4 พักบ้างก็ดี
“พ่อว่าช่วงนี้พีร์ทำงานหนักเกินไปแล้วนะ” คุณธวัชชัยเอ่ยกับลูกชายคนโตที่กลับมาถึงบ้านแต่ละวันด้วยสภาพอิดโรยราวกับไปออกรบ
“ผมชินแล้วครับพ่อ” พีราวัชรหรือพีร์หนุ่มโสดวัย 35 ปีที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของ TP Shopping Mall ซึ่งมีสาขาอยู่ในกรุงเทพสองแห่ง ต่างจังหวัดอีกถึงสี่แห่งและปลายปีนี้ก็จะเปิดที่เวียดนามอีกหนึ่งแห่ง
“ได้ข่าวว่าช่วงนี้ห้างปรับปรุงใช่เหรอ ทำไมไม่ใช้ช่วงนี้พักผ่อนละ ไปภูเก็ตไหมล่ะ ทะเลกำลังสวยเลย” คุณประภัสสรบอกลูกชาย
“ไม่ดีกว่าครับแม่ ผมเพิ่งให้ตั๋วเครื่องบินกับที่พักฟรีกับลูกค้าที่เช่าพื้นที่ในห้างไป ถ้าไปเที่ยวแล้วบังเอิญเจอกันผมกลัวพวกเขาจะไม่สนุก” ชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟาข้างมารดาก่อนจะยกน้ำที่เด็กรับใช้เอามาเสิร์ฟขึ้นดื่มเพื่อดับกระหาย
“พีร์คิดเหรอว่าคนพวกนั้นจะจำพีร์ได้ พีร์เคยเดินลงมาที่ห้างที่ไหนกันละ ไปถึงก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดเลยแล้วใครที่ไหนจะจำลูกแม่ได้กัน”
“แต่จำไม่ได้ก็ดีเหมือนกันนะคุณ พวกสาวที่ห้างก็จะได้ไม่วุ่นวาย”
“พูดถึงสาว แล้วเมื่อไหร่ลูกของแม่จะหาสะใภ้ให้แม่สักทีล่ะลูก แม่รอนานแล้วนะ”
“อย่ารอเลยครับแม่ ผมยังไม่คิดเรื่องนั้น”
“แต่พีร์จะสนุกไปวันๆ ไม่ได้นะ อีกหน่อยใครจะมาสืบทอดกิจการล่ะ”
“ก็ลูกนายวินกับข้าวหอมไงครับแม่” เขาหมายถึงน้องชายกับน้องสาวที่ตอนนี้ทั้งสองนั้นแต่งงานไปแล้ว
“พูดอย่างกับสองคนนั้นมีหลานให้แม่แล้วอย่างนั้นแหละ เฮ้อ! ไม่รู้ไปทำกรรมที่ไหนมา มีลูกกับเขาตั้งสามคนแต่ยังไม่มีหลานให้อุ้ม แม่ว่าพีร์ลองมาหาคนรู้ใจไว้บ้างก็ดีนะลูก”
“แม่ครับ ผมยังไม่เคยเจอใครที่ถูกใจจนอยากจะให้มาเป็นแม่ของลูกได้เลยนะครับ”
“ก็เราเอาแต่ทำงานไงล่ะ แล้วจะเจอใครที่ไหนล่ะ ลูกสาวของเพื่อนแม่ก็แต่งงานกันไปหมดแล้ว”
“อย่าคิดมากเลยครับแม่ เนื้อคู่ผมอาจจะยังไม่เกิดก็ได้นะครับ”
“ปีนี้พีร์อายุ 35 แล้วนะ เนื้อคู่เราอาจจะเกิดแล้วและรอเราที่ไหนสักแห่งนะ”
“แล้วผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับพ่อว่าเขารออยู่ที่ไหน ไม่เห็นเขาจะเมลหรือไลน์มาบอกเลยนะครับ” พีราวัชรพูดพลางหัวเราะร่วน ชายหนุ่มไม่เชื่อเรื่องความรักหรือเนื้อคู่เพราะเคยมีแฟนที่รักกันมาก คบกับตั้งแต่เรียนปีสอง แต่พอเขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเพียงสามเดือนเธอก็แต่งงานกับนักธุรกิจชาวไต้หวันและย้ายไปอยู่กับสามีสิบกว่าปีแล้ว
“อย่ามาทำเป็นตลกนะพีร์”
“ก็ผมพูดจริงนี่ครับแม่”
“แต่ก่อนพ่อก็คิดแบบนี้ แต่พอเจอแม่แค่ครั้งเดียวพ่อก็รู้เลยว่าแม่คือเนื้อคู่”
“แล้วพ่อจะรู้ได้ยังไงล่ะครับว่าแม่เป็นเนื้อคู่”
“เรื่องนี้เจอกับตัวเองแล้วก็จะรู้”
“แม่ละครับ รู้ได้ยังไง” เมื่อถามบิดาแล้วไม่ได้คำตอบเขาก็ถามมารดาบ้าง
“สำหรับแม่ต้องใช้เวลา ไม่ใช่เจอปุ๊บรู้ปั๊บหรอกนะ แม่คุยกับพ่ออยู่หลายครั้งยิ่งคุยก็รู้สึกเหมือนคนเคยที่เจอกันมานาน ทั้งที่เพิ่งได้เจอกันไม่กี่ครั้ง จังหวะหัวใจของแม่เต้นแปลกไปจากเดิม แล้วยิ่งได้อยู่ใกล้พ่อมันเหมือนกับว่ามันเต้นประสานกับจังหวะหัวใจของพ่อ”
“ผมว่าพ่อกับแม่นี่ดูละครมากไปแล้วนะครับ”
“เราถามแม่เองนะพีร์แม่ก็ตอบไปตามนั้นจริงไหมคะคุณ”เธอหันไปถามสามีเพื่อให้ช่วยยืนยัน
“จริงจ้ะ อย่างเจ้าพีร์นี่หัวใจมันคงตายด้านไปแล้วล่ะมั้ง พ่อว่าลูกชายคนโตของบ้านนี้คงจะอยู่เป็นโสดไปจนแก่แน่ๆ”
“ผมว่าพ่อกับกำลังกดดันและท้าทายผมนะครับ”
“พ่อพูดตามความจริงนี้พีร์ อายุอย่างเราควรจริงจังได้แล้ว เรื่องงานก็เข้าที่เข้าทาง เหลือแค่เรื่องครอบครัวนี่แหละที่พ่อกับแม่เป็นห่วง”
“ถ้าผมเจอคนที่ถูกใจผมแต่ไม่ถูกใจพ่อกับแม่ละครับ ประมาณว่าครอบครัวเราไม่เท่าเทียมกัน ฐานะเขาด้อยกว่า เขาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว อะไรทำนองนี้พ่อกับแม่จะรับได้เหรอครับ”
“นาทีนี้แม่ขอใครก็ได้ ที่รักลูกก็พอเรื่องอื่นไม่สนใจอยู่แล้ว”
“แล้วถ้าเจอคนที่ใช่ก็รีบบอกพ่อเลยจะได้ไปสู่ขอให้นะ”
“พ่อครับ จะไม่ให้เราลองคบกับหน่อยเหรอครับ”
“จะลองคบกันให้เสียเวลาทำไมเจอก็แต่งเลยสิ แล้วค่อยมาศึกษากันทีหลังก็ได้ ดูพ่อกับแม่สิคุยกันแค่เดือนเดียวเองนะ”
“มันคงไม่กี่คนหรอกครับที่จะเจอคนที่ใจตรงกัน ผมว่าพ่อกับแม่เป็นพรหมลิขิตหรือไปก็คงทำบุญร่วมกันมาแน่ๆ”
“พูดถึงทำบุญ วันพรุ่งนี้บ้านน้าตุ๊กจะทำบุญเลี้ยงเพลพระพีร์ไปกับแม่หน่อยนะลูก” คุณประภัสสรยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะเพื่อนรุ่นน้องคนนี้บอกว่าจะพาหลานสาวมาแนะนำให้กับพีราวัชรรู้จัก
“ครับแม่”เขารับคำแต่ก็เห็นว่ามารดาแอบยิ้ม ชายหนุ่มจึงตัดสินใจได้ทันทีว่าเขาควรหาเวลาพักผ่อนบ้าง
พอมารดาเดินขึ้นไปยังชั้นสองแล้วเขาก็มองหน้าบิดาที่กำลังกลั้นยิ้มอยู่เหมือนกัน
“ผมว่าไม่ใช่แค่ทำบุญใช่ไหมครับ แม่ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่”
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
“ผมเห็นแม่แอบยิ้มครับ ผมว่าพรุ่งนี้ผมไปเที่ยวดีกว่า ผมฝากพ่อบอกแม่ด้วยนะครับว่าผมอยากไปพักผ่อนสักสองสามวัน”
“ไหนว่ากลัวจะเจอคนรู้จักไง”
“ผมไม่ได้ไปภูเก็ตนี่ครับพ่อ ไปแค่เสม็ดเอง ไปวันธรรมดานักท่องเที่ยวไม่เยอะครับ บางทีจะได้หาสะใภ้ฝรั่งมาให้มา”
“ให้มันจริงเถอะพ่อก็อยากมีหลานเป็นลูกครึ่งเหมือนกัน” ธวัชชัยหัวเราะก่อนจะเดินตามภรรยาขึ้นชั้นสอง
พีราวัชรกำลังจะกดโทรออกเพื่อให้เลขาจองโรงแรมแต่ เปลี่ยนใจเพราะถ้าเลขาเป็นคนจองมารดาจะต้องรู้แน่ว่าเขาหลบไปเที่ยวที่ไหน
พอจองโรงแรมเสร็จเขาก็จัดของใช้ที่จำเป็นลงกระเป๋า ชายหนุ่มเปิดตู้เสื้อผ้าด้านริมสุดที่เป็นชุดสำหรับใส่เที่ยวทะเลซึ่งน้องสาวเคยซื้อไว้ให้ เขาเลือกแต่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นและกางเกงผ้ายาวแค่เขากับรองเท้าแตะแบบสวมเพื่อเข้ากับบรรยากาศริมทะเล
จัดของเสร็จก็ขับรถไปนอนที่คอนโดเพราะกลัวว่าถ้าออกบ้านตอนเช้ามารดาจะสงสัยที่เห็นเขาถือกระเป๋าเดินทาง
“ขอโทษนะครับแม่ แต่ผมอยากพักผ่อน ผมยังไม่พร้อมจะมีใครครับแม่” เขามองไปบนชั้นสองของตัวบ้านก่อนจะขับรถออกมาในเวลาเกือบเที่ยงคืน