บทที่ 4 แสร้งเป็นแฟน (1)
บทที่ 4
แสร้งเป็นแฟน (1)
ช่วงเช้าสำหรับมีนาและเป็นเวลาสายสำหรับการไปเรียน คลาสแรกที่เริ่มเรียนสิบโมงแต่ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงห้าสิบแล้วเจ้าตัวยังคงวิ่งวุ่นรอบห้องไม่รู้ว่าจะหยิบจับอะไร มีนาตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก่อนล่วงหน้าถึงสองชั่วโมงแต่ก็ไม่รู้ทำไมพอถึงเวลากลับไม่ได้ยินเสียงผลที่ตามมาก็คืออาการเร่งรีบวิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ทีจนหยิบจับอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
“สาย! สายแล้ว สายแล้ว!” หญิงสาวหยิบกระเป๋าผ้าสีขาวสะอาดขึ้นมาสะพายก่อนจะหยิบคีย์การ์ดและรีบสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรดวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ลิฟต์แก้วก็ดันเป็นใจเหมือนรู้โชคชะตาว่ามีคนกำลังไปเรียนสายเปิดรอให้เข้าไปโดยไม่มีคนอยู่สักคน ทันทีลิฟต์มาถึงชั้นล่างขาเล็กก็รีบวิ่งออกไปโดยไม่หันมองทางซ้ายขวาเพราะสิ่งเดียวที่จดจ่อก็คือพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่หน้าคอนโดฯ เท่านั้น
“ให้ตายเถอะ! พี่วินหายไปไหนหมด!” มือเล็กลูบใบหน้าตัวเองเมื่อวิ่งออกมาด้านนอกแต่ไม่เห็นรถวินมอเตอร์ไซด์สักคันเดียว
มีนาหันมองและชะเง้อหาหวังว่าจะเจอสิ่งที่หวังแต่ก็ไม่พบ ทว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นร่างสูงของรุ่นพี่ต่างคณะที่กำลังเดินไปยังลานจอดรถพอดิบพอดี และเป็นจังหวะเดียวกันที่มีหญิงสาวคนหนึ่งมาขวางทางเขาเอาไว้
เธอหรี่ตามองให้ชัด ๆ ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็นจึงค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้เพื่อให้ได้ยินบทสนทนา จนลืมไปว่ากำลังรีบไปเรียนเสียสนิท
“พีทเราขอโทษ”
เมื่อเงี่ยหูฟังก็ได้ยินคำขอโทษออกจากปากของผู้หญิงคนนั้น และเหตุการณ์ต่อมาก็ทำให้มีนาต้องเบิกตากว้างเมื่อคนตัวโตสะบัดมือออกจากการเกาะกุมอย่างไร้เยื่อไยและเดินเลี่ยงไปอีกทางราวกับว่าคนตรงหน้าคือสิ่งที่เขาอยากหนีให้ไกลที่สุด
“พีทฟังเราก่อน เราขอโทษ เราขอโทษนะพีท”
ประโยคถัดมาทำให้คนที่แอบฟังจับใจความได้ว่าคงจะเป็นอดีตคนรักที่มาขอคืนดีเป็นแน่ ไม่ให้เสียเวลาก็แนบใบหน้าและเงี่ยหูฟังต่อ
“ปล่อย”
“ฮึก...เราขอโทษ เราผิดไปแล้วพีท”
“หึ! เลือกมันแล้วยังกล้ากลับมาหาฉันอีกเหรอ” เสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยความดุดันเอ่ยพร้อมกับหันมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเย้ยหยันและสมเพช
“พีท...ฮึกเราขอโทษ เราผิดไปแล้ว เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะพีท”
มีนาที่มองเหตุการณ์ทั้งหมดได้แต่ขมวดคิ้วและนึกหงุดหงิด ถึงไม่ได้รับรู้เรื่องราวของสองคนทั้งหมดแต่ก็พอจับใจความได้ว่าฝ่ายหญิงคนทิ้งให้อีกฝ่ายไปอย่างไม่ใยดีแถมยังกล้ากลับมาขอคืนดีอย่างหน้าไม่อาย
แค่คิดก็โมโหแทน อยู่ ๆ ผีคนบ้าก็เข้าสิงไม่รู้อะไรดลใจถึงทำให้มีนาเดินก้าวฉับ ๆ เข้าไปก่อนจะคล้องแขนของพีทเอาไว้และจ้องคนตรงหน้าด้วยความเหนือกว่า
“รอนานไหมคะพี่พีท” มีนาเอ่ยเสียงหวานและสิ่งยิ้มกว้างให้กับคนตัวโต
“นี่เธอ...”
“ขอโทษที่ทำให้รอนานนะคะพอดีมีนตื่นสายน่ะค่ะ” ว่าแล้วก็กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นจนทำให้อีกฝ่ายมองด้วยสายตาแข็งกร้าวไม่พอใจ
“พีท ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร!”
“ยังไม่ชัดอีกเหรอคะ” มีนายื่นแขนที่เกาะเกี่ยวให้คนตรงหน้าดูอย่างเต็มตา เธอเกาะเขาเป็นปลิงแบบนี้ยังจะกล้าถามกันอีก
“ผู้หญิงคนนี้เป็น...”
“แฟนค่ะ! ฉันเป็นแฟนพี่พีท” มีนาตอบคำถามแทน
เสร็จสรรพ ผิดกับชายหนุ่มข้างกายที่หันมองเธอด้วยสายตาคาดโทษ
“นี่มันอะไรกัน...”
“แล้วคุณล่ะคะเป็นใคร? มาวุ่นวายอะไรกับแฟนของฉันคะ”
“พีทเป็นแฟนฉัน!” อีกฝ่ายตอบกลับเสียงแข็งและจ้องมีนาอย่างไม่ลดละ ดวงตาแข็งกร้าวคล้ายมีเปลวเพลิงสาดสุมแต่มันกลับไม่ได้ทำให้มีนารู้สึกหวั่นกลัวแม้แต่นิดเดียว
“เธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันอีกตั้งแต่วันที่เธอเลือกมัน!” เสียงเข้มประกาศกร้าวด้วยแววตาหนักแน่น ประโยคบอกลาในวันนั้นเขายังจดจำมันได้และไม่มีทางลืมเลือน
“พีท...เอมขอโทษ เอมขอโทษเอมผิดไปแล้ว”
“ตื๊อไม่เลิกจริง ๆ ไปเถอะค่ะพี่พีทเดี๋ยวไปเรียนสาย” มีนาส่ายหน้าอย่างนึกสมเพชก่อนจะกอดแขนของคนตัวโตและเดินขึ้นรถของเขาไปในที่สุด
ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรเขาเดินไปประจำที่ฝั่งคนขับก่อนจะออกรถไปด้วยความเงียบโดยไม่มีคำใดเอ่ยออกมา มีเพียงเสียงเพลงเบา ๆ ที่เปิดคลอเป็นเพื่อนร่วมทางเท่านั้น มีนากำมือตัวเองแน่นเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาเรียบตึงจนเธอไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่น้อย
“นิ่งทำไม ทีเมื่อกี้ยังเล่นละครเป็นฉาก ๆ”
