บท
ตั้งค่า

CHAPTER 01 / 1

ห้องนอนสีชมพูฟรุ้งฟริ้งยังคงสะอาดสะอ้านด้วยฝีมือทำความสะอาดของแม่เล็ก

ฉันเดินเข้าไปหยิบเจ้ากาตุ่ยเน่าที่ชอบกอดตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นแรกที่จำความได้ว่าพ่อกับแม่ซื้อให้ก่อนแม่ฉันจะเสียในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาขึ้นมาหอมมาจูบ

“เอาแกไปคอนโดด้วยดีไหมนะ”

นั่งคุยคลายเหงากับเจ้ากาตุ่ยเน่าที่ลักษณะเหมือนตุ๊กตากระต่าย หูยาว ๆ ข้างหนึ่งสีฟ้า ข้างหนึ่งสีครีม บนหน้ามีรอยปะเย็บคล้ายโรงงานผลิตทำผิดพลาดจนหน้าตาขี้เหร่ ทว่าฉันกลับมองว่ามันน่ารักแปลกดี

“ไม่ไปเหรอ ก็ได้ งั้นก็เฝ้าห้องนี้ดี ๆ ล่ะ เดี๋ยวพี่น้ำแข็งจะกลับมานอนกอดบ่อย ๆ นะ”

จุ๊บแก้มแดง ๆ ของเจ้ากาตุ่ยเน่าก่อนจะวางมันลงบนเตียงนุ่ม ห่มผ้าผืนเล็ก ๆ ของมันให้เรียบร้อยแล้วเดินมาหยิบเอาสร้อยคอทองคำขาวของขวัญวันเกิดอีกชิ้นของคนสำคัญที่ฉันรักมากซื้อให้เป็นของขวัญเมื่อปีที่แล้ว

“บนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ ว่าง ๆ มาหาน้ำบ้างสิ”

ยืนคุยกับรูปถ่ายของผู้หญิงคนหนึ่ง

เธอใบหน้าสวยใส หน้าตาเราคล้ายกันราวฝาแฝด เธอเป็นคนมารยาทเรียบร้อยกง่าฉันหลายเท่าตัว และที่สำคัญเป็นคนที่ฉันรักอันดับสามในบ้านหลังนี้

ก๊อก ๆ

เสียงประตูหน้าห้องดังขึ้น ฉันเลยรีบวางกรอบรูปนั้นไว้ที่เดิมแล้วเดินออกมา

“แม่เห็นโทร. มาหลายสายแล้วคิดว่าน่าจะมีเรื่องด่วน”

ฉันมองโทรศัพท์มือถือที่แม่เล็กยื่นมาให้พลางเบิกตาโต

ลืมไปได้ไงว่าวันนี้มีนัดถ่ายแบบตอนเก้าโมงครึ่ง นี่ก็เกือบจะถึงเวลานัดแล้วถึงว่าเจ๊สุ่มโทร. ตามยิก ๆ ขนาดนี้

“น้ำลืมไปว่ามีงานด่วน ขอตัวก่อนนะคะแม่เล็ก ไว้ว่าง ๆ เดี๋ยวน้ำมารับไปทานข้าวนอกบ้านนะคะ”

รีบกระโดดหอมแก้มคนตรงหน้าแล้ววิ่งลงบันไดดังตึงตังจนถูกดุไล่หลัง

“ช้า ๆ ลูก เดี๋ยวหัวร้างข้างแตกเอา”

“ค่าาาา” ตะโกนตอบอีกคน ทว่าก็ยังไม่หยุดวิ่งลงบันไดอยู่ดี

ก็นะ นาทีรีบเร่งนี่นา

สตูดิโอถ่ายแบบ

“เดี๋ยวทั้งคู่ช่วยทำท่าส่งจูบเล่นกับกล้องด้วยนะครับ”

เสียงตากล้องประจำวันนี้บอกฉันกับมินตรา

“สวยครับ ต่อไปหันหลังชนกัน ทำสายตายั่ว ๆ ให้กับกล้องหน่อย”

พวกเรามืออาชีพ แค่ตากล้องสั่งอะไรมาเทกเดียวเราก็ผ่านหมด

“รูปสุดท้าย พอยต์เท้าตามอัธยาศัยเลยครับ”

เป็นท่าจบที่สวยเลิศและเบสิกสุด ๆ

ฉันยื่นเท้าขวาออกไปเล็กน้อยก่อนจะจิกปลายเท้าเชิดหน้าขึ้นอย่างสาวมั่น

เสียงปรบมือให้กำลังใจจากทีมงานดังรัว ๆ เมื่อพวกเราถ่ายแบบชุดว่ายน้ำเสร็จแล้ว

“เหนื่อยไหมแก”

มินตราถามหลังจากเราเดินมานั่งเก้าอี้ที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้

“นิดหน่อยแก สงสัยเพราะเมื่อคืนนอนน้อย”

“ทำไมอะ แกแอบไปทำอะไรมาทำไมถึงบอกนอนน้อย”

ยัยมินตราอมยิ้มแถมยังสีหน้าแกมจับผิดฉันอีก

“เฮียมาคส์พาขับรถเที่ยวนอกเมืองน่ะ”

“แค่นั้น?”

ฉันมองหน้าเพื่อนแวบหนึ่งก่อนจะหลบสายตาที่เหมือนรู้แกวกัน

“ถึงว่าคอนซีลเลอร์เต็มตัวเชียว”

ยัยนี่ก็ว่าไป...

“เสียงดังทำไมเดี๋ยวใครได้ยินเข้า”

ไม่ปฏิเสธเธอเพราะตอนเปลี่ยนชุดเราเปลื้องผ้าอยู่ในห้องกันสองคน

คิดเอาแล้วกันว่าฉันกับมินตราสนิทกันแค่ไหน ก็นะ เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยมต้นแล้วนี่

“สาว ๆ เหนื่อยไหมคะ”

เสียงเจ๊สุ่มดังขึ้น

“นิดหน่อยค่ะ”

เธอยื่นน้ำมาให้พวกเราคนละแก้ว

ของฉันเป็นน้ำแตงโมปั่นราดวิปครีม ส่วนของมินตราเป็นเมล่อนปั่นราดคาราเมล

ยัยนี่ชอบคาราเมลสุด ๆ เลยละ ทุกอย่างที่เป็นของหวานนางต้องราดด้วยคาราเมลถึงจะฟิน

“จบงานแล้วว่างกันไหม”

จู่ ๆ เจ๊สุ่มถามเหมือนมีอะไรจะพูด

“ก็วางนะคะ” ฉันตอบพลางมองมินตราไปด้วยว่าเธอน่าจะว่างเหมือนกัน

“มินก็ว่างค่ะ”

“งั้นดีเลย เดี๋ยวเจ๊จะพาไปดูดวงกัน”

“ดูดวง!?”

ฉันกับเพื่อนรักโพล่งออกมาอย่างประสานเสียง

“แม่หมอคนนี้แม่นมากเลยนะ เดี๋ยวบอลลูนมาเราก็ไปกันเลย”

ฉันกับยัยมินมองหน้ากันเล็กน้อย

จริง ๆ ไม่ได้เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่

คนที่ดูแม่นก็มี คนที่มีดีแค่คำพูดให้หลงเชื่อก็แยะ ฉันเลยไม่ค่อยพึ่งดวงเท่ากับแสวงหาทุกอย่างด้วยกำลังของตัวเอง

“จะไปดูเรื่องผู้ชายกันอีกใช่ไหมคะ”

มินตราแอบแซว และเหมือนจะตรงจุดนะเจ๊สุ่มทำท่าเขินใหญ่เลย

“รู้ทัน”

เสียงขำเบา ๆ ดังขึ้น ทำเอาฉันกับยัยมินขำตาม

“อ๊ะ แป๊บนะคะ”

โทรศัพท์ฉันสั่น พอเห็นว่าใครโทร. มาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“หลัวโทร. มาล่ะสิ” เจ๊สุ่มแอบรู้ทัน

“ค่ะ ขอตัวแป๊บนะคะ”

รีบเดินออกไปคุยที่ระเบียงของสตูดิโอ

[หืม? วันนี้ถ่ายชุดนี้?]

ทันทีที่รับสายวิดีโอคอลจากเฮียมาคัส สายตาคมดุจเหยี่ยวก็จ้องมาที่ชุดของฉัน

“ค่ะ สวยไหมคะ”

ฉันยกกล้องขึ้นมุมสูงให้เขาเห็นชุดว่ายน้ำแบบบอดี้สูททว่าเว้าช่วงเอวทั้งสองข้าง

[ถ้าใส่ต่อหน้าฉันเรียกสวย แต่แบบนี้เรียกหวง]

หน้าแดงขึ้นมาทันทีที่อีกคนป้อนคำหวานแบบไม่ให้เตรียมใจ

“แล้วนี่ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ”

รีบเปลี่ยนเรื่องเพราะสายตาคู่นั้นที่จ้องมองมาทำฉันเขินจนตัวแดงหมดแล้ว

[ครับ ประชุมเสร็จก็รีบโทร. หาสุดที่รักทันที]

“ช่วงนี้ปากหวานจัง ทำผิดอะไรมาหรือเปล่าคะ”

แอบถามสักหน่อย แต่จริง ๆ ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอกเพราะแฟนคนนี้ฉันไม่มีแววเจ้าชู้เลยสักนิดเดียว

[อาจจะ]

“หือ?”

ทว่าพอได้ยินอีกคนพูดแบบนี้แล้วหัวใจฉันกลับวูบไหวจนเกือบร้องไห้

[อาจจะเพราะรักมากขึ้นทุกวันเลยต้องหยอดคำหวานหนัก ๆ หน่อย]

โธ่! ทำเอาฉันเกือบปล่อยโฮออกมาแล้วเนี่ย!

“แหวะ เลี่ยนกว่าวิปครีมที่เพิ่งทานมาเลยนะคะ”

เฮียมาคัสทำเพียงแค่ยิ้มหล่อมาให้ฉัน

[แล้วนี่งานเสร็จยังครับ]

“เพิ่งถ่ายเสร็จค่ะ เจ๊สุ่มชวนไปดูดวงด้วยนะคะ”

[ดูดวง?]

“ค่ะ แต่น้ำไม่เชื่อเรื่องพวกนั้นหรอกค่ะ พึ่งดวงอย่างเดียวไม่ทำให้เรามีชีวิตสุขสบายขึ้นหรอกเนอะ”

[ดูไว้ก็ไม่เสียหายนะครับ เผื่อกรรมเก่าอาจจะตามทัน]

“คะ?”

[ฉันก็พูดขำ ๆ]

อา...เมื่อกี้สีหน้าเขาจริงจังนะ

หรือว่าเฮียมาคัสเองก็เชื่อเรื่องดูหมอดูดวงเหมือนกัน

“เฮียมาคส์สนใจไหมคะ”

อีกคนเงียบก่อนจะส่ายหน้าตอบ

[ไม่ล่ะ ฉันไม่เชื่อเรื่องดวง แต่ฉันเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม]

ทำไมน้ำเสียงและสีหน้าเขาดูจริงจังขนาดนั้นนะ

“ยัยน้ำ เจ๊บอลลูนมาแล้ว”

เสียงมินตราตะโกนเรียก

“โอเค ๆ แป๊บน้า” ฉันหันไปตอบเธอ

[วันนี้มินตราก็ถ่ายด้วย?]

เฮียมาคัสคงเห็นตอนที่ฉันแพนกล้องไปเมื่อกี้

“ค่ะ ถ่ายขึ้นปกคู่ด้วยนะคะ”

[อืม งั้นก็ไปธุระต่อกับเพื่อนเถอะ คืนนี้เจอกัน]

ว้า! เสียดายจัง ยังคุยไม่หายคิดถึงเลย

“บายค่ะ”

สุดท้ายต้องจำใจวางสายแล้วเดินกลับเข้าไปด้านในเพื่อเปลี่ยนชุด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel