5 สุดเหวี่ยง
พอถึงวันเดินทางพิจิกาก็ ได้รับโทรศัพท์จากพี่ญาดาว่าต้องพามารดาไปหาหมอเพราะท่านหกล้ม การเที่ยวครั้งนี้พิจิกาจึงเดินทางคนเดียว
หญิงสาวนั่งรถตู้มาถึงท่าเรือตั้งแต่เที่ยงจากนั้นก็ขึ้นเรือไปยังเกาะเสม็ด ที่พักของเธอเป็นพูลวิลล่าที่มองเห็นวิวทะเล ทั้งหาดทรายขาวและท้องทะเลสีฟ้าบวกกับเสียงคลื่นกระทบฝั่งทำให้หญิงสาวผ่อนคลายได้เป็นอย่างมาก
หลังจากเอาของเก็บเรียบร้อยเธอก็เดินมาหน้ารีสอร์ต เช่าจักรยานยนต์คันเล็กหนึ่งคันเพื่อขี่ไปเที่ยวรอบเกาะ เธอเช่าไว้ทั้งหมดสามวันเพราะไม่อยากจะเสียเวลามาเช่าใหม่ ก่อนจะมาที่นี่พิจิกาก็ศึกษาสถานที่ท่องเที่ยวมาบ้างแล้วจึงไม่ต้องถามใครให้วุ่นวาย
แดดตอนบ่ายค่อนข้างแรงหญิงสาวจึงแวะที่คาเฟ่แห่งหนึ่งนั่งจิบกาแฟและสั่งเค้กมาทานจนอิ่มก็ขับรถกลับไปที่รีสอร์ต
พอแดดร่มลมตกก็สวมชุดว่ายน้ำแต่เพราะมาคนเดียวจึงไม่กล้าไปเดินที่ชายหาดจึงเลือกที่จะว่ายน้ำสระแทน ว่ายจนเหนื่อยก็อาบน้ำและเดินออกมาทานอาหารทะเลที่ทางรีสอร์ตจัดไว้ให้
หลังอาหารเย็นเธอก็กลับมานอนเล่นที่ห้องพัก รอเวลาที่จะไปยังบาร์ที่เห็นเมื่อตอนกลางวัน เพราะนึกครึ้มอยากจะหาอะไรดื่มทั้งที่ปกติแล้วเป็นคนไม่ดื่ม แต่ไหนๆ ก็มาเที่ยวทั้งทีเธอก็อยากสนุกสุดเหวี่ยงเพราะที่นี่ไม่มีใครที่เธอรู้จักและตอนนี้เธอก็โสดสนิทจึงไม่ต้องแคร์อะไรทั้งนั้น
พิจิกาเลือกที่จะเดินมาดื่มที่บาร์ซึ่งอยู่ติดกับรีสอร์ต เธอสั่งเครื่องดื่มที่ดีกรีไม่สูงมากตามคำแนะนำของบาร์เทนเดอร์จากนั้นก็นั่งจิบไปเรื่อย เมื่อเวลาผ่านไปเสียงเพลงที่เปิดก็เริ่มจะครึกครื้นขึ้นนักท่องเที่ยวต่างพากันโยกย้ายไปตามจังหวะดนตรีที่เร้าใจ หญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ติดเคาน์เตอร์บาร์ก็โยกไปตามจังหวะ ยิ่งเห็นว่าแทบไม่มีคนไทยเลยเธอก็ยิ่งไม่ต้องอายใคร
มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคนหนึ่งชวนพิจิกาออกไปเต้นหญิงสาวก็ไม่ได้ปฏิเสธเพราะเห็นว่าเป็นสถานที่เปิดโล่งและไม่ได้เสียหายอะไร เขาถามเธอว่าพอจะพูดภาษาอังกฤษได้ไหม พอหญิงสาวบอกว่าได้เขาก็แนะนำตัวเองด้วยภาษาอังกฤษว่าตนเองนั้นชื่อมาร์ตินและมาเที่ยวที่นี่คนเดียวเป็นครั้ง ทั้งสองคุยกันไปด้วยเต้นกันด้วยเหมือนกันว่ารู้จักกันมานาน
“คืนนี้มีคนไทยด้วยเหรอ” ชายหนุ่มที่เข้ามานั่งทีหลังถามบาร์เทนเดอร์
“ครับ แล้วคุณล่ะครับหายไปนานเลยนะ” บาร์เทนเดอร์ที่พ่วงตำแหน่งผู้จัดการร้านทักทายพีราวัชร
“งานยุ่งน่ะ ที่ร้านเป็นยังไงบ้างล่ะ” พีราวัชรมาที่นี่หลายครั้งจนคุ้นเคยกับผู้จัดการร้านเป็นอย่างดี
“ก็เรื่อยๆ ครับ ไม่ใช่วันหยุดคนเที่ยวก็น้อยครับ ยังดีว่ามีชาวต่างชาติมาเที่ยวบ้าง คุณพีร์ล่ะครับ นึกยังไงถึงมาเที่ยวไม่ใช่วันหยุดยาวสักหน่อย”
“เบื่อๆ น่ะ อยากมาพักผ่อนบ้าง มาวันธรรมดาแบบนี้ผมว่าผมดีเหมือนกันนะ คนไม่เยอะดี ไม่ค่อยอึดอัดเท่าไหร่”
“แต่สาวๆ ก็ไม่ค่อยเยอะด้วยนะครับ” ผู้จัดการร้านพูดอย่างรู้ทัน เพราะชายหนุ่มคนนี้มาเที่ยวทีไรมักจะได้สาวๆ ตามกลับไปนอนด้วยทุกครั้งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
“ครั้งนี้อยากพักผ่อนจริงๆ ไม่ได้มาจีบสาว”
“หล่ออย่างคุณพีร์ไม่ต้องจีบหรอกครับ แค่คุณยิ้มสาวๆ ก็วิ่งตามแล้วล่ะ นี่ถ้าน้องสาวผมอยู่ที่นี่ก็คงวิ่งตามคุณพีร์ไปแล้วเหมือนกัน”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่าคุณก็พูดเกินไป” พีราวัชรยกเครื่องดื่มขึ้นมาจบ ตาจ้องไปยังหญิงสาวร่างระหงที่โยกย้ายส่ายสะโพกอยู่กับหนุ่มชาวต่างชาติตรงหน้า สมองกำลังคิดไปไกลว่าถ้าเธอมาส่ายสะโพกแบบนั้นอยู่บนตัวเขามันจงจะดีไม่น้อย
พีราวัชรสาดเครื่องดื่มดีกรีสูงเข้าคออีกครั้งก่อนจะเลิกมองเพราะถ้ายังเอาแต่จ้องอยู่แบบนี้คงไม่ดีต่อร่างกายตนเองแน่
พิจิการู้สึกว่ามาร์ตินจะเข้าใกล้เธอมากเกินไปหญิงสาวจึงขอตัวออกมาจากตรงนั้นโดยอ้างว่าเหนื่อยและอยากจะหาเครื่องดื่มสักแก้วแล้วจะกลับมาหาเขาอีกชายหนุ่มจึงยิ้มและไม่ได้เดินตามเธอมาที่เคาน์เตอร์
“ดูท่าทางคุณจะหมดแรงนะครับเอาเครื่องดื่มหน่อยไหม Mojito ดีไหมครับจะได้สดชื่น” บาร์เทนเดอร์หนุ่มถาม
“ค่ะ” พิจิกาไม่รู้หรอกว่าไอ้เครื่องดื่มที่เขาบอกน่ะเป็นแบบไหนเพราะตอนนี้เธออยากดื่มอะไรก็ได้ที่มันสดชื่น หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมายิงคิวอาร์โค้ตเพื่อชำระเงิน จากนั้นก็ดื่มเครื่องดื่มทีละนิดจนหมดแล้วและคิดว่าควรจะกลับที่พักตนเองก่อนที่จะเมามากกว่านี้
เธอลงจากเก้าอี้ ขณะกำลังจะหันหลังกลับหญิงสาวก็เซไปฟุบอยู่กับคนที่นั่งข้างๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้ม
“ขอโทษค่ะ” พิจิการีบกล่าวขอโทษในความซุ่มซ่ามของตัวเองเพราะดื่มไปเยอะจึงประคองตัวได้ยาก
ชายหนุ่มไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่เมื่อก้มลงสบดวงตาคู่สวยหวานที่ส่งประกายท้าแสงไฟนั้นแล้วเขาก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม ยิ่งตอนที่หญิงสาวจับไหล่ของเขาเพื่อพยุงตัวเองเขาก็แทบจะหยุดหายใจเอาเสียดื้อๆ
พิจิกาก็รู้สึกไม่ต่างกันผู้ชายตรงหน้าของเธอนั้นหล่อถูกใจเธอที่สุดหล่อกว่าคนรักเก่าตั้งไม่รู้กี่เท่า หญิงสาวยิ้มเขินเมื่อคิดได้ว่าตอนนี้ตัวเองยังเกาะที่ไหล่ของเขาอยู่ เธอรีบปล่อยมือออกแล้วตั้งตัวตรงแต่ก็ยังเซไปมาอยู่ดี
“ถ้าคืนนี้คุณไม่ติดธุระที่ไหน ผมว่าพาเธอไปส่งก็คงจะดีนะครับ ผมล่ะไม่ไว้ใจฝรั่งพวกนั้นเลย” ผู้จัดการร้านรีบบอกเพราะ เห็นว่าอย่างน้อยพีราวัชรก็เป็นคนไทยเหมือนกับเธอ”
พีราวัชรหันไปมองคนที่ยืนพิงอยู่ข้างๆ แล้วชายหนุ่มก็ยิ้ม และรอยยิ้มนั่นทำให้คนมองหัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิด ใบหน้าร้อนผ่าว เธอพยายามมองว่าเคยเจอเขาที่ไหน แต่ด้วยสติที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดก็เลยนึกไม่ออก
“เราเคยเจอกันไหมคะ ทำไมหน้าคุณคุ้นจัง”
คำพูดของพิจิกาทำให้พีราวัชรหันมามองหน้าเธอชัดๆ อีกครั้งและเขาก็มั่นใจว่าไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้ที่ไหน
“แต่ผมไม่เคยเจอคุณนะ”
“คุณคิดว่าฉันโกหกเหรอคะ ฉันว่าฉันต้องเคยรู้จักคุณมาก่อนแน่ๆ หน้าคุณคุ้นมากๆ เลยนะคะ” เสียงหวานเอ่ยยืด
“งั้นลองมองใกล้ๆ อีกทีดีไหมครับ” ชายหนุ่มโอบร่างที่ยืนแทบไม่ตรงแล้วดึงให้หญิงสาวนั่งลงบนตักตนเองเพื่อให้เธอได้มองอย่างใกล้ชิด หญิงสาวสะดุ้งขืนตัวเล็กน้อย เธอมองหน้าคนที่ให้เธอนั่งแทนเก้าอี้คิ้วเธอขมวด ร่างกายรู้สึกหมดแรงลงดื้อๆ เธออยากขยับออกแต่ก็ได้แค่คิด
“ผมว่าเรามาเริ่มต้นรู้จักกันใหม่ก็ได้นี่ครับ คุณชื่ออะไร”
“ผิง”
“ชื่อแปลกจังนะครับ มีที่มาไหม”
“ตอนแม่ท้องแม่ชอบกินขนมผิง คุณเคยกินไหมคะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า เขาแทบจะไม่เคยได้ยินชื่อขนมชนิดนี้มาก่อน แต่ตอนนี้ถ้าถามว่าอยากกินไหมเขาตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่าอยากกินมาก
“มันคงน่ากินมากนะครับ”
“ค่ะ สีมันจะออกขาวกลิ่นก็หอมมากด้วยค่ะ”
ยิ่งเธอพูดเขาก็ยิ่งอยากจะกินขึ้นมาเสียตอนนี้ ขนมผิงที่ทั้งขาวและหอมที่นั่งอยู่บนตักของเขา
“คุณถามฉันเยอะแล้ว ฉันขอถามได้ไหมคุณชื่ออะไร”
“พีร์ครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคุณพีร์” หญิงสาวทำท่าคิดก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยเสียงที่ไพเราะน่าฟัง
“ขอโทษนะคะคุณพีร์ ฉันเข้าใจผิดเอง ฉันไม่เคยได้ยินหรือรู้จักคนชื่อนี้มาก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นเราไปทำความรู้จักกันดีไหมครับ”