ตอนที่ 5 ฝนตก 2
คาบเรียนแรกของวันในช่วงสายเธอเดินเข้าห้องมาก็เห็นกลุ่มของอรปรียาสะดุดตา แต่ไม่คิดจะสนใจเดินผ่านไปที่กลุ่มเพื่อนของตัวเอง ไม่สนว่าคนกลุ่มนั้นจะมองหน้าเธอที่ยังมีแผ่นแปะแก้ปวดติดอยู่ สายตายิ้มเยาะเย้ยของคนพวกนั้นเธอก็ไม่สนใจ และกว่ามันจะผ่านไปจนหมดวันเธอก็ต้องทนกับสายตาของใครอีกหลายๆ คน และเรื่องเล่าที่โรงอาหารเมื่อวานดูจะยิ่งแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
หมดวิชาเรียนของวันนี้แล้วเธอแยกกับเพื่อนที่หน้าตึก เดินเรื่อยๆ ออกมาที่หน้ามหาวิทยาลัยอีกเพียงนิดเดียวก็จะถึงหน้าประตู แต่กลับสะดุดตากับพี่ชายยายนั่นที่นั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้ใหญ่ด้านหน้า และพอเขาเห็นเธอก็รีบวิ่งเข้ามาหา
"คุยกับพี่แป๊บนึงได้ไหม"
"มีอะไรอีกหรือคะ ต้องให้หนูไปขอโทษน้องพี่เรื่องอะไรอีก"
"ไม่ใช่แบบนั้น พี่จะมาขอโทษเราน่ะ"
เธอถอนหายใจใส่คนตรงหน้าอย่างไม่เกรงใจ เมื่อคืนไอ้หนุ่มหน้าฝรั่งก็ขอโทษเธอไปแล้ว เขาอีกคนก็จะมาขอโทษ ถ้าเมื่อคืนไม่ติดว่าไอ้ฝรั่งนั่นไปส่งเธอ เธออาจจะไม่ได้พูดดีด้วยก็ได้
"รับไม่ไหวหรอกค่ะ กองไว้ตรงนั้นแหละ ตอนหาเรื่อง อ้อ..ไม่ใช่ ตอนอยากให้หนูขอโทษไปดักหน้าคณะทำเรื่องเสียใหญ่โต พอขอโทษมาซุ่มอยู่ข้างต้นไม้แบบนี้หรือคะ"
"พี่ขอโทษ รู้ว่าเมื่อวานมันเกินไป พี่ไม่ได้ฟังเรื่องให้ดีก็รีบไปที่หน้าคณะน้องเลย"
"ค่ะ งั้นก็จบแค่นี้ค่ะ พี่ช่วยดูน้องพี่ให้ดีแล้วกัน ถ้ามาหาเรื่องหนูอีกครั้งหนูจะไม่ยอมให้ตบอยู่ฝ่ายเดียวแน่" เพราะไม่อยากพูดกับเขาต่อ พูดจบเธอก็เดินหนีออกมาทันที
"ไปไหนมาวะ" จีนเอ่ยถามอาร์ตที่เพิ่งมาถึงซุ้มประจำ เมื่อครู่ที่ออกจากคลาสเรียนไอ้อาร์ตก็รีบวิ่งออกไปเหมือนจะรีบไปไหน
"ไปขอโทษน้องคนเมื่อวานมาว่ะ" อาร์ตตอบตามความจริง ทำให้ทุกคนหันมามองมัน
"แล้วว่าไงบ้าง" จีนยังถามต่อ
"ไม่ว่าไง ดูไม่ค่อยพอใจ"
"ก็น่าอยู่หรอก" เบสเสริมขึ้นมาทันที
"แต่พูดก็พูด น้องกุลอะไรนั่น โคตรสวยเลยว่ะ ตัวขาวจั๊วะ แม่งน่าจับมัดมือแล้วโยนขึ้นเตียงฉิบหาย" จีนพูดไปก็ทำหน้าเคลิบเคลิ้มไปด้วย
"ไอ้สัส หน้าหม้อเชียว" ออสตินไม่ได้ด่าแค่ปากยังใช้เท้าถีบไอ้จีนที่นั่งอยู่ข้างๆ เสียด้วย
"หรือกูจะจีบน้องเขาดีวะ" ไอ้จีนกระเถิบหนีตีนออสตินออกมาอีกหน่อยตอนที่เอ่ยขึ้นมา
"ไม่ต้องเสือกเลย"
"ไม่ต้องเสือกเลย"
สองเสียงที่ประสานขึ้นมาพร้อมกัน ทำให้จีนและเบสหันไปมองไอ้สองคนที่เอ่ยขึ้นมาพร้อมกันทันที
"เหี้ยอะไรของพวกมึงเนี่ย" เบสมองหน้าไอ้สองคนที่พูดพร้อมกันแล้วก็เอ่ยเป็นเชิงถามขึ้นมาอย่างไม่ได้ต้องการคำตอบ เพียงแต่ต้องการดูปฏิกิริยาของไอ้สองคนนั้นมากกว่า
ก่อนไปทำงานในวันนี้เธอจึงได้โอนเงินให้แม่อีกหนึ่งพันบาท จากทิปที่ได้มาเมื่อคืน
(แล้วสิ้นเดือนแกจะช่วยแม่ได้เท่าไร)
พอโอนเงินเสร็จเธอก็รีบโทรไปบอกแม่ แต่คำพูดที่แม่ตอบกลับมากลับเป็นคำถามเรื่องเงินที่จะได้สิ้นเดือนนี้
"แม่เงินเดือนหนูแค่ไม่กี่พันเองนะ หนูเป็นพาร์ตไทม์นะ ไม่ใช่พนักงานประจำ"
(แกก็ดูแบ่งให้แม่พอจ่ายค่าเช่าร้านสักหน่อยเดือนนึงก็ได้ อีกเดือนแม่จะขอผัดเขาไปก่อน ไม่งั้นเขาไม่ให้ขายจะทำยังไงล่ะ)
"ดูก่อนนะแม่ ไม่รู้จะได้กี่บาทหนูหยุดงานไปตั้งหลายวัน"
(ก็เป็นไงล่ะ ดื้อดีนักแม่บอกแกตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ให้เรียนที่นี่มันแพง แกก็ไม่เชื่อ)
"แม่หนูไม่ได้จ่ายค่าเทอมนะ แล้วเรื่องเรียนหนูก็ไม่เคยรบกวนที่บ้าน"
(แต่แทนที่แกจะได้ช่วยแม่หาเงินมาใช้หนี้เขาไง ขายของทุกวันนี้ส่งหนี้รายวันก็แทบไม่เหลือ บางวันแทบไม่พอซื้อของมาขายต่อ ไหนจะค่าเทอมน้องแกอีก)
กุลจิราได้แต่ถอนหายใจหนักๆ แม่คิดแต่จะให้เธอช่วยเหลือ ทั้งที่เธอไม่ได้ขอเงินที่บ้านสักบาทตั้งแต่จบมัธยมปลายมา แถมในแต่ละเดือนเธอยังต้องส่งเงินไปช่วยที่บ้านอีกต่างหาก แต่แม่ไม่เคยพูดถึงพ่อเลี้ยงเธอ ที่วันๆ เอาแต่กินเหล้าออกมาช่วยแม่ขายของได้แวบเดียวก็กลับไปนอน ทิ้งให้แม่ต้องยืนอยู่หน้าเตาเกือบทั้งวันแถมต้องเสิร์ฟลูกค้าเองอีก จะได้เบาแรงก็ตอนที่น้องชายกลับมาจากโรงเรียน เธอยังรู้จากน้องชายเมื่อไม่นานมานี้ว่าพ่อเลี้ยงแอบเล่นพนันออนไลน์ในโทรศัพท์อีกด้วย
(ถ้าไม่ไหวแกก็ลาออกซะไอ้มหา'ลัยแพงๆ เนี่ย มาทำงานแล้วก็เรียนเสาร์อาทิตย์ไอ้ที่ถูกๆ หน่อยก็ได้ จะได้ช่วยแม่ได้บ้าง)
"ค่ะแม่ สิ้นเดือนหนูจะช่วยค่าเช่าแม่ก่อนหนึ่งเดือน" ในที่สุดเธอก็ต้องเอ่ยบอก และนั่นหมายความว่าเงินเดือนจากงานพาร์ตไทม์เธอจะหายไปกว่าครึ่งเดือนเลย
(เออ ถ้าไงวันเสาร์นี้แกมาช่วยแม่สักครึ่งวันช่วงเช้าได้หรือเปล่า ไอ้เกมส์มันต้องไปโรงเรียนอะไรของมันไม่รู้)
"แล้วลุงล่ะ"
(ลุงเขาไปงานศพญาติเย็นวันศุกร์น่ะ ไม่รู้จะกลับทันหรือเปล่า)
"ค่ะ"