CHAPTER 00 / 5
ตุบ!
แต่แทนที่ฉันจะได้เข้าไปนั่งในรถและจัดการตัวเอง มาคัสกลับวางฉันนอนราบบนกระโปรงรถและเริ่มขยับส่วนนั้นอีกครั้ง
“อ๊ะ อ๊า มะ...มาคส์”
มือฉันถูกอีกคนรวบด้วยมือเดียวไว้เหนือศีรษะ เขากระแทกกระทั้นตัวตนแข็งขืนเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขาทั้งสองข้างของฉันถูกกางออกกว้างเพื่อให้ตัวตนเขาเข้าสุดและลึกจนฉันจุกเสียด
อุ้งปากร้ายกาจก้มลงดูดดึงเต้างามฉันราวหิวโหย
มือฉันเป็นอิสระจึงกดศีรษะทุยของเขาให้จมลงไปกลางอกพร้อมแอ่นหน้าอกคู่สวยให้เขาดูดกิน
“แน่น เธอแน่นมาก”
เสียงคำรามของเขาทำฉันเขินอายหน้าแดงก่ำ เอวสอบถูกมือหนาจับไว้มั่นทั้งสองข้างพร้อมเพิ่มแรงกระแทกเข้ามาซ้ำ ๆ
มาคัสก้มลงดูดเลียใต้ราวนมฉันจนเจ็บจี๊ดและเสียวสะท้าน
ความรู้สึกอึดอัดตีตื้นขึ้นมาจนต้องกอดรัดอีกคนเอาไว้แน่น
หยาดเหงื่อเริ่มหลั่งไหลออกมาพร้อมแรงหอบหายใจที่เริ่มติดขัด
มาคัสสอบสะโพกแรงขึ้น เน้นย้ำขึ้น จนปลดปล่อยน้ำรักออกมาพร้อม ๆ กันเป็นครั้งที่สอง
“เหนื่อยไหมครับ”
แววตาหยาดเยิ้มมองฉันจนต้องหลบสายตานั้น
“หะ...หิวน้ำค่ะ”
ตอนนี้รู้สึกคอแห้ง แต่ที่จริงคืออยากให้เขาเลิกมองเรือนร่างฉันมากกว่า
มันไม่ชินจริง ๆ นะ ต่อให้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของพวกเรา แต่ฉันก็ยังรู้สึกไม่ชินกับสายตาหื่นกระหายที่เขาจ้องเรือนร่างฉันอยู่ดี
“ได้ครับ เดี๋ยวไปเอาให้”
ตัวตนร้ายกาจนั้นค่อย ๆ ถอดถอนออกไป ฉันรีบลงขึ้นนั่งจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่
เสียงเปิดปิดประตูรถดังขึ้น มาคัสเดินกลับมาพร้อมขวดน้ำและทิชชูม้วนหนึ่ง
“อ้ะ เดี๋ยวน้ำจัดการเอง”
เขากำลังจะใช้ทิชชูทำความสะอาดส่วนนั้นให้ฉัน คนอะไรอ่อนโยนเกินจะต้านไหว
มาคัสพยักหน้าวางทิชชูไว้ข้าง ๆ แล้วหันหน้าไปอีกทางเพื่อดูดบุหรี่
“เหม็นไหม”
เขาเอียงหน้ามาถามพร้อมมองดูทิศทางของลม
“ไม่ค่ะ ตามสบายเลย”
ฉันไม่ชอบกลิ่นบุหรี่
แต่เมื่อไรก็ตามที่คนข้าง ๆ ดูดมันฉันกลับไม่รังเกียจและไม่รู้สึกขยะแขยง
“นั่งอีกสักหน่อยเดี๋ยวพากลับ”
ฉันพยักหน้ากอดตัวเองแน่นเมื่ออากาศเริ่มเย็นชื้นขึ้นเรื่อย ๆ
หมับ!
ร่างกำยำเดินเข้ามาโอบกอดฉันราวรู้ว่านั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการในตอนนี้
ใบหน้าสวยซบลงบนอกแกร่ง นั่งมองหมู่ดาวและท้องฟ้าที่คืนนี้สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
“น้ำรักเฮียมาคส์นะคะ”
จู่ ๆ ก็อยากบอกรักเขาขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
อีกคนไม่ตอบ เขาทำเพียงก้มลงมาจูบเบา ๆ กลางศีรษะฉันแล้วโอบกอดอยู่แบบนั้นเงียบ ๆ
“มาคัสไม่มาด้วยเหรอลูก”
เสียงแม่เล็กเอ่ยถามหลังจากเราเตรียมของรอใส่บาตรเรียบร้อยแล้ว
“เฮียมาคส์ติดประชุมด่วนค่ะ”
ที่จริงฉันลืมชวนเขาต่างหากแต่ไม่อยากบอกแม่เล็กน่ะ
“เดี๋ยวพระคงใกล้ถึงแล้ว ยกของไปเตรียมไว้หน้าบ้านกันเถอะ”
“ค่ะ”
ฉันช่วยแม่เล็กยกถาดกับข้าวที่ตักใส่ถุงไว้รวมถึงผลไม้ต่าง ๆ ที่จัดเป็นชุด ๆ ไปไว้โต๊ะหน้าบ้านที่กางเตรียมไว้รอพระ
วันนี้เป็นวันครบรอบการจากไปของพ่อและแม่ของฉัน
อา...เดี๋ยวจะงงว่าแม่ฉันจากไปแล้ว แล้วใครที่ฉันเรียกแม่เล็กอยู่ในตอนนี้
แม่เล็กคือภรรยาใหม่ของคุณพ่อที่ได้ตบแต่งเข้าบ้านหลังจากที่แม่ฉันเสียไปตั้งแต่ฉันอายุสี่ขวบ แม้ว่าพ่อจะมีภรรยาใหม่แต่ท่านไม่เคยลืมรักครั้งแรกซึ่งคือแม่ฉันไปเลยสักวินาทีเดียว
ทุก ๆ วันครบรอบการจากไปของแม่ฉัน พ่อและแม่เล็กจะร่วมกันตักบาตรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แม่ฉันตลอด
จวบจนเมื่อหนึ่งปีก่อน พ่อฉันป่วยเป็นโรคร้ายด่วนจากไปอีกคน ทำให้ตอนนี้ฉันเหลือเพียงแม่เล็กคนเดียวเป็นที่พึ่ง
“อายุ วันโน สุขขัง พลัง”
หลังจากตักบาตรรับพรเรียบร้อย เราก็ช่วยกันเก็บข้าวของกลับเข้าที่
“ถึงจะผ่านไปนานแค่ไหน แม่ก็รู้สึกว่าพวกเขายังอยู่กับเราตรงนี้”
แม่เล็กชอบพร่ำเพ้อถึงคุณพ่อและแม่ของฉันทุกครั้งที่ถึงวันครบรอบการจากไป
“ค่ะ น้ำก็รู้สึกว่าพวกท่านกำลังมองดูพวกเราและคอยคุ้มครองเราอยู่”
สองกายกอดกันกลมนั่งมองรูปพ่อกับแม่ฉันที่ถ่ายคู่กันและแขวนไว้ตรงผนังห้องรับแขก
แม่เล็กเป็นคนดีมาก แม้ท่านจะแต่งเข้ามาทีหลังแม่ฉันที่ล่วงลับไปแล้วแต่แม่เล็กยังคงให้เกียรติคนจากไปราวกับแม่ฉันมีชีวิตอยู่
ท่านไม่เคยยกตัวเองขึ้นเหนือแม่ฉัน แม้แต่รูปแต่งงานของแม่เล็กกับพ่อฉันท่านยังไม่ยอมตั้งไว้ในห้องรับแขกอวดสายตาแขกเหรื่อเวลามาเยี่ยมเยียนเลย
จะมีก็แค่อยู่ในห้องนอนพวกท่านหนึ่งกรอบรูปเล็ก ๆ และในอัลบั้มเก็บภาพความทรงจำเท่านั้น
“วันนี้น้ำดูซีด ๆ นะลูก”
อา...ก็แหงละเมื่อคืนโดนน้ำค้างไปซะขนาดนั้น เช้ามาเลยรู้สึกหนักอึ้งศีรษะนิดหน่อยแต่ไม่ถึงขั้นไข้กิน
“คงโหมงานหนักมั้งคะ”
พอพูดแบบนี้ก็ถูกสายตาห่วงใยมองอย่างดุ ๆ
“พักผ่อนบ้างนะลูก ตอนนี้เราเหลือกันแค่นี้แล้วนะ”
แววตาแม่เล็กสั่นไหว ทำเอาหัวใจฉันวูบไปชั่วขณะก่อนจะรีบสวมกอดท่าน
“น้ำไม่ทิ้งแม่เล็กไปไหนหรอกค่ะ แม่เล็กเองก็ต้องดูแลสุขภาพให้มาก ๆ นะคะ น้ำไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน บอกให้แม่เล็กหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่ยอม”
แอบบ่นตบท้ายนิดหน่อยที่อีกคนดื้อรั้น
เพราะงานของฉันเวลาไม่ตายตัวว่าต้องเข้างานกี่โมงเลิกกี่โมง ทำให้ส่วนมากขลุกอยู่แต่ที่คอนโดมากกว่าการกลับมาบ้านที่อยู่ไกลจากแหล่งชุมชนที่ฉันทำงานอยู่
พอเสนอให้แม่เล็กหาคนใช้มาช่วยดูแลบ้าน คอยพูดคุยด้วยให้คลายเหงาท่านก็เอาแต่ปฏิเสธว่าเปลืองเงินเปลืองทอง แค่มีน้องหมาอยู่เป็นเพื่อนตัวเดียวก็คลายเหงาได้แล้ว
อีกอย่าง แม่เล็กชอบทำบุญท่านเลยมีเพื่อน ๆ สายบุญมาชวนไปวัดนู้นวัดนี้บ่อย จนวัน ๆ หมดไปกับการเข้าวัดฟังธรรม
“อ้ะ! น้ำลืมว่าจะมาเอาของ เดี๋ยวขอตัวขึ้นไปหยิบก่อนนะคะ”
อีกสามวันจะเป็นวันเกิดของฉันแล้ว นึกขึ้นได้ว่าลืมสร้อยไว้ที่ห้องนอนเลยว่าจะมาเอา