ตอนที่ 2
“ปล่อยไปเถอะ” ผมบอกเธอกลับไป ดารินเอนศีรษะมาพิงเอาไว้ที่ไหล่ของผม พร้อมกับจับมือของผมเอาไว้แน่น
“ถ้าเหนื่อยที่จะง้อก็เลิกกับพ้อยท์แล้วมาคบกับรินก็ได้นะ” ดารินช้อนตาขึ้นมองผม เธอมักจะพูดแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ผมก็คิดว่าระหว่างเราอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว
“แล้วตอนนี้เราไม่ได้คบกันอยู่หรือไง” ถึงแม้ว่าผมกับเธอจะไม่ได้คบกันแบบเปิดเผย แต่ใครมองมาก็รู้อยู่ดีว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน
ผมคิดว่าความสำคัญมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นตัวจริงหรือว่าเป็นกิ๊ก มันอยู่ที่ว่าใครให้ความสุขกับผมได้มากแค่ไหน ถึงแม้ว่าพ้อยท์จะเป็นตัวจริง แต่เธอก็ไม่เคยสนองในสิ่งที่ผมต้องการได้สักอย่าง เพราะแบบนี้ผมถึงไม่สนใจอะไรเธอมากนัก ผมคบกับเธอแค่เล่นๆ คบเพื่อหวังจะใช้ทำงานให้แค่นั้นแหละ
ผมอาจจะดูเลว แต่เชื่อเถอะผู้ชายร้อยทั้งร้อยต่างก็เป็นแบบผมเกือบหมด
สำหรับผม คบเพื่อหวังผลประโยชน์เท่านั้น…
“แต่รินอยากจะเป็นตัวจริงของบอมส์หนิ บอมส์ขออะไรรินยอมให้ได้ทุกอย่างเลยนะ บอมส์จะมีผู้หญิงอีกสักกี่คนรินก็จะไม่ว่าด้วย” ผมรู้ว่าเธอกำลังพูดต่อรองกับผมอยู่ ถ้าถามว่าผมจริงจังกับเธอมั้ย ผมตอบได้เลยว่าไม่ ก็อย่างที่บอกผมคบก็เพื่อหวังผลประโยชน์เท่านั้น ถ้าจะหาความจริงจังหรือความรักจากผมไม่ว่าใครก็ไม่มีทางได้มันไปทั้งนั้น
“เชื่อเราเถอะ แบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว อย่าต่อรองอะไรมากเลย เพราะเดี๋ยวจะไม่ได้สักอย่าง” ผมพูดตัดความหวังของเธอ เพราะผมเองก็ไม่ชอบให้ใครมาเซ้าซี้มากนัก อะไรที่ผมบอกว่าไม่ ก็คือไม่
“ก็ได้ งั้นคืนนี้บอมส์ไปหารินที่ห้องด้วยนะ” ดารินตอบรับ พร้อมกับเอ่ยปากชวนผมออกมาเหมือนอย่างทุกที
“อืม” ผมตอบรับสั้นๆ นี่มันคือสิ่งที่ผมต้องการจะให้ผมพลาดได้ยังไง
.:END BOM PART:.
.:POI PART:.
ฉันเดินไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในมุมหนึ่งของห้องสมุดมหาลัยฯ ก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะแล้วร้องไห้ออกมา ตรงจุดที่ฉันนั่งอยู่มันค่อนข้างที่จะลับตาคน และไม่ค่อยมีใครเดินมาบ่อยนัก มันจึงเป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดหากฉันอยากร้องไห้เพื่อระบายความเจ็บปวดของตัวเองออกมา
พรึบ!
ฉันร้องไห้ไปได้สักพัก ก็มีมือหนาของใครบางคนแตะลงมาที่ไหล่จนทำให้ฉันสะดุ้ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองทันที
“เป็นอะไรพ้อยท์” พี่ฝุ่นเพื่อนสนิทของพี่ชายฉัน เอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ฉันจึงรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาของตัวเองออกทันที
“เอ่อ…พ้อยท์เครียดเรื่องงานน่ะค่ะ ไม่มีอะไร” ฉันพูดโกหกพี่ฝุ่นออกไป เพราะกลัวว่าเขาจะเอาไปเล่าให้พี่ชายของฉันฟัง แล้วบอมส์จะโดนพี่ชายของฉันหาเรื่องเอาได้
“ทะเลาะกับบอมส์ใช่มั้ย” พี่ฝุ่นเอ่ยถามอย่างรู้ทัน ฉันนั่งเงียบไปสักพักอย่างไม่รู้จะแก้ตัวยังไง
“ถ้ามันทำให้พ้อยท์เจ็บมากนัก พี่ว่าพ้อยท์ถอยออกมาดีกว่านะ จะทนไปทำไม ถ้าสุดท้ายทุกอย่างมันก็ยังคงเกิดขึ้นแบบเดิม”
“ไม่เป็นไรค่ะพ้อยท์ทนได้” ฉันฝืนยิ้มออกมา ถึงแม้ข้างในมันกำลังหดหู่ก็ตาม
“พ้อยท์รักมันขนาดนั้นเลยหรอ” พี่ฝุ่นเอ่ยถามออกมา ฉันไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นแววตาที่เจ็บปวดเผยออกมาจากดวงตาคมแวบหนึ่ง
“รักมากค่ะ” ฉันตอบพี่ฝุ่นกลับไปโดยไม่ต้องคิด
“ถ้าเลือกที่จะรัก เราก็ต้องเลือกที่จะเผื่อใจไว้บ้างนะพ้อยท์” คำพูดของพี่ฝุ่นมันทำให้ฉันนิ่งเงียบไปพักใหญ่
“ถ้าพ้อยท์เลือกที่จะเดินออกมา พี่ว่าอนาคตพ้อยท์อาจจะได้เจอคนที่พร้อมจะทุ่มเททุกอย่างให้ก็ได้” ฉันเงยหน้าขึ้นมองสบตากับพี่ฝุ่น ดวงตาของเขามันเหมือนกำลังสื่อความหมายอะไรบางอย่างออกมาให้ฉันได้รู้
“พ้อยท์จะอดทนอีกสักพักแล้วกันค่ะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ พ้อยท์จะเดินออกมาเอง” พี่ฝุ่นเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆ เมื่อได้ยินประโยคที่ฉันพูดออกไป
“ดีมากเด็กน้อย” พี่ฝุ่นวางมือไว้บนศีรษะของฉัน ก่อนจะโยกไปมา นอกจากพี่พอร์ชพี่ชายแท้ๆ ของฉันแล้ว ก็ยังมีพี่ฝุ่นนี่แหละ ที่เป็นพี่ชายที่แสนดี และคอยให้คำปรึกษาทุกๆ เรื่องกับฉัน
ถ้าไม่มีพวกพี่เขา ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะสู้ด้วยตัวคนเดียวไหวหรือเปล่า…
“แล้วนี่กินข้าวหรือยังหืม” พี่ฝุ่นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน น้ำเสียงนี้ที่ฉันไม่เคยได้รับมันจากบอมส์
“ยังเลยค่ะ” ฉันตอบกลับไปตามตรง พอเจอเรื่องนั้นเขาไปฉันก็ลืมความหิวไปซะสนิท
“ป่ะ ถ้างั้นไปกับพี่” พี่ฝุ่นเอื้อมมือมาจับข้อมือของฉันเอาไว้ พร้อมกับพาเดินออกจากห้องสมุด เพื่อไปยังโรงอาหาร
“นั่งรออยู่ที่โต๊ะก็ได้เดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้” พี่ฝุ่นพูดบอก หลังจากที่เราสองคนเดินเข้ามาในโรงอาหารของมหาลัยฯ แล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ พ้อยท์ไปซื้อเองดีกว่า ลำบากพี่เปล่าๆ เดี๋ยวต้องต่อแถวนานอีก” ฉันพูดบอกออกไป
“อย่าดื้อสิ ทำตามที่พี่บอกนั่นแหละ” พี่ฝุ่นพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ ก่อนที่มือหนาจะจับไหล่ฉันให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาว
ฉันยังไม่ทันได้อ้าปากทักท้วงอะไร พี่ฝุ่นก็เดินออกไปทันที
บางทีฉันก็คิดนะ ว่าอยากจะให้บอมส์มีนิสัยเหมือนกับพี่ฝุ่นบ้าง แต่อย่างว่า คนเรามันไม่เหมือนกัน จะให้เอานิสัยของแต่ละคนมาเปรียบเทียบกันมันก็ใช่เรื่อง
ฉันนั่งรอพี่ฝุ่นอยู่อย่างนั้น ขณะที่มือของฉันก็หยิบมือถือออกมาดูแหล่งโซเชี่ยลต่างๆ เมื่อฉันเปิดแอพ ฟีดข่าวก็เด้งสเตตัสของบอมส์ขึ้นมาก่อนใคร
บอมส์โพสต์รูปถ่ายที่ถ่ายกับดารินอย่างแนบชิดกัน ฉันเลื่อนมือเข้าไปกดอ่านคอมเม้นต์ ก็เห็นว่าเพื่อนในกลุ่มเขากำลังเม้นต์แซวกันอย่างสนุกสนาน แต่คนที่เจ็บมันก็คือฉันเองนี่แหละ
“ดูอะไรอยู่” เสียงพี่ฝุ่นดังขึ้นอยู่ข้างๆ โดยที่ฉันเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพี่เขาเดินมาถึงตั้งแต่ตอนไหน
“กินข้าวเถอะ อะไรที่เห็นแล้วไม่เจริญอาหารก็อย่าไปดูเลย” พี่ฝุ่นเลื่อนจานข้าวพร้อมกับแก้วน้ำมาวางไว้ตรงหน้าฉัน ก่อนที่พี่เขาจะนั่งลงที่นั่งข้างๆ
ฉันเก็บมือถือใส่กระเป๋าเอาไว้ แล้วก้มหน้าทานข้าวอย่างพยายามไม่คิดอะไร ขณะเดียวกันพี่ฝุ่นก็พยายามชวนฉันคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ตลอด มันเลยทำให้ในหัวของฉันลืมเรื่องนั้นไปซะสนิท
“บอกพอร์ชด้วยนะว่าดึกๆ พี่จะเข้าไปหามัน” พี่ฝุ่นพูดฝากเอาไว้ เพราะพี่เขาเรียนคนละคณะกับพี่ชายของฉัน แต่ยังไงทั้งคู่ก็ยังคงเป็นเพื่อนสนิทที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับ ก่อนที่จะแยกกับพี่ฝุ่นตรงด้านหน้าโรงอาหาร เพื่อกลับไปคณะของตัวเอง แต่พอฉันเดินพ้นเขตโรงอาหารได้เพียงไม่กี่ก้าว ฉันก็เห็นร่างสูงโปร่งของบอมส์กำลังเดินเคียงคู่อยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ดาริน แต่เป็นแอลเพื่อนที่เคยสนิทกับฉัน
ขนาดเพื่อนรักยังหักหลังฉันได้ แล้วมันนับประสาอะไรกับผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าแฟน…
พอเห็นแบบนี้ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะทนหรือจะถอย
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายกับความไม่รู้จักพอของเขา ก่อนที่ขาของฉันมันจะก้าวเดินไปทางอื่นแทนที่จะตามเขาไป เพราะถึงจะตามไปยังไง ฉันก็คงจะถูกไล่ออกมาเหมือนอย่างเดิม
