มาจอดที่ศูนย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พนักงานขายหลายคนเห็นนทีเดินลงมาจากรถเมล์จึงไม่ค่อยสนใจอะไรมากนั้น พวกเขาให้นทีเดินดูรถเอง โดยที่ไม่มีคำแนะนำอะไรเลยแม้แต่คำเดียว จนในที่สุดนทีก็สนใจรถคันหนึ่งที่ออกมาใหม่ล่าสุด โตเยต้า ยาลีฟ จึงจะหันไปถามพนักงาน
“สวัสดีครับ .. คือผมสนใจรถคันนี้มีใครพอแนะนำได้บ้างไหมครับ” เขาหันไปถามกับกลุ่มพนักงานขายที่จับกลุ่มอยู่ด้วยกัน นั่งเมาส์มอยกันอยู่ แต่กลับไม่มีใครสนใจเขาเลย นอกจากผู้หญิงคนหนึ่ง
“ค่า มาแล้วค่ะ รอสักครู่นะคะคุณลูกค้า” ผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนออกมา พร้อมกับวิ่งไปหยิบแฟ้มเอกสาร เหตุที่เธอต้องหยิบเป็นเพราะว่าเธอทำงานวันนี้เป็นวันแรก ข้อมูลต่างๆยังแน่นพอที่จะแนะนำจากปากเปล่าได้
“แกๆ ดูยัยแอ้มสิ ไม่หัดสังเกตลูกค้าเลย เอาแต่วิ่งไปแนะนำคนนู้นทีคนนี้ที คนที่ลงจากรถเมล์อย่างคนนั้นจะไปมีปัญญาชื้อได้สักครึ่งคันไม่เหอะ” พนักงานสาวที่นั่งเมาส์เอยปากออกมา
“ใช่ๆยัยส้มพูดถูก เสียเวลาป่าวๆ พวกเรานั่งดูอยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวยัยแอ้มมันก็คงเหนื่อยเอง แล้วเราค่อยสอนมันเอา มันจะได้จำไว้เป็นบทเรียนซะบ้าง” พนักงานเพศที่สามอีกคนกล่าว
เมื่อนทีได้ยินดังนั้นจากเดิมจะชื้อเพียง รุ่นยาลีฟ ในราคา 599,990 บาท เขาตัดสินใจที่เปลี่ยนเป็นรุ่นแคมลี่ ตัวท๊อปที่แพงที่สุดในทันที
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า แอ้มยินดีให้บริการค่ะ” พนักงานแอ้มเอยกล่าว
“สวัสดีครับ ช่วยแนะนำ รุ่นแคมลี่ที่ดีที่สุดให้กับผมหน่อยได้ไหม” เขาเอ่ยท่ามกลางเสียงหัวเราะของพนักงานขายในกลุ่มนั้น
“ได้ค่ะคุณลูกค้า รุ่นนี้เรามีทั้งหมดให้เลือก 3 สี ....สมรรถนะ.....9ล9 ลูกค้าสงสัย หรือ อยากได้ข้อมูลส่วนไหนเพิ่มเติมบอกแอ้มได้ค่ะ” แอ้มเธอพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เธอคิดเพียงว่าถึงจะไม่ได้ลูกค้าก็ตามที แต่เธอกลับคิดซะว่ามันเป็นการฝึกพูดในการขาย ต่อไปก็จะพูดแบบไม่ติดขัดเหมือนอย่างที่เป็นในตอนนี้
“วันนี้มีสีไหนที่สามารถออกรถได้เลยบ้างครับ” นทีถามต่อ
“ขออนุญาตเช็คข้อมูลสักครู่นะคะคุณลูกค้า ...... ตอนนี้มีสีดำเพียงคันเดียวค่ะคุณลูกค้า หลังจากชำระค่าใช้จ่าย และทำเอกสารเสร็จ ลูกค้าสามารถไปดูการทดสอบรถก่อนออกศูนย์ได้เลยค่ะ”
“โอเค งั้นไปเอาสัญญามาเลยนะครับ ผมขอคุยโทรศัพท์สักครู่หนึ่ง”
“.อะไรนะคะ....เออ..ได้ค่ะคุณลูกค้า โปรดรอสักครู่ เชิญนั่งที่เก้าอี้รับรองตรงนั้นก่อนค่ะ” เธอชี้ไปที่โต๊ะรับรองข้างๆกับโต๊ะที่พนักงานเมาส์มอยนั่งอยู่
เขาเดินมานั่ง พร้อมกับเสียงเมาส์ต่อว่า “คงมานั่งตากแอร์เฉยๆแหละ หรือไม่ก็คงมาสมัครเป็นรปภ.ล่ะมั้ง ฮ่าๆ” นทีที่ได้ยินก็เริ่มทนไม่ไหว เขาจึงหยิบมือถือของเขาขึ้นมาแล้วกดไปหาเบอร์โทรหนึ่งในนามบัตร ในระหว่างรอสายก็มีเสียงดังมาอีกว่า “ดูมือถือนั้นสิ คงแค่ 4 พันกว่าบาทฉันว่าคงจะจริงอย่างแกว่า ฮ่าๆ”
นทีทำเป็นไม่สนใจ แต่สิ่งที่เขาทำคือ การเปิดลำโพงเพื่อพูดคุย เมื่อปลายรับสายก็เอ่ยขึ้นมาทันทีว่า
“สวัสดีค่ะคุณท่าน ไม่ทราบว่ามีอะไรให้วาสนารับใช้คะ”
ต้องย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ 15 ชั่วโมงก่อน หลังจากวาสนาได้รับการฝากเงินของนทีแล้วเสร็จไปครึ่งชั่วโมง โทรศัพท์สายหนึ่งโทรมากล่าว ขอบคุณเธอ และให้โบนัสล่วงหน้ากับเธอนับ ล้านบาท เหตุเกิดจากความชอบที่ทำให้ธนาคารมีเงินหมุนเวียนนับ 2 หมื่นล้านบาท
ในตอนแรกเธอก็งงๆอยู่ ในวันนี้เธอทำยอดฝากได้มากขนาดนั้นซะที่ไหน จนปลายสายอธิบายให้เธอฟัง จนเธอเข้าใจ และตกใจในเวลาเดียวกัน นี่ฉันโชคดีอะไรขนาดนี้
สุดท้ายปลายสายได้แนะนำตัวเองว่า เขาคือวิวัฒน์ วัฒนาวงค์ กรรมการบริหารสูงสุดของธนาคารแห่งนี้ และเขาก็ย้ำกับเธอว่าต้องดูแลนทีให้เป็นอย่างดี อย่าให้มีข้อผิดพลาด ในตอนนั้นเองความรู้สึกดีใจก็ผันเปลี่ยนมาเป็นสิ่งที่เรียกว่า กดดัน
ถ้าเธอทำอะไรผิดไปล่ะ ถ้าเธอพูดจาไม่เข้าหูเขาล่ะ หรืออะไรต่างๆอีกมากมาย ทำให้เธอต้องทำการบ้านอย่างหนักที่จะศึกษาในตัวของนที เบอร์โทรที่ใช้ในการสมัครใช้เบอร์อะไร ข้อมูลเรื่องหุ้น การแนะนำอสังหาริมทรัพย์อะไรอีกมากมาย
จนมาถึงปัจจุบัน ในขณะที่เธอทำงานของเธออยู่ปกติ เสียงมือถือเธอก็ดังขึ้น ใช่แล้วมันคือเบอร์ของนทีนั้นเอง มือของเธอเริ่มที่จะสั่นอีกครั้ง ความคิดมากมายพานปรากฏ หัวใจที่เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนที่เธอตัดสินใจกดรับพร้อมกับกล่าวออกมา
“สวัสดีค่ะคุณท่าน ไม่ทราบว่ามีอะไรให้วาสนารับใช้คะ”