CHAPTER 5
Love Your Body
-มิวะ-
“ครับ...” ผมตอบร่างนุ่มมือที่ครางและแยกเข่าชนผนัง
มิกิ...ผมนึกถึงสมัยเด็กที่เราสองคนไปเล่นน้ำที่สวนน้ำด้วยกัน ใครๆ ก็ชมว่ามิกิน่ารัก ตัวขาวๆ...แต่ก็ไม่ขาวมากจนดูบอบบาง
เธอชอบสายลมและแสงแดด มาถึงตอนนี้เธอก็ไม่ได้สำอางค์จนหลบแดดเหมือนหลบสิ่งที่น่ากลัว
ชอบครับ ผมชอบเธอมาก
ไม่มีอะไรที่ผมจะเล่าหรืออธิบายได้มาก
ชอบก็คือชอบนั่นล่ะ
-มิกิ-
“มิกิ พักนี้สวยขึ้นนะ” ที่วิทยาลัยลิลลี่ทักฉันแต่เช้า
เพื่อนคนอื่นๆ ก็ตั้งข้อสังเกตไปในทำนองเดียวกัน
“แต่งตัวเก่งขึ้นล่ะ”
“เหมือนว่ามิกิดูแลตัวเองดีขึ้นเลย”
“ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่งนี่นะ”
สามวันต่อมาพ่อแม่ของฉันชวนฉันกับพี่มิวะไปกินข้าวที่บ้านของพ่อแม่อีกครั้ง ระหว่างกินอาหารเย็นร่วมกันนั้นเอง...
“ตอนนี้มิกิย้ายไปพักกับพี่มิวะหรือว่าพี่เขาย้ายเข้ามาอยู่กับมิกิจ๊ะ? อะไรนะยังอยู่คนละหอ?” พ่อแม่มองหน้ากัน
ก่อนที่ทั้งสองท่านจะยิ้มแห้ง “พ่อแม่ก็ไม่เคยมีลูกสาวออกเรือนเลยอาจจะติดขัดอะไรไปบ้าง ยังไงซะเราจะเริ่มคิดเรื่องหาเรือนหอให้นะจ๊ะ แต่ไม่ซีเรียสหรือรีบใช่ไหม?”
“ไม่ต้องลำบากเรื่องหาเรือนหอนะครับ / ค่ะ” เอ่ยจบฉันและพี่มองหน้ากัน เพราะพูดออกมาพร้อมกันในเรื่องเดียวกัน
อา...เหมือนเนื้อคู่เลย
“แล้วเรื่องจดทะเบียนสมรสล่ะ จดไปเลยก็ได้นะจ๊ะแต่จะเปลี่ยนจาก “นางสาว” เป็น “นาง” หรือไม่เปลี่ยนก็ตามใจมิกิ จะใช้นามสกุลเดิมหรือเปลี่ยนเป็นใช้นามสกุลพี่มิวะก็ตามสบาย”
หลังจากนั้นพ่อแม่ก็คุยเรื่องชีวิตคู่ของฉันกับพี่มิวะและถามอีกสารพัด
“แล้วงานแต่งงานล่ะต้องมีไหม? หรือไม่ต้อง? พ่อคิดว่าไง?”
“พ่อว่าจัดงานเล็กๆ ดีกว่านะ”
“เอาเข้าจริงๆ มีเรื่องที่ยังไม่ได้คิดอยู่หลายเรื่องนะเนี่ย”
“เออน่าคุณ เด็กเขารักกันมันก็โอเคแล้ว ไม่ต้องพิธีการมากหรอกน่า”
สุดท้ายหลักๆ ก็เป็นพ่อแม่ที่พูดคุยและตกลงกันเอง
“กินเยอะๆ นะจ๊ะ”
ทั้งที่ตอนแรกฉันรู้สึกเหมือนเรื่องการแต่งงานของฉันกับพี่มิวะมันไม่ได้เกิดขึ้นหากแต่...
ฉันแต่งงานกับพี่มิวะแล้วจริงๆ สินะ
หลังจากนั้นสองอาทิตย์ฉันกับพี่มิวะจัดงานแต่งงานเล็กๆ ขึ้นในครอบครัวโดยมีญาติของสองฝ่ายเท่าที่อยู่ในโตเกียวมาร่วมงานไม่เกินยี่สิบคน
เราไม่ได้ชวนญาติต่างจังหวัดมาเพราะไม่อยากให้พวกเขาต้องลำบากเรื่องการเดินทาง
หลังพิธีที่เรียบง่ายเราก็ไปที่อำเภอ
ฉันจดทะเบียนแต่งงานกับพี่มิวะแล้ว
“พี่มิวะของช้าน!! ฉันจอง!”
“ห้ามจอง! พี่มิวะเป็นของทุกคนต่างหาก!”
“งือ...ฉันมองพี่เขาแล้วเคลิ้มทุกทีเลย”
ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนในวิทยาลัย...หากพี่มิวะอยู่แถวนั้นฉันมักได้ยินคำพูดชื่นชมจากนักศึกษาหญิงอย่างต่อเนื่อง
“มิกิคนดีที่สุดในโลกช่วยเป็นแม่สื่อให้ฉันกับพี่มิวะทีซี่...” นี่ก็อีกคนที่มาอ้อนกอดแขนฉัน ตอนนี้ฉันเดินห่างจากพี่มิวะสิบก้าวเลยไม่ได้ดูเหมือนมาด้วยกัน
“มิวะ...” จู่ๆ เสียงทักหวานๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น แน่นอน...นั่นเป็นเสียงของผู้หญิงเหมือนทุกครั้ง ฉันลากสายตาไปยังพี่มิวะที่เดินอยู่ข้างหลังห่างออกไป
คุยกับคนนั้นเสร็จพี่ก็ต้องคุยกับคนนี้
“ขอถามอะไรหน่อยสิ”
“ช่วยอะไรเราหน่อยได้หรือเปล่า”
“มาทางนี้หน่อยได้ไหมมิวะ...”
มีผู้หญิงมาทักชายที่โดดเด่นที่สุดคนนั้นคับคั่งไปหมด ที่จริงทุกวันก็เป็นแบบนั้น ส่วนการแต่งงานของเรายังไม่ได้ประกาศออกไปและที่จริงเหมือนจะเป็นความลับด้วยซ้ำ
“สวยขึ้นอีกแล้วนะมิกิ” บ่ายวันเดียวกันเพื่อนกลุ่มใหม่ที่เพิ่งเห็นฉันเช้านี้ทักฉันด้วยคำชมเดิม “หรือว่ามีความรัก?”
ฉันหน้าแดงกับคำถามสั้นๆ นั้นก่อนที่รุ่นพี่มิวะจะเดินมาพร้อมกับตุ๊กตาน่ารักในมือ
พี่ยื่นตุ๊กตาให้ฉัน “มิกิชอบสีชมพูหรือเปล่า? เจ้าขนฟูนี่พี่เห็นเด็กเอามาเดินขายพอดี มันดูน่ารักเลยซื้อให้น่ะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
พี่ไปแล้ว
ฉันยังหน้าแดงเหม่อมองร่างสูงในเชิ้ตขาวที่เดินห่างออกไปจนลับตา
ตุ๊กตาในมือทำให้เพื่อนผู้หญิงที่เพิ่งทักฉันเมื่อกี้เหล่เอา “มิกิตกหลุมรักรุ่นพี่มิวะละสิ งั้นก็โหดหินหน่อยนะหึๆ เพราะเขาเป็นชายที่สูงส่ง เลอค่าเหมาะจะเอาไว้ฟอลโล่เหมือนซุปตาร์”
ก็นั่นล่ะ ฉันดูไม่ค่อยคู่ควรกับพี่เลยไม่ว่าจะตีลังการมองในมุมไหน
เพราะงั้นก็เลยได้แต่ตอบออกไปตามจริง “นั่นสินะ”
...
“ฉันต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง”
นั่นเป็นสิ่งที่ฉันพูดกับตัวเองในเย็นวันเดียวกันเพื่อให้ฉันเป็นคนรักที่คู่ควรกับพี่มิวะ
ฉันเริ่มดูคลิปแต่งหน้าและเรียนรู้เรื่องการดูแลความสวยของตัวเอง
การเสริมบุคลิก...
สิบวิธีทำให้สวยขึ้น...
ยี่สิบวิธีปรับบุคลิกให้น่ารักในข้ามคืน...
“เดิน...ต้องเดินโดยให้เข่าชิดกันอยู่เสมอเหรอถึงจะดูดี?” ฉันพึมพำกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ “ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย...”
วิธีนั่งไขว้ขาและโพสต์ท่าถ่ายรูปให้ดูดี...
การมิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อผ้า....
เสื้อหลวมแล้วกางเกงอย่าหลวมด้วยนะ
กางเกงหลวมแล้วเสื้ออย่าหลวมด้วยนะ
“รองเท้าสีเบจจะทำให้ดูขาเพรียวยาวกว่าใส่รองเท้าสีทึบนะจ๊ะ” กูรูเรื่องความสวยความงามในบล็อกหนึ่งบอก
โอ้ เท็คนิคอัศจรรย์พวกนี้มันมาจากไหนกันนะ?
คนคิดต้องฉลาดระดับไอน์สไตน์แน่ๆ!
“มิกิ แว่นหายเหรอลูก?” คุณแม่ทักเมื่อฉันมาถึงบ้าน วันนี้เป็นวันพฤหัสที่ปกติฉันนอนหอแต่กลับรู้สึกอยากค้างที่บ้านคุณแม่อีกสักคืน “แม่ซื้อแว่นให้หลายอันแล้วเพราะงั้นรอบนี้แม่จ่ายไม่ไหวแล้วนา...”
“แว่นยังอยู่ค่ะแต่หนูไปซื้อคอนแท็คเลนส์มาใส่”
แม่อ้าปากค้างไปสามวิเหมือนความรู้สึกช้าและเพิ่งสังเกต “แล้วผมของหนู...?”
“หนูไปทำผมสีอ่อนมาค่ะ เปลี่ยนบรรยากาศ”
แม่นิ่งอึ้งไปอีก “แม่ว่า...”
ฉันรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเลยเมื่อแม่จ้องเอาๆ แบบนี้ “เอ่อ...แม่คิดว่าหนูดูเป็นไงบ้างคะ?”
แล้วจู่ๆ แม่ก็กระโดดกอดฉันแน่น “ว้าวน่ารักจังเลยมิกิ แม่รักมิกิลุคนี้ที่สุดเลยจ้า!”