10 บรรยากาศไม่เป็นใจ
พิจิกานอนดูทีวีจนกระทั่งบ่าย นานมากแล้วที่หญิงสาวไม่ได้นอนพักแบบนี้ เพราะในแต่ละวันนอกจากจะเปิดร้านที่ห้างสรรพสินค้าแล้วเธอยังขายของผ่านช่องทางออนไลน์และช่วยมารดาขายของในตอนเช้าอีกด้วย
ครอบครัวเธอมีกันแค่สองคน ญาติคนอื่นๆ ก็อยู่ต่างจังหวัดกันหมด ส่วนผู้เป็นบิดานั้น หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเพราะมารดาไม่เคยพูดถึง แม้ตอนเด็กๆ เธอจะพยายามถามแต่ก็ไม่ได้คำตอบ พอโตมาก็เข้าใจอะไรมากขึ้นจึงเลิกถามเพราะคิดว่าถ้ามารดาอยากให้เธอรู้ท่านก็คงจะบอกเอง
ขณะกำลังนอนดูรายการทีวีเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงฝนตก หญิงสาวเดินไปดูบริเวณด้านนอกตอนนี้ฝนกำลังตกลงมาอย่างหนัก ทั้งที่เมื่อเช้าท้องฟ้ายังคงแจ่มใส เสียงฝนบวกกับเสียงคลื่นจากทะเลก็ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายไปอีกแบบ แต่ก็แอบเสียดายเพราะถ้าเป็นแบบนี้เธอคงอดไปดูพระอาทิตย์ตกดินแน่ๆ
พิจิกาเหลือเวลาอยู่ที่นี่อีกแค่คืนเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้เช้าเธอต้องออกจากที่พักก่อนเที่ยง เพื่อขึ้นเรือก่อนจะนั่งรถตู้กลับเริ่มงานต่อในวันรุ่งขึ้น โอกาสที่จะได้มาเที่ยวแบบไม่เสียเงินแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ
ขณะนั่งมองสายฝนกระทบกับพื้นน้ำก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูบ้านพัก หญิงสาวรีบเดินมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็รีบเปิดประตูต้อนรับ
“เปียกมากไหม”
“ไม่ครับ พอดียืมร่มของทางรีสอร์ตมาครับ” พีราวัชรเบี่ยงตัวเข้ามาในบ้าน จากนั้นก็สลัดผมที่เปียกเพียงนิดให้เข้าที่
พิจิกาได้แต่แอบมองเพราะไม่ว่าเขาจะขยับหรือทำอะไรท่าทางของเขามันก็ดูดีไปหมด ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเขาทำบุญด้วยอะไรพระเจ้าถึงได้มอบความหล่อมาให้อย่างมากมายแบบนี้ เมื่อคืนก็คิดว่าเป็นเพราะตัวเองเมาเลยเห็นใครก็หล่อไปหมด แต่ตอนนี้เธอมีสติเต็มร้อย
“จ้องผมแบบนั้นคิดอะไรอยู่หรือเปล่าผิง”
“คิดสิคะ”
“คิดอะไร ไหนบอกมาสิ” ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้จนเธอได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงออกมาจากตัวเขา
“คิดว่าพรุ่งนี้คุณจะเป็นหวัดหรือเปล่า นั่งก่อนค่ะ เดี๋ยวผิงเอาผ้าเช็ดตัวมาให้นะคะ”
“ผมหัวแข็งจะตายแค่ละอองฝนแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ”
“แต่ก็ควรจะเช็ดผมให้แห้งนะคะ” พิจิการีบเดินไปเอาผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาส่งให้ก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงโซฟาด้านตรงข้าม
“ผมนึกว่าคุณจะเช็ดให้เสียอีก”
“เสียใจค่ะ ผิงไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนโยนขนาดนั้น” เธอพูดจบก็ก้มหน้าเล่นมือถือต่อ
พีราวัชรเช็ดผมเสร็จก็เอาผ้าพาดไว้ตรงพนักโซฟาก่อนจะลุกไปนั่งเบียดกับพิจิกาที่โซฟาอีกตัว
“นี่คุณ ที่นั่งมีตั้งเยอะตั้งแยะ มานั่งเบียดกันทำไมคะ”
“นั่งคนเดียวมันเหงานี่ครับ”
“ขี้เหงาขนาดนี้มาเที่ยวคนเดียวได้ยังไงคะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถาม
“ผมก็แค่อยากหลบมาพักผ่อน”
“อยากพักผ่อนแล้วมาหาผิงทำไมคะ น่าจะนอนซุกตัวใต้ผ้าห่มอุ่นๆ นะคะ”
“มันอุ่นไม่พอนี่ครับ ก็เลยต้องมาหาความอบอุ่นจากคุณ” คนฉวยโอกาสอุ้มคนตัวเล็กว่าขึ้นมานั่งบนตักเกยคางลงบนไหล่เล็ก สองมือกอดเอวคอดไว้หลวมๆ
พิจิกาเองก็รู้สึกอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา หญิงสาวทิ้งตัวลงพิงกับแผงอกกว้าง ตามองออกไปข้างนอกห้องที่สายฝนยังคงโปรยปรายไม่หยุด ในใจแอบคิดว่าถ้าคนที่อยู่กับเธอตอนนี้เป็นปรัชญาก็คงจะมีความสุขมาก แต่มันคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว
“ฝนไม่น่าตกเลยนะคะ”
“ครับ เราเลยไม่ได้ไปดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันเลย น่าเสียดายเหมือนนะครับ คุณอยู่ต่ออีกวันไม่ได้เหรอ”
“ฉันต้องกลับไปทำงานค่ะ”
“คุณทำงานอะไรเหรอถึงได้มาเที่ยววัยธรรมดา”
“ฉันเป็นแม่ค้าค่ะ คุณล่ะคะ”
“ผมก็ทำงานบริษัทครับ” พีราวัชรรู้สึกผิดนิดหน่อยที่โกหกเธอไปแบบนั้น แต่เขาก็มีเหตุผลของตัวเอง เพราะที่ผ่านมามีหลายคนที่พยายามหาเข้าหาเขาเพื่อผลประโยชน์ ชายหนุ่มจึงต้องระวังตัวไว้ก่อน
“ลาพักร้อนเหรอคะ ถึงได้มาเที่ยววันหยุดแบบนี้” เพราะถ้าเขาไม่ลาพักร้อนก็คงเป็นระดับผู้บริการ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นอย่างแรกเพราะเขาดูอายุน้อยเกินกว่าจะทำงานระดับสูงแบบนั้น
“ประมาณนั้นครับ ปกติคุณมาเที่ยวคนเดียวแบบนี้บ่อยไหมครับ”
“ไม่หรอกค่ะ แม่ค้าอย่างผิงไม่อยากปิดร้านหรอกนะคะเพราะปิดก็เท่ากับเราขาดรายได้”
ชายหนุ่มเข้าใจเป็นอย่างดีเพราะอาชีพของเขาก็ไม่ต่างอะไรอาชีพของเธอเลย ถ้าเขาไม่เปิดห้างนั่นก็หมายความว่ารายได้ของเขาจะหายไปทั้งที่รายจ่ายยังคงมีเท่าเดิม
“คุณไม่คิดจะทำงานบริษัทบ้างเหรอครับ ผมว่าแบบนั้นรายได้มันมีเข้ามาสม่ำเสมอนะครับ”
“คิดสิคะ หลังเรียนจบฉันหางานเป็นเดือน ยื่นใบสมัครไปทั่วเลยค่ะ แต่ไม่มีที่ไหนรับ”
“ผมถามได้ไหมว่าคุณเรียนจบอะไรมา”
“จบเลขาค่ะ แต่ผิงจบแค่ปวส.เวลาไปสมัครงานวุฒิก็เลยจะต่ำกว่าคนอื่น”
“ผมว่าเพราะคุณสวยเกินไปหรือเปล่าถึงทำให้ได้งาน”
“มีด้วยเหรอคะ”
“ครับ ผมเคยได้ยินมาบางครั้งคนที่รับเข้าทำงานก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องชู้สาวระหว่างเจ้านายกับเลขาก็เป็นได้นะครับ”
“น่าคิดเหมือนกันค่ะ ถ้าผิงมีโอกาสไปสมัครงานอีกครั้งจะกรอกข้อมูลว่าแต่งงานแล้วดีไหมคะ”
“คุณพูดเหมือนไม่อยากจะเป็นแม่ค้าแล้ว”
“ก็แค่พูดเผื่อไว้ค่ะ อาชีพค้าขายมันเป็นงานอิสระ คนอื่นอาจมองว่างานไม่ต้องใช้ความรู้อะไร แต่มีไม่กี่คนหรอกค่ะที่รู้ว่าในแต่ละวันเราเจออะไรบ้าง”
“อยากเล่าให้ผมฟังไหม”
“อย่าเลยค่ะ ผิงไม่อยากคุณเครียดตาม คุณอย่าลืมนะคะว่าตัวเองมาพักผ่อน”
“คุณก็มาพักผ่อนเหมือนกัน ถ้าไม่อยากเล่าเรื่องงานก็เล่าเรื่องผู้ชายที่หักหลังคุณให้ผมฟังได้ไหมล่ะ”
“คิดว่าคุณลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะคะ”
“ผมยังไม่แก่นะจะได้ลืมอะไรง่ายๆ”
“ผิงก็ไม่ได้ว่าคุณแก่สักหน่อย”
“แบบไหนที่เรียกว่าแก่ละครับ”
“ก็สัก 60 ไงคะ วัยเกษียณพอดี”
“ผมยังห่างกับคำนั้นเยอะครับ ทำไมผมรู้สึกว่าคุณพยายามเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากเล่าเหรอ บางครั้งได้เล่าออกมาก็จะดีขึ้นนะครับ คุณจะได้กลับไปเริ่มงานได้อย่างสบายใจ ทิ้งความทุกข์ไว้ที่นี่”
พิจิกายิ้มกับคำพูดของชายหนุ่ม ที่บังเอิญไปเหมือนกับคำพูดของมารดาที่บอกให้เธอทิ้งความทุกข์ไว้ที่ทะเล แล้วกลับไปเป็นพิจิกาที่สดใสเหมือนเดิม
เพราะกำลังอยากระบายเรื่องที่อัดอั้นมานานหญิงสาวเลยตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังเพราะตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะระบายความรู้สึกนี้ให้ใครฟังเหมือนกัน