3.1 เฮียไม่ได้หึง
@ห้างสรรพสินค้า
ขณะที่เดินเข้าไปในห้าง เกวรินก็พิมพ์คุยอะไรบางอย่างในมือถือไม่หยุดจนเกือบจะเดินชนเข้ากับคนอื่นอยู่หลายที จนภากรต้องเป็นฝ่ายจูงมือให้เธอเดินตาม เด็กสาวถึงยอมละความสนใจจากมือถือแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้เขา
“มือเฮียใหญ่จัง...หนูชอบ”
ว่าแล้วก็ประสานนิ้วมือเข้ากับเขาแล้วแกว่งไปมาอย่างอารมณ์ดี ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา ไม่บ่อยนักที่เฮียจะเป็นฝ่ายจับมือเธอก่อนแบบนี้ มีแค่เธอที่อ้อนกึ่งบังคับจับมือเขาเองมากกว่า
“ไม่เล่นมือถือต่อแล้วหรือไง”
“ทำไมคะ น้อยใจเหรอ?”
“เปล่า...” เขาปฏิเสธเสียงเรียบ ทว่าใบหน้ากลับแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักกับเรื่องเมื่อครู่
“หนูคุยกับแม่ค่า~ ไม่ได้คุยกับผู้ชาย เฮียไม่ต้องหึงน้า”
“ไร้สาระ...”
“ชิ ว่าหนูตลอดเลย” เธอยู่ปากน้อยๆ ไม่ได้แซวอะไรเขาอีก
“แล้วได้บอกแม่หรือยังว่ามานอนที่ห้องเฮีย”
“บอกแล้วค่ะ แม่บอกว่านอนยาวๆ เลย ไม่ต้องห่วง แม่โอเค”
“เกี๊ยว...เอาดีๆ”
“แหะๆ ไม่กล้าบอกค่ะ เฮียอย่าบอกแม่นะ หนูกลัวโดนดุ”
“แต่ไม่กลัวเฮียดุว่างั้น?”
“ถึงเฮียดุ แต่ได้ค้างห้องเฮีย หนูก็ยอมค่ะ” เธอยิ้มแป้นอย่างภูมิใจ แม้จะรู้สึกผิดที่โกหกแม่ แต่เรื่องค้างห้องผู้ชายเธอจะปล่อยให้หลุดมือไม่ได้
“เด็กแสบ” ภากรได้ฟังแบบนั้นก็ส่ายหัวไปมาอย่างจนใจกับความดื้อรั้นของคนตัวเล็ก
พอมาถึงหน้าโรงหนัง ซื้อบัตร ซื้อน้ำกับป๊อปคอร์นเสร็จ ทั้งคู่ก็มานั่งรอบนโซฟากำมะหยี่สีแดงหน้าโรงหนังเพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะเริ่มฉายแล้ว
“นั่งนิ่งๆ รอเฮียตรงนี้นะ เดี๋ยวไปคุยธุระก่อน”
สิ้นเสียง ภากรก็ลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์บริเวณที่ไม่ค่อยมีเสียงรบกวนมากนัก จะได้คุยธุระสำคัญได้สะดวก
“โอเคค่า~” เกวรินตอบรับอย่างนึกเสียดาย แต่ก็เข้าใจว่าเขาคงคุยเรื่องงานจึงไม่อยากงี่เง่าให้เขาต้องรู้สึกอึดอัดใจ
“น้องครับ”
เธอกำลังจะหยิบป๊อปคอร์นเข้าปาก จู่ๆ ก็มีผู้ชายผิวขาวหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก เกวรินจึงเอียงคอน้อยๆ มองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“หนูเหรอคะ?”
“ครับ พี่ชื่อบาสนะ” เขาคนนั้นเอ่ยพร้อมรอยยิ้มน่ารัก ดูเป็นผู้ชายขาวตี๋ที่หล่อมากทีเดียว
แต่เกวรินก็ยังยกให้เฮียภีมของเธอเป็นอันดับหนึ่งอยู่ดี!
“เอ่อ...”
“ขอเบอร์หน่อยสิ”
“คือ...หนูไม่สะดวกอะค่ะ” เธอส่งยิ้มแหยไปให้พร้อมโบกมือหย็อยๆ เป็นเชิงปฏิเสธ ถึงแม้จะหล่อยังไงเธอก็ไม่สนหรอก เพราะมีว่าที่คู่หมั้นอยู่แล้วทั้งคน
“ทำไมล่ะครับ” เขาเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ ปกติเวลาขอเบอร์ใครเขาไม่เคยโดนปฏิเสธเลยสักครั้ง
“ก็เราไม่ได้รู้จักกัน”
“แล้วน้องชื่ออะไร”
“ชื่อเกี๊ยวค่ะ”
“ดี...งั้นเราก็รู้จักกันแล้ว ทีนี้ให้เบอร์พี่ได้ยัง”
ใบหน้าของบาสยังคงประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับยื่นมือถือเข้ามาใกล้คนตัวเล็กมากขึ้น
“คือว่า...”
ฟึ่บ!
“อ๊ะ! เฮียภีม”
เสียงหวานร้องอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ก็ถูกมือหนาดึงให้ลุกขึ้นจากโซฟาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“เข้าโรงหนังได้แล้ว” เขากดเสียงต่ำพยายามระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้ แต่ไม่วายตวัดสายตาไปมองผู้ชายคนนั้นอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะกึ่งลากกึ่งจูงเธอเข้าไปในโรงหนังด้วยกัน ไม่รอให้เธอปฏิเสธอะไรทั้งนั้น โชคดีที่เธอยังหิ้วถังป๊อปคอร์นติดมือมาทัน จะเสียดายก็แต่เครื่องดื่มที่ยังไม่ได้แตะเลยสักแอะเดียว
“เฮียภีม ดะ เดี๋ยวก่อน หนูลืม...อ๊ะ! นะ หนูเจ็บนะคะ” เกวรินเบ้หน้าอย่างเจ็บปวด พยายามดึงแขนของตัวเองกลับมาอย่างยากลำบากเพราะว่าเขาบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มทนไม่ไหว
“หึ”
“ถึงเฮียจะหึงยังไงหนูก็ไม่ชอบให้ใช้ความรุนแรงแบบนี้นะคะ”
“เฮียไม่ได้หึง”
ว่าแล้วก็กุมมือเธอเดินเข้าไปในโรงหนัง ดันไหล่บางนั่งลงบนเบาะโซฟานุ่ม แล้วกระแทกตัวลงนั่งอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“ค่ะ ไม่ได้หึงเลยค่ะ!” เกวรินค้อนให้เขาทีหนึ่งอย่างนึกหมั่นไส้
“เฮียบอกให้นั่งอยู่นิ่งๆ ไปคุยกับคนแปลกหน้าทำไม”
พอเริ่มสงบสติอารมณ์ได้บ้างก็หันไปถามด้วยน้ำเสียงที่ยังแข็งกระด้างอยู่
“หนูก็นั่งนิ่งๆ นะคะ”
“เกี๊ยว”
“แค่คุยนิดเดียวเองค่ะ อีกอย่างหนูก็ไม่ได้ให้เบอร์เขาไปสักหน่อย เฮียไม่เห็นต้องโมโหขนาดนั้นเลย” เธอบ่นอุบอิบอย่างนึกโมโหระคนน้อยใจ
ภากรเหลือบมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วก็ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะดึงมือเรียวมาวางไว้บนตักแล้วลูบไปมาเบาๆ อย่างรู้สึกผิดที่ทำให้เธอเจ็บตัว
“เจ็บมากไหม...เฮียขอโทษนะ”
เป็นความผิดของเขาเองที่โมโหจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เผลอทำร้ายเธอโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่ผ่านมาเขาทะนุถนอมเธอไม่ต่างอะไรจากไข่ในหินด้วยซ้ำ
ปกติแล้วเขาเป็นคนใจเย็นมากคนหนึ่ง น้อยคนนักที่จะทำให้เขาโกรธได้ แต่พอเป็นเรื่องนี้ เส้นสติเขาแทบขาดผึงจนเกือบจะปล่อยหมัดซัดใส่หน้าไอ้หมอนั่นอยู่แล้ว
แม่ง...
กล้าดียังไงมาขอเบอร์เด็กของเขา!
“ไม่เจ็บแล้วค่ะ แต่ว่า...”
“แต่ว่า?”
“เป๊ปซี่หนูอะ! เป๊ปซี่หนู~”
คิดแล้วก็เสียดายที่ไม่ได้หยิบเครื่องดื่มเข้ามาด้วยเพราะเขามัวแต่กระชากเธอเข้าโรงหนังโดยไม่ทันได้ตั้งตัว