ตอนที่ 5
“พ้อยท์จะสักวันนี้นะพี่แบล็ค ไม่ใช่ชาติหน้า ยังไงพี่เลิกตีกับข้าวหอมสักทีเถอะ ถือว่าน้องคนนี้ขอร้องล่ะ” ถ้ากราบได้ฉันก็คงกราบไปแล้ว และหลังจากที่พูดออกไปแบบนั้นทั้งข้าวหอมและพี่แบล็คก็ต่างสงบเสงี่ยมลง ทว่าสายตาของทั้งสองก็ยังคงมองสบกันอย่างเข่นเขี้ยว
“ไปนอนบนเตียงสักไป” พี่แบล็คส่งสายตาพยักพเยิดไปที่เตียงสักที่ตั้งอยู่ชิดมุมห้อง ฉันเดินขึ้นไปนอนตามที่พี่แบล็คบอก ส่วนข้าวหอมก็เดินไปนั่งรอที่โซฟาพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมากดเล่น เธอนั่งขาไขว่ห้างจึงทำให้กระโปรงนักศึกษาเลิกขึ้นจนเห็นต้นขาขาวเนียน พอหันไปมองพี่แบล็ค
คือพี่แม่งก็กำลังมองข้าวหอมอยู่ด้วยไง พี่แกทะเลาะกับข้าวหอมไปงั้นแหละ ใจจริงก็แอบชอบเขาอยู่ลึกๆ มั้ยล่ะ
โถ่...พวกปากไม่ตรงกับใจ
“อะแฮ่ม!” ฉันแกล้งกระแอมไอออกมา เมื่อเห็นว่าพี่แบล็คมองต้นขาข้าวหอมไม่วางตา ทั้งสองหันมามองที่ฉัน ข้าวหอมน่ะมองด้วยสีหน้าปกติ ส่วนพี่แบล็คนี่หน้าตาตื่นมาแต่ไกล ไม่มีพิรุธเลยจริงๆ
“จะสักรูปอะไรล่ะ” พี่แบล็คทำทีเป็นเปลี่ยนเรื่องและเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับหยิบจับเครื่องมือของตัวเองไปด้วย
“สักรูปไม้กางเขนตรงหน้าท้อง” ใบหน้าหล่อคมคายเงยหน้าขึ้นมองทันทีที่ได้ยิน
“ทำไมสักรูปนี้อ่ะ” พี่แบล็คย้อนถามอย่างสงสัย
“เอาไว้กันพวกผีทะเล” เหตุผลจริงๆ ก็เพราะว่าฉันชอบ เข้าใจความชอบส่วนบุคคลหรือเปล่า อยากได้แบบไหนก็จะทำแบบนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่ลึกลับซับซ้อน
“กันพี่ด้วยปะวะเนี่ย” พี่แบล็คพูดอย่างขำๆ จะว่าไป พี่เขาก็เป็นบุคคลจำพวกนี้เหมือนกัน หน้าม่อแบบไม่มีที่ติ แต่ผีทะเลที่ฉันอยากจะกันนั่นหมายถึงบอมส์ต่างหาก
“เปล่า พ้อยท์ไม่ได้หมายถึงพี่” ฉันพูดแก้ แม้จะเข้าใจดีว่าพี่แบล็คแค่พูดเล่นขำๆ เท่านั้น
“ถอดเสื้อออกเลย” พี่แบล็คพูดบอก หลังจากที่จัดเตรียมอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว
“แค่เลิกเสื้อขึ้นก็พอมั้ง สักทีนี่กะเอาคุ้มเลยหรือไง” นี่คือเสียงของข้าวหอมที่พูดขัดขึ้นมา เธอเหน็บพี่แบล็คในท้ายประโยค ร่างสูงเองก็หันไปมองเธอด้วยแววตานิ่งๆ เช่นกัน
“เอาแบบที่ข้าวหอมพูดนั่นแหละพี่แบล็ค พ้อยท์ไม่ได้ใส่เสื้อทับมาด้วย” ฉันพูดอย่างเห็นด้วย พร้อมกับอธิบายให้พี่แบล็คเข้าใจ เกรงว่าถ้าไม่อธิบายอะไรเลยพี่แบล็คจะปะทะฝีปากกับข้าวหอมอีกได้
“เค” เมื่อได้ยินเสียงตอบรับตกลง ฉันจึงเลิกเสื้อนักศึกษาขึ้นเพื่อให้เห็นหน้าท้องแบนราบ ตำแหน่งที่ฉันจะสักก็อยู่เหนือสะดื้อนิดหน่อย จุดสิ้นสุดของด้านบนไม้กางเขนก็คงอยู่ชิดกับขอบบราเซียร์ฉันพอดี ฉันไม่ได้สักให้เป็นแค่รูปเล็กๆ แต่กะเอาให้บอมส์เห็นชัดๆ ต่างหาก ถ้าถามว่าทำไมไม่สักตรงแขนหรือตำแหน่งที่อยู่นอกร่มผ้าล่ะก็ ฉันขอตอบได้เลยว่าเดี๋ยวมันไม่เซอร์ไพรส์
-หลายชั่วโมงผ่านไป-
“เรียบร้อย” เสียงพูดของพี่แบล็คมันเหมือนกับเสียงสวรรค์ ฉันลุกลงจากเตียงสักและเดินไปส่องกระจก ภาพที่เห็นมันเป็นอะไรที่พอใจสำหรับฉันมาก ไม่เสียแรงที่ทนเจ็บเพื่อให้ได้มันมา
“งานดี” ฉันพูดชมพี่แบล็ค ขณะที่สายตาก็ยังคงจดจ้องไปที่ภาพสะท้อนในกระจกบานใหญ่
“รู้วิธีดูแลหลังสักหรือเปล่า พี่จะได้บอกไว้ แผลจะได้หายเร็วๆ ลายจะได้ออกมาสวยด้วย”
“รู้ค่ะ แล้วค่าสักเท่าไหร่คะ” ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจมาสักฉันได้คิดและหาข้อมูลดีแล้ว ความรู้เต็มหัว อีกหน่อยคงเป็นลูกมือมาช่วยที่ร้านของพี่แบล็คได้
เวลาเจอหน้าคนที่ไม่ชอบเดินเข้ามาสัก ก็เจาะให้เลือดสาดเลยเป็นไง
“คนกันเองสักฟรีไปเล๊ย” เจ้าของประโยคนี้ไม่ใช่พี่แบล็ค แต่เป็นข้าวหอมต่างหากที่พูด
“พี่ไม่เอาเงิน แต่ขอเป็นเบอร์ข้าวหอมได้มั้ย”
“พ้อยท์อย่าให้นะ!” ข้าวหอมตะโกนห้ามพร้อมกับลุกพรวดพราดเข้ามา แต่ฉันก็ไม่สนใจ
“อ่ะ จัดไป” ฉันพูดพร้อมกับยื่นมือถือตัวเองให้พี่แบล็คเลื่อนหาเบอร์ของข้าวหอม รอยยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฏขึ้นที่มุมปากหนา ถือว่าข้าวหอมลุกขึ้นมาช้าไป เพราะทันทีที่ฉันยื่นมือถือไป พี่แบล็คก็กดถ่ายรูปไว้โดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์เบอร์ เรื่องชั่วๆ นี่พี่เขาฉลาดนัก
ฉันไม่ได้ด่านะ เขาเรียกว่าชมแบบอ้อมๆ
“ฉันไม่น่ามากับเธอเลยจริงๆ” ข้าวหอมบ่นอุบ หางตาก็มองค้อนพี่แบล็คอย่างเคืองๆ
ฉันเชื่อว่าข้าวหอมไม่โกธรฉันหรอก (มั้งนะ)
Tru... Tru...Tru...
“อ่ะ แฟนโทรมาตามแล้ว” พี่แบล็คถือวิสาสะอ่านชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ และยื่นมือถือคืนให้ฉัน
“มีไร” ฉันกดรับสาย พร้อมกับกรอกเสียงลงไปนิ่งๆ
(“มาหาที่คอนโดหน่อยสิ”) น้ำเสียงอ้อนๆ ของเขาตอนนี้บ่งบอกได้เลยว่า เขาคงจะขอให้ฉันช่วยงานอะไรสักอย่างแน่ๆ เพราะมันไม่มีครั้งไหนหรอกที่เขาจะโทรมาพูดด้วยน้ำเสียงดีๆ แบบนี้ และเขาก็จะไม่เป็นฝ่ายโทรหาฉันเองด้วยซ้ำ ถ้าไม่เห็นว่าฉันมีประโยชน์กับเขาน่ะนะ
