ตอนที่ 2 ได้เจอกันแล้ว...
ได้เจอกันแล้ว...
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่า พี่ชื่อคีย์ อยู่ปี 2 วิศวกรรมคอมพ์หรือเปล่าคะ” เฟร์ย่าตัดสินใจเอ่ยถามขึ้น
เมื่อเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายคนดังกล่าวที่นั่งเล่นกีต้าร์อยู่โต๊ะนั่ง
“ใช่ครับ” หนุ่มหล่อหน้าใส ขาวตี๋ เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงหวานนั้น ก่อนตอบกลับด้วยรอยยิ้มแบบหนุ่มงเพลย์บอย
“พอดี พวกเราเป็นเด็กปี 1 ครับ ได้มาตามหาพี่รหัส ได้รหัสเป็นรูปกุญแจ กับ คำว่า กุญแจ เลยคิดว่าน่าจะเป็นพี่ครับ” เบย์เอ่ยขึ้นบ้าง
“แล้วเราสองคนเป็นอะไรกันล่ะ รู้จักกันเหรอ หรือเป็นแฟนกัน” คีย์ถามทั้งสองที่เห็นว่ามาด้วยกันแล้วดูสนิทสนมกันเกินที่จะเป็นเด็กปี1 ที่เพิ่งมาเจอกัน
“ไม่ได้เป็นแฟนกันครับ พวกเราสนิทกันตั้งแต่เด็ก พ่อแม่เป็นเพื่อนกัน” เสียงของเบย์เป็นฝ่ายตอบแทนเฟร์ย่า เขาคิดว่ารุ่นพี่คนนี้คงอยากรู้ว่าผู้หญิงสวยๆน่ารักๆอย่างเฟร์ย่ามีแฟนหรือยังแค่นั้นแหละ คงอยากจะจีบ อยากจะม่อเท่านั้นเอง
“อ่อ แล้วมีแฟนหรือเปล่าล่ะเราอ่ะ” คีย์หันกลับมาถามเบย์อีกครั้ง
“หมายถึงใครครับ ผมหรือเฟร์ย่า” เบย์ถาม
“ทั้งคู่แหละ พี่จะรับหรือไม่รับเข้ารหัส ก็อยากรู้ว่าน้องตัวเองมีแฟนกันหรือยัง จะได้รู้ขอบเขตว่าทำได้แค่ไหน ขนาดไหนที่ทำไม่ได้” คีย์อธิบายให้ทั้งคู่เข้าใจ เพราะคิดว่าทั้งสองคงคิดว่าเขาถามเพื่อจะม่อใส่น้องแน่ๆ และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เบย์คิดตั้งแต่คำถามแรกแล้ว
“ครับ/ค่ะ” น้องรหัสทั้งสองรับคำเป็นอันเข้าใจที่คีย์อธิบาย
“แล้วพี่จะให้พวกหนูทำอะไรบ้างคะ ถึงจะรับเข้าสายรหัส” เฟร์ย่าถามขึ้นอีก จะได้รีบทำให้จบๆแล้วกลับบ้าน
“ก่อนอื่นเลย พี่แนะนำตัวก่อน พี่ชื่อคีย์ เป็นพี่รหัสของเราทั้งสองคน สายรหัส ลุงรหัส ป้ารหัส ย่ารหัส เดี๋ยวพี่นัดพามาแนะนำอีกทีหลังจากที่พี่รับเข้าสายรหัสแล้วนะ แล้วพวกเราชื่ออะไรกันบ้าง รายงานตัวมาดังๆ ให้คนแถวนี้มองให้ได้” คีย์มอบภารกิจแรกให้กับน้องทั้งสอง
“ผมชื่อ สุรสินธ์ บูรณิมา ชื่อเล่นชื่อเบย์ อายุ 22 ปี แต่อยู่ปี 1 ครับ!!” เบย์แนะนำตัวด้วยเสียงดังลั่น ทำเอาคนผ่านไปผ่านมามองมาที่พวกเขาเป็นตาเดียว สร้างความพอใจและรอยยิ้มให้กับคีย์พี่รหัสได้เป็นอย่างดี
“ดีมาก น่ารักดี” คีย์เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“หนูชื่อ เฟรีดา วรารินทร์ ชื่อเล่นชื่อเฟร์ย่า อายุ 20 ปี ค่า!!” เฟร์ย่า ตะโกนแนะนำตัวตามเบย์จนสุดเสียง ทำเอาคนแถวนั้นมองมาแล้วยิ้มด้วยสายตาเอ็นดูกับท่าทางน่ารักของเธอ
“555 ดีมากทั้งสองคน เอาเป็นว่าเรารู้ชื่อเล่นกันแล้วนะ การรับเข้าสายรหัสของตระกูลพี่ไม่ยากเหมือนตระกูลอื่น ถ้าเป็นผู้ชายแค่ดวลเหล้ากับพี่ 10 ช็อต ถ้าเมาน้อยกว่าพี่ถือว่าผ่าน ส่วนน้องผู้หญิงถ้าสามารถกิน 2 ช็อตแล้วทำให้นักร้องบนเวทีแซวได้โดยไม่มีการไปอยู่หน้าเวที ถ้าทำได้พี่ให้ผ่าน เพราะฉะนั้นน้องรหัสของพี่ต้องเด็ดพอ ทั้งชายและหญิง” คีย์อธิบายวิธีเข้าสายรหัส
สำหรับเบย์ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเขาไปกินเหล้ากับพี่ชายฝาแฝดบ่อยที่คลับของพ่อ ส่วนเฟร์ย่าเรื่องกินเหล้าแค่ 2 ช็อต ไม่มีปัญหา เพราะยัยนี่ตัวตึงได้เชื้อแม่ของเธอกับแม่ของเขามาเต็มๆ แต่ที่จะยากคงเป็นการทำให้นักร้องบนเวทีมาสนใจคนตัวเล็กๆที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของคนเยอะๆนี่สิ คงยากที่จะทำได้
“โอเคค่ะ พวกเราคิดว่าทำได้นะ” เฟร์ย่าตอบกลับ
“แล้วทั้งสองไม่มีแฟนใช่ไหม พ่อแม่หวงหรือเปล่า ให้ออกมากลางคืนได้ไหม” คีย์ถามต่อ
“ได้ค่ะ เฟร์กับเบย์อยู่คอนโด แต่คนละคอนโดค่ะ” เฟร์ย่าบอก เธออยู่คอนโดของแม่ที่พ่อซื้อให้ทั้งตึก ส่วนแม่กับพ่อก็ไปอยู่ที่บ้านซะส่วนใหญ่ ส่วนเบย์ก็อยู่คอนโดของตัวเองกับพี่ฝาแฝด แต่คนละชั้นกัน เธอไปห้องเบย์แต่ก็ไม่เคยเจอพี่บอมพ์เลยสักครั้ง
“โอเคๆ งั้นคืนนี้เจอกัน สี่ทุ่ม ที่คลับ BK มากันได้ไหม” คีย์หันไปถามเบย์ที่ยืนอยู่ข้างๆเฟร์ย่า ที่ตอนนี้คีย์รู้แล้วว่าเบย์อายุมากกว่าเขา เพราะซิ่วมาปี1
“ได้ครับ เดี๋ยวพวกเราไป คลับนั้น...ไม่มีปัญหา พวกเราไปบ่อย” เบย์ตอบหน้ายิ้มๆ จะมีปัญหาได้ยังไง ก็คลับนั้นเป็นคลับของพ่อเขา ที่มีพี่ชายคอยดูแลอยู่ด้วยทุกวัน
“งั้นเจอกันนะ”
“พวกหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ เดี๋ยวมีนัดกับครอบครัวด้วย สี่ทุ่มเจอกันค่ะ” พูดจบทั้งเฟร์ย่าและคีย์ก็รีบเดินกลับออกไป เพราะวันนี้พวกเขาเลิกเรียนต้องไปรวมตัวกับครอบครัวของทั้งสองที่สนามแข่งรถของพ่อเธอ เพื่อฉลองที่พวกเธอได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย เฟร์ย่าแอบลุ้นว่านัดรวมครอบครัวกันครั้งนี้ บอมพ์จะมาด้วยไหม
ทั้งสองเดินเข้ามาในสนามแข่งรถที่ตอนนี้เงียบสนิท มีผู้คนประปรายที่มาเช่าซ้อมแข่งรถอยู่กลางสนาม
ห้องออฟฟิตของสนามแข่งที่มีกระจกอยู่รอบด้านเพื่อเอาไว้ดูการแข่งขัน ภายในห้องมีครอบครัวของเฟร์ย่าและเบย์อยู่กันพร้อมหน้า พอทุกคนเห็นทั้งคู่ก็ยิ้มแย้มต้อนรับเหมือนไม่เจอกันมานานแรมปี
“เย้ๆๆตาเบย์กับหนูเฟร์มาแล้ววว คิดถึงจังเลยลูกกก” วินเซ่พูดพร้อมกับอ้าแขนทำท่าจะเข้าไปกอดลูกชายแฝดคนเล็ก แต่เบย์เบี่ยงหลบซะก่อน ทำเอาใบหน้าวินเซ่บูดบึ้งส่งสายตาค้อนควับไปให้ลูกชายทันที ก่อนจะเปลี่ยนหันไปหาเฟร์ย่าลูกสาวของเพื่อนสนิท เข้าสวมกอดแน่นทันที
“แม่อย่ากอดเฟร์แน่น เดี๋ยวลูกสาวเขาจะหายใจไม่ออกตายพอดี” เบย์แซวแม่ตัวเอง
“ก็ฉันรักของฉันนี่ ไม่มีลูกสาวสวยๆน่ารักๆ จับแต่งตัวเลย มีแต่ลูกชาย คนนึงก็เย็นชาขี้รำคาญ อีกคนก็หวงเนื้อหวงตัว” วินเซ่ส่งสายตาค้อนๆมองด้วยหางตาไปทางเบย์
“จับผมแต่งตัวก็ได้นะ ไม่ติด” เบย์ตอบพร้อมกับเดินไปนั่งที่โซฟาข้างกับแฟร์รี่ แม่ของเฟร์ย่าที่กำลังนั่งยิ้มกับความแสบซนของเพื่อและลูกชายของเธอ
“แต่แม่ติดย่ะ จะให้แม่จับแกแต่งหญิงเหรอ”
“อยากมีลูกสาวก็มีสักคนสิ” แฟร์รี่บอกยิ้มๆ
“โอ้ย ไม่ไหวหรอก มีสองแสบก็ปวดหัวจะแย่ แถมหนุ่มๆก็โตไกลน้องกันหมดแล้ว”
“งั้นก็เอาเฟร์เป็นลูกสะใภ้ดิ จะได้มีลูกสาวสมใจ จับแต่งตัวไปเลย” เบย์บอกแม่แล้วยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ เขาส่งให้เฟร์ย่าแล้ว เจ้าตัวได้แต่เขินหน้าแดง เพราะรู้ว่าที่เบย์พูดหมายถึงใคร แต่วินเซ่กลับคิดว่าเฟร์ย่ากับเบย์คบกันถึงขั้นจะให้เป็นลูกสะใภ้
“ก็ดีนะ หนูเฟร์ยิ่งเป็นนางแบบด้วย” วินเซ่ยิ้มร่าอย่างมีความหวัง
“แต่หนูเป็นนางแบบเน้นถ่ายวาบหวิวนะคะ” เฟร์ย่าบอกเกี่ยวกับงานอดิเรกที่ทำ
“น้าไม่ติดจ้ะ น้ารู้ว่าหนูเซฟอย่างดี หนูสวย แต่งอะไรก็สวย” วินเซ่ยังกอดหลานสาวสุดรักไว้หลวมๆ
“มาๆๆ วันนี้เรามาฉลองให้ทั้งคู่ที่ได้เข้าเรียนที่เดียวกับตาบอมพ์ น้องเฟร์น่ะยังพอเข้าใจ เพราะเป็นน้องปีหนึ่งตามวัย แต่...ตาเบย์ ทำไมไปเข้าปีหนึ่งอีกรอบ” วินเซ่หันไปถามที่ลูกชายตัวเองที่นั่งสบายอารมณ์อยู่บนโซฟา เธอคิดว่าเบย์ลูกชายคนเล็กของเธออาจจะเป็นแฟนกับเฟร์ย่าแล้วตามไปเรียนด้วยกัน
“เรื่องของผม” เบย์ตอบแบบไม่ยี่หระ
“เอ๊า! ไอ้ลูกชายคนนี้ มันกวนจริงๆ”
“เอ่อ...พี่บอมพ์ไม่มาอีกแล้วเหรอคะวันนี้” เฟร์ย่าถามขึ้นก่อนที่ทั้งคู่แม่ลูกจะเถียงกันไม่หยุด เธออดใจไม่ไหวที่อยากจะรู้ ทำเอาเบย์อมยิ้มให้กับเพื่อนรุ่นน้องที่อยากรู้เรื่องพี่ชายจนอดใจที่จะถามไม่ไหว
“เห็นตาบอมพ์บอกจะมานะ แต่ไม่รู้ว่าจริงไหม กลัวจะบอกปัดๆไปงั้น แล้วก็ไม่มา”
“มา!!” เสียงทุ่มต่ำนิ่งเรียบของชายวัยรุ่นที่เดินเข้ามาใหม่เอ่ยขัดคนเป็นแม่ ทำเอาทุกสายตาในห้องหันไปหาต้นเสียงเป็นทางเดียว
ชายหนุ่มตัวโต รูปร่างสูงโปร่ง ขายาวในชุดเสื้อช็อปสีเลือดหมูเข้มของนักศึกษาวิศวะ กางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำตัดกับผิวขาว ผมดำตัดกับผิวทำให้ใบหน้าดูสว่างใส จมูกโด่งเป็นสันได้รูป รับกับปากหยักสีชมพูธรรมชาติ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มออกดำ ทุกส่วนดูดีดูหล่อเหมือนกับหลุดออกมาจากในนิยาย ทุกคนยิ้มนิดๆเมื่อเห็นผู้เข้ามาใหม่
แต่คนที่ยิ้มกว้างจนปิดไม่มิดคงมีเพียงเฟร์ย่าคนเดียว ที่ยิ้มกว้างไม่หุบ นิ่งค้าง สายตาจดจ้องไปที่เขาไม่ละสายตา แต่สายตาคมนั้นไม่แม้แต่จะมองมาที่เธอเลยด้วยซ้ำ
“เก็บอาการหน่อย” เบย์ลุกมาหยุดยืนกระซิบข้างๆเฟร์ย่า เฟร์ย่าจึงต้องเก็บอาการในทันที
เธอเจอเขาในรอบหลายสิบปี ที่ผ่านมาแอบชอบเขามาตลอด ไม่เคยเปลี่ยน แม้จะไม่เคยเห็นตัวจริง แค่ดูผ่านรูปก็ยอม ในห้องนอนที่คอนโดเธอก็มีแต่งรูปเขา เธอคลั่งรักเขามานานจนเบย์อดที่จะเห็นใจแล้วหาวิธีช่วยไม่ได้
“ทำไมวันนี้มาได้เนี่ย ตาบอมพ์” วินเซ่ถามลูกชายคนโต ที่วันนี้ยอมมาได้ เธอรู้ว่าถ้ามีเฟร์ย่ามาลูกชายเธอจะไม่มา ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน คิดว่าเขาคงไม่ชอบอะไรในตัวเฟร์ย่ามากๆ หรือเพราะตอนเด็กๆเฟร์ย่าเอาแต่ตามเขา เขาขี้รำคาญเลยไม่ชอบ
“มาดูหน้าเด็กผู้หญิงที่เข้าเรียนวิศวะ ที่มีแต่ผู้ชาย” เขาพูดเสียงเรียบ สายตาคมเข้มหันไปมองคนตัวเล็ก พอดีกับที่เฟร์ย่าหันมาสบเข้าพอดี เธอรีบหลบสายตานั้น ทั้งเขินอายและกลัวในเวลาเดียวกัน ใจแทบจะหลุดออกมา
“นั่นสิ แม่ก็อยากรู้ เราคิดยังไงเข้าเรียนวิศวะ” แฟร์รี่หันไปถามลูกสาว
“เอ่อ...หนูอยาก...” เฟร์ย่าอ้ำอึ้ง จะบอกยังไงล่ะว่าไปเรียนเพราะตามผู้ชายไป
“ก็บอกแม่ไปดิ ว่าหนูอยากเข้าไปเรียนและก็หาแฟนไปด้วยเลยค่ะ วิศวะผู้ชายเยอะดี” เบย์พูดแทนเฟร์ย่าแบบยิ้มๆ
ความจริงแล้วเพราะอะไรเขารู้ดี แต่ที่เขาพูดแบบนี้เพราะอยากรู้ปฏิกิริยาของพี่ชายตัวเองว่าจะทำยังไง เขาได้แต่สายตาคมกลับมา ที่ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าสายตาคมคู่นั้น เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเขาเสียให้ได้
“จริงเหรอเนี่ย ยัยเฟร์!!” แฟร์รี่รีบหันมาถามลูกสาวทันที
“พี่เบย์!!” เฟร์ย่าหันไปแว้ดใส่พี่ชายคนสนิท
“จริงไหมหนูเฟร์” คราวนี้วินเซ่เอ่ยถามขึ้นมาบ้าง ทุกสายตาหันมาจ้องหลานสาวคนเดียวของกลุ่มเป็นตาเดียว คาดคั้นเอาคำตอบ รวมถึงสายตานิ่งคู่นั้นด้วยที่จ้องมาแบบเดาไม่ได้เลยว่าเขารู้สึกอย่างไร
“จะไปจริงได้ไงคะ พี่เบย์แกล้งเฟร์ จริงๆเฟร์อยากท้าทายตัวเองว่าจะทำได้ไหม อีกอย่างเฟร์อยากได้เกียร์ของชาววิศวะค่ะ จะยากขนาดไหนกันนะกว่าจะได้มา” เฟร์ย่าอธิบายพร้อมรอยยิ้มสดใส
“ถ้าอยากได้ก็เป็นแฟนกับตาบอมพ์สิลูก จะได้เกียร์ของพี่เขา ไม่เห็นต้องไปหาเองเลย” วินเซ่ที่ไม่รู้เรื่องอะไร
เสนอเล่นๆโดยไม่คิด แต่คนฟังที่รู้ดีกลับหน้าแดงถึงใบหู และแอบชำเรืองมองคนที่ถูกอ้างถึงว่าเขาจะตอบว่าอะไร
“เบย์...ไปแข่งรถกันสักรอบ” เสียงของบอมพ์ขัดเปลี่ยนเรื่องขึ้นด้วยการชวนน้องตัวเองแข่งรถ
“แข่งกับพี่ก็แพ้ดิ” เบย์พูดตอบแต่ก็ยอมลุกเดินออกไปพร้อมกับพี่ชาย เขาใช้แขนของตัวเองชนกับแขนของพี่เล็กน้อยก่อนจะเอ่ยแซวเมื่อเดินออกมาแล้วอยู่กันสองคน
“เปลี่ยนเรื่องชวนแข่งรถ แก้เขินเหรอ” เบย์พูดพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์
พี่ชายเขามองหน้าเขานิ่งแล้วเดินต่อไป ไม่ตอบอะไร ทำเป็นไม่สนใจ เบย์ได้แต่ยิ้มและเดินตามหลังลงไปที่สนาม พี่ชายเขาคิดอะไรเขาเดาใจไม่ค่อยถูก ถึงจะเป็นฝาแฝดกันก็เถอะ แต่เขารู้อย่างหนึ่งว่า อาการเมื่อกี้คือเขิน เวลาเขินเขาจะปากไม่ตรงกับใจมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว