Black boss ร้ายนักแต่รักนะ

78.0K · จบแล้ว
Xmaniac
74
บท
20.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาก็แค่อยากได้หล่อนมาบำบัดความใคร่ หล่อนก็แค่อยากได้เงินเพื่อให้ชีวิตหลุดพ้นความลำบาก ฉากหน้าเป็นเจ้านายกับเลขา ฉากหลังคือหน้าที่พิเศษบนเตียง โดยมีข้อตกลงสำคัญที่มีเนื้อใหญ่ใจความว่า ‘ ห้ามมีคนอื่นในระหว่างนั้น ห้ามทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ห้ามรู้สึกอะไรกับผมนอกจากอารมณ์ทางเพศ ห้ามตกหลุมรักผม ’ มันคงจะง่ายหากเขาไม่ได้เพอร์เฟคไปทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งหล่อ ล่ำ กำยำ สูงใหญ่ สายเปย์ ที่ร้ายสุดคือบทรักเร่าร้อนที่ทำให้หล่อนหลงใหล แถมเขายังเป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตอีก ..งานยากแล้วคราวนี้.. ตัวอย่างจากในเล่ม : เขาลุกขึ้นยืนเหยียดเต็มความสูงเมตรแปดสิบห้า อวดเรือนร่างเปลือยเปล่ากำยำแห่งวัยฉกรรจ์อันอัดแน่นไปด้วยลอนกล้าม มันงดงามราวรูปสลักไปทุกส่วนสัด งดงามและน่าเกรงขาม ทำให้หล่อนรู้สึกชื่นชม ตื่นกลัว คอแห้งผากกระสันใคร่ใฝ่รู้ สับสนไปหมดแล้ว... โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนนั้น ตรงใจกลางระหว่างขาที่ยื่นออกมาจากหน้าขากำยำ มันช่างดูเข้มแข็ง คุกคาม ยิ่งใหญ่ และน่ากลัว แต่กลับสะกดสายตาไม่ให้หล่อนละเลยไปได้ อริสาจ้อง จ้อง และจ้องจนตาเป็นมัน... พยัคฆินเลื่อนฝ่ามือใหญ่มากำส่วนนั้นไว้แล้วขยับข้อมือสาวเข้าออกช้า ๆ นั่นมันทำให้ลมหายใจของหล่อนติดขัด “ Do you wanna be mine , Little girl ? ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบห้าวเจือสั่นพร่าด้วยฤทธิ์ราคะ หล่อนนั่งอ้าปากค้าง ราวกับกล้ามเนื้อในเรือนกายได้ตายไปหมดแล้ว เขาสาวเท้าเข้ามาใกล้อีกก้าว จนสิ่งนั้นมันห่างจากปากของหล่อนเพียงไม่ถึงฟุต แล้วปล่อยมือให้มันเป็นอิสระ ก่อนจะใช้มือข้างเดียวกันนั้นประคองใบหน้าหวานไว้ในอุ้งมือ ไล้นิ้วโป้งเบา ๆ บนริมฝีปากนุ่มนิ่ม แล้วเอ่ยถามอีกครั้ง “ พร้อมจะเป็นของผมหรือยัง ที่รัก ”

นิยายรักโรแมนติก

ชีวิตอันแสนเหน็ดเหนื่อย

ปัง ๆๆๆ !

เสียงรัวเคาะประตูอย่างไม่เกรงอกเกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหม สลับกับแหกปากร้องเรียกคอแทบแตกดังขึ้นหน้าห้องเช่าราคาถูกในซอยของชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง

“ นี่ นังอารี นังอาย เจ๊รู้นะว่าอยู่ในนั้นทั้งแม่ทั้งลูกน่ะค่าเช่าน่ะสามเดือนแล้วนะโว้ย เมื่อไรจะจ่าย ที่นี่ห้องเช่านะ ไม่ใช่สถานบริการผู้ยากไร้ ไม่ใช่มูลนิธิบรรเทาทุกข์ จะได้อยู่ฟรีกันอย่างสบายหอยน่ะ ” เสียงเจ๊ม้อย เจ้าของตลาดสดและห้องเช่าโวยวายอยู่หน้าห้อง ที่ภายในมีสตรีสองวัยนั่งกอดกันเงียบกริบ

“ มึงจะเปิดไม่เปิด ถ้าไม่เปิดกูพัง เฮ้ย ถีบ ! ”

เจ๊ม้อยหันไปสั่งสมุนตัวใหญ่ด้านหลังที่กำลังเงื้อส้นตีนอย่างว่องไว เป้าหมายคือประตูห้องที่ทำจากไม้อัดเบื้องหน้า ทว่ายังไม่ทันได้ลงน้ำหนัก เสียงร้องห้ามด้านหลังก็ทำให้ชะงักไว้ทัน

“ เดี๋ยว ! ”

ทั้งสามหันมาประจันหน้าคนขัดจังหวะ

“ เสือกอะไรด้วย ไอ้เพียว ” หนึ่งในสองหมารับใช้ของเจ๊ม้อยถามผู้มาเยือนอย่างเอาเรื่อง

เพียว ชายร่างสันทัด ผิวสีเข้มประสาชายไทย สืบเท้าเข้ามาใกล้

“ อายติดค่าเช่าเท่าไรเจ๊ ”

“ สามเดือน สี่พันห้า ” เจ๊ม้อยกระชากเสียงตอบ

“ เอานี่ ผมจ่ายให้ แถมค่าเช่าเดือนหน้าด้วยเลย ”

เขาว่าพลางหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเปิดนับเงินให้นางหกพันบาท ริมฝีปากสีแดงแจ๊ดที่บึ้งตึงของเจ๊ม้อยเมื่อครู่กลับกลายเป็นยิ้มแย้มทันที

“ ดีมากอาเพียว แต่ขอถามนิดหนึ่งนะ ทำไมลื้อต้องจ่ายเงินค่าห้องให้อายมันวะ หรือว่าได้เสียเป็นเมียผัวกันเรียบร้อยแล้ว ”

“ อย่ามาพูดจาให้ร้ายคนอื่นแบบนี้นะ อายกับผมเป็นแค่เพื่อนกัน เสร็จธุระก็กลับไปได้แล้ว ” เพียวสวนขึ้น เล่นเอาเจ๊ม้อยหน้าหุบ ก่อนหันไปสั่งสองสมุน

“ เฮ้ย กลับโว้ย ”

ก่อนเขาจะหันไปเคาะประตูห้องที่เกือบจะโดนกระทืบทะลุเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

“ อาย นี่เพียวเอง เปิดประตูให้หน่อย ”

สักอึดใจประตูก็ถูกเปิดออกช้า ๆ พร้อมด้วยสายตาหวาดกลัวของคนอยู่ข้างใน

“ ไม่ต้องกลัว เราจ่ายให้หมดแล้ว ”

“ อ้าว แล้วเพียวไปเอาเงินมาจากไหนตั้งสี่ห้าพันขนาดนั้น ”

“ เข้าไปคุยข้างในเหอะ ” เพียวว่าเมื่อเห็นคนในห้อง อื่น ๆ โผล่หน้ามาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ ไอ้พี่เอกมันขโมยเงินที่เราให้แม่ไว้จ่ายค่าห้องไปหมดเลย ” อริสา หรืออาย พูดถึงพี่ชายนักพนันของตัวเองด้วยน้ำตาปริ่มขอบตา ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ

“ อายก็อย่าไปว่าพี่เขาเลยลูก เอกมันคงมีเรื่องจำเป็นต้องใจ ” นางอารีผู้เป็นแม่รีบแก้ตัวแทนลูกชายทันที หญิงสาวถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนบ่นเสียยาว

“ แม่ก็เป็นเสียอย่างนี้ แก้ตัวแทนพี่เอกตลอด ทั้งที่แม่ก็รู้ว่ามันติดบอล ติดเหล้า ติดการพนัน ก็เป็นซะแบบนี้เมียถึงได้หนีไป ให้ท้ายมันแบบนี้แล้วเมื่อไรมันจะคิดได้ หามาได้เท่าไรก็ถมไม่เต็ม ”

“ เดี๋ยวแม่จะพยายามโทรหามันนะ ให้มันรีบเอาเงินมาใช้ให้เพียว ” นางอารีว่า

“ ครับน้าอารี ” เพียวตอบ ก่อนจะมองไปที่เพื่อนอย่างเห็นใจ

เขากับอริสาเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่อนุบาล จนตอนนี้เรียนจบมหาวิทยาลัยทั้งคู่ อริสาทำงานที่ร้านสะดวกซื้อที่ต้องเข้ากะหมุนวนยี่สิบสี่ชั่วโมง ส่วนตัวเขามีเพื่อนรุ่นพี่ชวนไปเป็นพนักงานยกกระเป๋าในโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง

“ เรียนจบตั้งปริญญา เสือกไปเป็นเด็กยกกระเป๋า ทุเรศฉิบหาย ไม่มีสมอง ไม่มีศักดิ์ศรี ” นี่คือคำที่ชาวบ้านครหานินทา โดยหารู้ไม่ว่าไอ้เด็กยกกระเป๋าอย่างเขาได้เงินเดือนบวกทิปแล้วเดือนหนึ่งไม่เคยต่ำกว่าสามสี่หมื่นเลย

“ กินมื้อเช้ายัง ” เอกถามอริสาที่นั่งหมดอาลัยตายอยากกอดเข่าอยู่บนพื้น หล่อนส่ายศีรษะ

“ ไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือร้านพี่บัวกัน เราเลี้ยง ”

“ ไม่หิว ”

“ ไม่หิวก็ต้องกิน ซื้อมาให้น้าอารีด้วย น้าอารีต้องกินยานะ ลืมแล้วหรือไง ” เพียวเร้าหรือ อีกฝ่ายจึงจำใจลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาก่อนเดินตามกันออกไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวเรืออันเป็นเป้าหมาย

“ อายเหนื่อยว่ะเพียว ”

อริสาพูดขึ้นเบา ๆ เพียวจ้อง มองเพื่อนรักอย่างสงสารจับใจ