บทนำ โชคชะตา...
โชคชะตา...
10 ปีที่แล้ว...
เสียงสายลมหวีดหวิว พัดวนทั่วท้องทุ่งหญ้าเขียวขจี ที่ลู่ล้อลมเล่น ใบไม้แห้งปลิวล่องลอยขึ้นไปบนอากาศตามแรงลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้ากว้าง ที่ใจกลางของทุ่งหญ้าที่เขียวสด ต้นจามจุรีต้นใหญ่ให้ร่มเงาตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางทุ่งน่าเกรงขาม ภายใต้ต้นไม้ใหญ่มีหลุมศพเอาไว้เคารพรำลึกถึงคนที่จากไป กระถางธูปยังคงมีร่องรอยของธูปที่เพิ่งจุดใหม่ไฟยังไม่ดับหน้าหลุมทุกหลุม ดอกไม้สดยังคงสดใหม่เหมือนเพิ่งเอามาวางไว้
“คุณตา คุณยาย คุณแม่คะ สบายดีไหมคะ? แฟร์และเฮียมิว และเฟร์ย่าสบายดีนะคะ” แฟร์รี่เอ่ยทักทายหลุมศพทั้งสาม
วันนี้เป็นวันครบรอบวันจากไปของวีณา แม่ของเธอ และวันนี้ทุกๆปี เธอจึงถือเอาวันนี้มาเยี่ยม มาทำความสะอาด มากราบไหว้ มาปิคนิคพักผ่อนที่นี่ ใต้ต้นจามจุรียักษ์ทั้งครอบครัว และทุกๆปีจะมีครอบครัวของเพื่อนสนิทมาด้วยทุกปีไม่เคยขาด นั่นคือ วินเซ่
“แฟร์ เสร็จแล้วมาทานข้าวนะ ฉันกับพี่นัตตี้เตรียมส้มตำมาตำด้วย” เสียงของวินเซ่ดังขึ้นอีกฝากหนึ่งของต้นไม้ยักษ์ ที่กำลังปูพื้นที่จัดข้างของปิคนิค ตำส้มตำอยู่พร้อมกับนัตตี้
มิวนิค แบล็คเกอร์ องศา และไม้โทกำลังจัดการทำความสะอาดพื้นที่ไม่ให้เกิดการรกจากต้นไม้ต้นหญ้า เหล่าบรรดาเด็กๆทั้ง 3 ก็กำลังวิ่งเล่นกันอยู่ใกล้กับสระน้ำเล็กที่ไม่ลึกมากนัก
จะเรียกว่าวิ่งเล่นคงไม่ถูก เพราะดูจากภายนอกแล้ว เด็กหญิงสิบขวบตัวเล็กๆนั่นกำลังวิ่งตามพวกพี่ๆฝาแฝดอยู่เสียมากกว่า
เฟร์ย่ากับเบย์ที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี แต่กับบอมพ์นั้นดูจะไม่ชอบเด็กผู้หญิงเอาเสียเลย คอยเอาแต่วิ่งหนี เดินหนีอยู่ตลอด บอมพ์และเบย์ อายุ 12 ขวบ เป็นฝาแฝดที่ต่างกันสุดขั้ว ฝาแฝดผู้พี่ท่าทางนิ่งสุขุม ไม่พูดไม่จาแต่พูดมาก็ปากไม่ค่อยดีเท่าไร ผิวขาว ผมดำ ตาน้ำเงินเข้มลักษณะทั้งหมดคล้ายกับตาของเขาทั้งหมด
ส่วนเบย์ฝาแฝดคนน้องที่มีลักษณะท่าทางร่าเริงสดใส ยิ้มเก่ง คุยเก่ง เฟรนลี่ ผิวขาว ตาสีน้ำตาลอ่อน ผมน้ำตาลอ่อนเหมือนกับแม่ของเขาอย่างกับแกะแบบออกมาเลยทีเดียว
“พี่บอมพ์ ขอเฟร์เล่นด้วยไม่ได้เหรอ” เสียงเล็กๆของเฟร์ย่าเจื้อยแจ้วพูดกับคนที่ตัวเองตามติด อยากเล่นด้วย
“ไม่” คำตอบสั้นๆ ของคนพูดน้อยอย่างบอมพ์ ทำเอาหน้าตายิ้มแย้มของเด็กหญิงเมื่อสักครู่หุบหายลงไปในทันที
“ใจร้ายที่สุด ขอเล่นด้วยก็ไม่ได้เหรอ” เฟร์ย่าโอดครวญ
“มาเล่นกับเราดีกว่าเฟร์ ไม่ต้องสนใจคนไม่น่าสนุกแบบนั้นหรอก” เสียงของเบย์ ฝาแฝดผู้น้องพูดกับเด็กหญิงตัวน้อยที่เขานึกเอ็นดู
“แต่น้องเฟร์อยากเล่นกับพี่บอมพ์” เด็กหญิงตัวเล็กพูดพร้อมกับทำหน้าตาอ้อน ในขณะที่เอามือเล็กๆกอดแขนแฝดคนพี่ไว้ แต่ก็เกาะได้ไม่ทันไรโดนสะบัดออกเสียแล้ว
“อย่ามาใกล้ ยัยเด็กน่ารำคาญ!” บอมพ์บอกออกมาเสียงเรียบและหน้านิ่ง พร้อมกับเดินหนีไป
“น้องเฟร์ไม่ได้น่ารำคาญ ทำไมพี่บอมพ์ต้องว่าเฟร์ด้วย เบย์ยังชมว่าเฟร์น่ารักเลย” เฟร์ย่าต่อว่าแฝดคนพี่ที่เป็นลูกของเพื่อนแม่ด้วยเสียงเล็กๆ
“ก็น่ารำคาญจริงๆ เดินตามเสียงงุ้งงิ้งเป็นแมลงวันตอมขี้เลย” บอมพ์บ่นพร้อมกับเดินหนี ในขณะที่เฟร์ย่าวิ่งตามเขาด้วยท่าทางดุ๊กดิ๊ก
“ใครกันที่เป็นแมลงวัน” เสียงเล็กถาม
“เธอ!” บอมพ์ตอบสวนทันที
“ถ้าเฟร์เป็นแมลงวันที่ตอมขี้ งั้นพี่ก็เป็นขี้น่ะสิ” เด็กชายได้ยินแบบนั้นก็หยุดยืนนิ่งทันที เพราะรู้สึกเหมือนโดนหลอกด่ายังไงไม่รู้ คนตัวเล็กเอียงคอชะโงกดูหน้าพี่ชายเย็นยาถามย้ำอีกครั้ง
“พี่บอมพ์จะเป็นขี้เหรอคะ” เฟร์ย่าถามด้วยน้ำและหน้าตาไร้เดียงสา ทำเอาเด็กชายโกรธหน้าดำหน้าแดง
“อย่า-มา-ใกล้-ฉัน!” บอมพ์บอกด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำบ่งบอกว่าไม่พอใจ แล้วเดินออกไปไม่สนใจ
บอมพ์เดินออกมาโดยไม่หันหลังไปดูว่าคนตัวเล็กจะโวยวายอะไร แต่แล้วก็ได้ยินเสียงร้องเรียกของเบย์ผู้เป็นน้องชายตะโกนโวกเวกโวยวาย
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที น้องเฟร์ตกน้ำ!!!” เบย์ตะโกนขอความช่วยเหลือ เพราะน้องสาวคนสนิทของเขาพลาดตกลงไปในสระน้ำเล็กๆ แต่เขาไม่สามารถลงไปช่วยได้เพราะเขาเองว่ายน้ำไม่แข็ง
บอมพ์ได้ยินแค่นั้นก็รีบวิ่งมาก่อนผู้ใหญ่หลายคน กระโดดลงน้ำแบบไม่คิด เพื่อช่วยเด็กหญิงตัวเล็กขึ้นมาที่ตอนนี้หมดแรงจมลงก้นสระแล้ว ไม่นานบอมพ์ก็ช่วยเด็กหญิงที่หมดสติไปแล้วขึ้นมาได้ก่อนผู้ใหญ่จะมาถึง
เมื่อบรรดาผู้ใหญ่มาถึงทุกคนต่างตกอกตกใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะแฟร์รี่และวินเซ่ที่ดูเหมือนจะตื่นตระหนกตกใจตามประสาผู้หญิง
“ว้ายยัยเฟร์ เป็นอะไรมากไหมลูก” เสียงของแฟร์รี่ถามระหว่างกำลังฝ่าวงล้อมของเหล่าคนที่กำลังยืนดูเด็กน้อยที่ถูกช่วยขึ้นมาได้แล้วแต่ยังไม่ได้สติ เพื่อเข้ามาดูลูกสาว
“ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก สำลักน้ำนิดหน่อย” เสียงทุ้มนุ่มนิ่งเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยของมิวนิค
“แล้วนี่น้องเฟร์ปลอดภัยหรือยังคะ” เสียงเล็กหวานของวินเซ่เอ่ยถามขึ้น
“ปลอดภัยดีแล้ว ดีที่เจ้าบอมพ์ลงไปช่วยขึ้นมาได้ก่อนจะสำลักน้ำมากกว่านี้” เสียงของแบล็คเกอร์ดังตอบภรรยาสาว วินเซ่หันไปมองลูกชายคนโตที่ตัวเปียกโชก ที่กำลังเดินหันหลังกลับไปที่รถเพื่อเปลี่ยนชุด
“ฟอร์มเยอะเหมือนเดิมเลยนะ เด็กคนนี้นี่” วินเซ่เอ่ยขึ้นในขณะที่มองตามหลังลูกชาย
“แต่ก็ลงไปช่วยโดยไม่คิดชีวิตเหมือนกันนะ ทั้งๆที่ตัวเองแค่ 12 ขวบ ช่วยไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้แต่ลงไปก่อนใคร ไม่รอใครด้วย” มิวนิคพูดพึมพำขึ้นกับทุกคนเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เกิดขึ้นเร็วมาก จนผู้ใหญ่อย่างเขาตั้งสติไม่ทัน แต่บอมพ์ ลูกชายเพื่อนกลับกระโดดลงไปช่วยโดยไม่คิดอะไรเลย
“ยัยน้องเฟร์ต้องถูกใจตาบอมพ์แน่ๆ” วินเซ่กล่าว เธอรู้จักลูกชายของเธอดี
“แต่แฟร์ว่า ตาบอมพ์น่าจะรำคาญยัยเฟร์มากกว่านะ เพราะดูเหมือนจะคอยหนีอยู่ตลอดเลย”
“ฉันว่าชอบ! ฉันรู้จักเขาดี เพราะชอบเลยฟอร์มเยอะ” วินเซ่ตอบแฟร์รี่
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเป็นต้นมา บอมพ์ก็ไม่ยอมอยู่ใกล้เฟร์ย่าอีกเลย แม้จะเป็นวันครบรอบวันไหว้หลุมศพ
ของครอบครัวตระกูลของแฟร์รี่ บอมพ์ไม่เคยมาเข้าร่วมอีก แม้ทั้งสองครัวจะนัดกันกินข้าว หรือมีกิจกรรมร่วมกัน เที่ยวด้วยกัน เขาก็ไม่เคยไป เอาแต่หลีกเลี่ยงตลอด เพียงเพราะเขาคิดว่า ไม่อยากอยู่ใกล้เฟร์ย่า เมื่อเฟร์ย่าอยู่ใกล้เขาทีไรเป็นต้องเจ็บตัวหรือโชคร้ายตลอด เขาจึงคอยหลีกเลี่ยงที่จะพบเจอเฟร์ย่าอยู่เสมอ
จนกระทั่งผ่านไป 10 ปี....โชคชะตา หรือ ฟ้ากำหนด ให้พวกเขาทั้งสองโคจรมาพบกันอีกครั้ง...
ถ้าเราสองคนคือคนที่ใช่...ยังไงโลกก็พาเราวนกลับมา...