Intro
Intro
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้ากับมีร่างสองร่างของหญิงวัยกลางคน กับเด็กน้อยวัย 13 ปี ที่กำลังช่วยกัน หาเก็บขวดพาสติกที่ใช้แล้วตามถังขยะหรือบริเวณริมข้างทาง เพื่อจะนำไปขายหาเงินมาซื้อกับข้าวและใช้จ่ายในครอบครัว
"แทนเหนื่อยก็นั่งพักตรงนี้ก่อนนะลูก"
หญิงวัยกลางคนเอ่ยกับคนเป็นลูก ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อและใบหน้าที่เหยเกด้วยความร้อน เด็กน้อยทำได้แค่ส่ายหน้าเล็กน้อย
"ไม่เหนื่อยครับแม่ แค่นี้เอง"
"งั้นแทนนั่งรอแม่อยู่ตรงนี้แปปนะ เดียวแม่ไปดูขวดตรงนู่นก่อน" ผู้เป็นแม่บอกพร้อมกับชี้มือไปที่ถังขยะสีเขียวที่อยู่อีกฝังกับที่เขานั่งอยู่
"เดียวผมไปเองครับแม่ แม่นั่งรอตรงนี้ละ " เด็กน้อยทำท่าจะลุก แต่ก็ถูกผู้เป็นแม่รั้งไว้ซะก่อน
"เดียวแม่ไปเอง แทนอะนั่งรอนี้ เดียวเราจะได้รีบกลับบ้านกัน" ผู้เป็นแม่มองหน้าลูกชายของเธออย่างรักใคร่ แทนเป็นเด็กดีเสมอ ไม่เคยคิดรังเกียจที่มีแม่เป็นคนเก็บของเก่าขาย เธอรีบวิ่งข้ามถนนด้วยความรีบร้อนเมื่อมองรถจนแน่ใจแล้วว่าถนนโล่ง แต่ใครจะไปรู้ว่าเพียงเวลาแค่ไม่ถึงเสี่ยววินาที ทุกอย่างก็สูญเสียอย่างไม่มีวันกลับ
"แม่ครับระวัง!!!!!!!!"
"เอี้ยด!! โครม"
รถสปอร์ตคันหรูสีขาววิ่งมาด้วยความเร็วก่อนจะเสียหลักพุ่งเข้าชนร่างของหญิงวัยกลางคนจนร่างกระเด็นไปอีกทิศทางหนึ่ง ส่วนรถสปอร์ต ก็เสียหลักพุ่งเข้าชนกับเสาไฟฟ้า อย่างแรง ต่อหน้าต่อตาเด็กน้อย ที่ยืนนิ่งเพราะช็อกกับเหตุการณ์ตรงหน้า
"แม่!!!!!!!!!!!!"
เมื่อเขาตั้งสติได้ เขาร้องตะโกนเรียกแม่ของเขาอย่างสุดเสียง ก่อนที่เขาจะวิ่งถลาเข้าไปหาแม่ที่นอนจมกองเลือดเต็มไปหมด
"ฮึกๆ ฮือ แม่ครับ อย่าเป็นไรไปนะครับฮือๆ" น้ำตาแห่งความเสียใจและเสียขวัญไหลพลูออกมาจนอาบแก้ม เขาไม่สามารถช่วยอะไรแม่ได้เลย
"แค่กๆ ไม่ต้องร้อง นะลูก ถะ ถ้า แม่ ไม่อยู่ แค่กๆ แล้ว ดะ ดู แล ตัวเองดีๆนะ อึก" เธอค่อยๆเอื้อมมือมาลูบหน้าลูกชายอย่างแสนรัก เธอรู้ตัวดีว่าเธอคงไม่รอด แต่อย่างน้อยเธอก็อยากให้ลูก เข้มแข็งและอดทน
"ฮึก ฮือๆ แม่ครับ อดทนหน่อยนะครับ" น้ำเสียงสั่นตะกุกตะกัก กระวนกระวายใจ ก่อนจะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ เพียงเวลาไม่กี่นาที รถพยาบาล ปอเต็กตึ๊ง และตำรวจ ก็เข้ามาในที่เกิดเหตุ ก่อนจะทำการพาผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเป็นการเร่งด้วย ส่วนเด็กน้อยก็เอาแต่ยืนร้องไห้อย่างคนเสียสติ จนนางพยาบาลต้องกอดปลอบเขา ก่อนที่เขาจะเกิดอาการช็อคจนหมดสติไป
ภายในโรงพยาบาล ที่ดูเหมือนจะวุ่นวายอยู่ทุกวัน พ่อลูกอีกคู่หนึ่ง ที่เดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน อย่างร้อนรน จนเวลาผ่านไปสักพัก คุณหมอก็ออกมาจากห้อง หลังจากที่หายเข้าไปข้างใน ถึง 4 ช.ม
"คุณหมอครับ ภรรยาของผมเป็นยังไงบ้างครับ" สุธีรีบเข้าไปถามอาการของภรรยาอย่างมีความหวัง แต่สิ่งที่ได้รับรู้กับทำให้เขาแทบทรุดอย่างหมดแรง
"ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมพยายามเต็มที่แล้ว ถ้าไม่มีไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ"
"ครับ ขอบคุณมากครับ"
เมื่อคุณหมอเดินออกไปแล้ว สุธีก็หันมามองลูกชายที่เอาแต่ก้มน่านิ่งไม่พูดไม่จา
อุบัติเหตุมันไม่แน่ไม่นอน เขาไม่คิดด้วยซ้ำ ว่าการที่ทะเลาะกันนิดๆหน่อยๆจะทำให้เขาต้องสูญเสียภรรยาไปอย่างไม่มีวันกลับ และสิ่งที่เขาไม่อยากจะคิดเลยด้วยซ้ำ อนาคตของเด็กคนนั้น ที่สูญเสียแม่เพียงคนเดียวไปอย่างไม่มีวันกลับ จะเป็นเช่นไร ยิ่งเขาเห็นน้ำตาของเด็กคนนั้น ในสภาพที่น้ำตานองหน้า ตามตัวมีแต่เลือดเต็มไปหมด น่าตามอมแมม เขารู้เพียงแค่ว่า เด็กคนนั้นมีเพียงแม่ ที่เหลืออยู่ อย่างน้อยเขาก็ต้องรับผิดชอบ ในสิ่งที่ครอบครัวเขาทำไว้
"ฮือๆ แม่ครับ ผมคิดถึงแม่"
ภายในวัดแห่งหนึ่ง เป็นที่จัดงานพิธีศพ เด็กน้อยนั่งเฝ้าอยู่น่ารูปแม่ไม่ไปไหน เอาแต่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น เป็นที่น่าหดหู่ใจไม่ใช่น้อยของผู้พบเห็น
"หนู ไม่ต้องร้องนะ แม่หนูไปดีแล้ว". สุธีเดินเข้ามาพลางโอบกอดเด็กน้อยไว้อย่างปลอบโยน
"ฮึก ผมคิดถึงแม่ ต่อไปนี้ผมจะอยู่ยังไง ฮือๆ"
"อยู่ได้ซิครับ มาอยู่กับลุงนะ ลุงจะส่งหนูเรียนหนังสือให้สูงๆเลย" สุธีพูดในสิ่งที่เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะดูแลเด็กคนนี้ให้ดีที่สุด ชดเชยในสิ่งที่ภรรยาเขาได้ทำไว้
"ฮึก !! จริงเหรอครับ ?" เด็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่าเรียนหนังสือ เขาก็ถึงกับตาโต เขาอยากเรียนหนังสือมานานแล้ว
"คุณพ่อ พามันเข้ามาในบ้านทำไม" เสียงตวาดแว้กๆของเด็กน้อยอีกคนที่เขาดูแล้วก็น่าจะอายุเท่ากัน ด้วยความที่ไม่เคยชินกับบ้านหลังใหม่ ทำให้เขาต้องรีบหลบอยู่ข้างหลังของชายวัยกลางคนอย่างกล้าๆกลัวๆ.
"คุณพ่อ เอามันออกไป ผมเกลียดเด็กข้างถนน" เสียงเอาแต่ใจของเด็กน้อย ที่แสดงท่าทีรังเกียจผู้มาใหม่อย่างเห็นได้ชัด
"หยุดโวยวายเดี่ยวนี้นะ นาวิน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แทนจะมาอยู่บ้านเราในฐานะลูกชายอีกคนของพ่อ"
"ผมไม่ยอมนะครับคุณพ่อ คุณพ่อจะพาไอ้เด็กสกปรกนี้มาอยู่บ้านเราไม่ได้"
น้ำเสียงไม่ยอมแพ้และเอาแต่ใจทำให้ผู้เป็นพ่อส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เขากำมือแน่นอย่างคนถูกขัดใจ พลางหันไปจ้องมองร่างเล็กอีกคนตาเขม็ง
"จำไว้ไอ้เด็กข้างถนน ฉันจะไม่มีวันที่จะญาติดีกับนายนับแต่นี้ไป" เสียงคาดโทษของคนตัวสูงกว่า ทำให้คนร่างเล็กถึงกับเกิดอาการกลัวขึ้นมาอย่างจับใจ ก่อนที่คนตัวสูงจะเดินปึงปังออกไปอย่างไม่พอใจ
"แทน ต่อแต่นี้ไป หนูคือลูกของป๊าอีกคนแล้วนะครับ" สุธีหันมาบอกลูกชายบุญธรรมของเขาก่อนที่จะสั่งให้คนใช้พาเด็กน้อยไปที่ห้องของตัวเอง เพื่อพักผ่อน
.......................................................................