เหนือพันธะ 1 : จุดเริ่มต้นของกองเพลิง 1/3
“ไอรีน...มาหาแม่นะคะ”
หญิงสาวใบหน้าสวยราวเจ้าหญิงในเทพนิยาย น้ำเสียงอ่อนหวานใจดีที่เด็กสาวตัวเล็กพึ่งเคยได้ยินชื่อของเธอถูกเรียกด้วยเสียงไพเราะขนาดนี้ครั้งแรก ดวงตากลมโตจ้องมองรอยยิ้มหวานด้วยความรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกดึงให้เข้าไปหา
เท้าเล็กก้าวเดินอย่างช้า ๆ ริมฝีปากบางเผยยิ้ม ความรู้สึกเหมือนมีนางฟ้าเข้ามาช่วยให้เธอหลุดออกจากขุมนรก แต่เพียงแค่เธอก้าวเดินได้ก้าวเดียวเสียงตวาดก็ทำเอาเด็กหญิงตัวน้อยสะดุ้งด้วยความหวาดกลัว
“ไอรีน! ถ้ามึงเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นกูจะฆ่ามึง!!” เสียงตวาดแข็งกร้าวของหญิงสาวผู้เป็นแม่แท้ ๆ ทำให้เท้าเล็กหยุดชะงักลงทันที
“....ฮึก”
เท้าเล็กหยุดก้าวเดิน เสียงสะอื้นด้วยความกลัวที่พยายามกลั้นเอาไว้ไม่ให้แม่แท้ ๆ ได้ยินเล็ดลอดออกมา ดวงตากลมเลอะคราบน้ำตาก็ยังจ้องมองไปยังผู้หญิงตรงตรงหน้า สายตาอ้อนวอนขอให้เธอได้หลุดไปจากที่นี่และเหมือนคำอ้อนวอนภายในใจต่อพระเจ้าจะได้ผล
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาหาเธอด้วยตนเอง ชีวิตของเธอตั้งแต่เกิดจนตอนนี้อายุ 5 ปี ไม่เคยรับรู้ถึงคำว่าความรักจากผู้เป็นแม่เลยสักครั้ง ใช้ชีวิตอยู่ไปวัน ๆ ในฐานะ ‘ลูกนอกสมรส’ ของรัชทายาทลำดับที่หนึ่งแห่งราชวงศ์อิตาลี เธอเป็นเพียงตัวเรียกค่าเลี้ยงดูจากราชวงศ์เท่านั้น ชีวิตของเธอต้องดำเนินต่อไปในฐานะ...ตัวทำเงินให้แม่ของตนเอง
“ถอยออกมา! ไอรีนอย่าเข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้นไอรีน!” ยิ่งผู้หญิงตรงหน้าเข้ามาใกล้เสียงของแม่ก็ยิ่งดังขึ้น มันดังและน่ากลัวจนเธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ฮึก ฮึก...” มือเล็กยกปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด
หมับ! พึ่บ!
เด็กสาวตัวน้อยถูกอุ้มลอยขึ้นเหนือพื้น กลิ่นหอมจากตัวคนที่อุ้มทำให้เธอปล่อยมือออกจากใบหน้าแล้วหันมอง เธอเองก็ก้มมามองและส่งยิ้มหวานให้เช่นกัน มือเรียวยกขึ้นกดหัวให้เด็กสาวซบลงพร้อมกับผ้าคลุมปิดตัวเธอเอาไว้
“จัดการทำให้เธอสงบปาก แล้วเตือนเอาไว้ด้วยว่าไอรีนเป็นลูกสาวของฉัน ห้ามเสนอหน้ามาให้เห็นเด็ดขาด” เสียงพูดคุยที่เธอได้ยินนั้นทำให้หัวใจดวงน้อยพองโต
“ครับ ดัชเชลมาเรีย” นางฟ้าเธอชื่อ...มาเรีย
“ฮึก...ฮึก” เสียงสะอื้นภายใต้ผ้าคลุม ผิวกายส่วนขารับรู้ถึงความเย็นของอากาศด้านนอก เธอกำลังถูกพาตัวออกมาจากนรกนั่น
“ไม่ร้องนะคะลูกสาวของแม่” สัมผัสอบอุ่นลูบสัมผัสบนหัว แม้จะมีผ้าคลุมแต่เธอก็รับรู้ได้ถึงความปลอดภัยนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
ณ พระราชวังประจำราชวงศ์อิตาลี
จ้อง จ้อง จ้อง ~
ดวงตาทั้งสามคู่จ้องมองมายังเด็กสาวน่ารักที่ยืนอยู่ตรงหน้า เด็กหญิงตัวเล็กในชุดกระโปรงสีหวาน ผมยาวสีดำถักเป็นเปียเดียวติดโบสีชมพูไว้ส่วนปลาย มือเล็กกำแน่นสายตาไล่มองผู้ชายทั้งสามคนตรงหน้าเธอ
“นี่ไอรีนลูกสาวของแม่เองและก็เป็นน้องสาวของเฮนรี่กับฮาเซลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” คำแนะนำตัวของนางฟ้าคนสวยที่เด็กหญิงกำลังหลงใหล
“มีน้องนอกจากฮาเซลด้วยแหละ” เฮนรี่ รัชทายาทลำดับที่ 1 แห่งราชวงศ์อิตาลี เด็กชายวัย 7 ขวบส่งยิ้มกว้างมาให้ด้วยความดีใจ
“....” น้องสาวคนใหม่ก้มหน้าหลบสายตาด้วยความเขินอาย แต่ภายในใจกลับรู้สึกว่าอยากอยู่ที่นี่ ถึงจะยังไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นแต่ก็อยากอยู่กับนางฟ้า ความรู้สึกที่จะมีเพื่อนเล่นเป็นครั้งแรก กลิ่นหอมของเสื้อผ้าและคนรอบตัวที่ดูจสนใจมาที่เธอ
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าดังขึ้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับเด็กชายตัวสูงกว่าเธอเล็กน้อย ผมสีบลอนด์สวย นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองมา ฮาเซล รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งราชวงศ์อิตาลี อายุ 5 ขวบ เขามีอายุมากกว่าเธอเพียงไม่กี่เดือน มือเล็กยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับอมยิ้มสีสวย
“เอาไปสิ ให้”
“...อื้อ” ไอรีนรับอมยิ้มมาถือเอาไว้
“ฮาเซลใจดีจังเลยค่ะ” เสียงหวานเอ่ยชมลูกชายคนเล็ก เขาไม่พูดอะไรต่อเพียงส่งยิ้มบางมาให้ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิม
“ไอรีนเข้ามาหาพ่อสิ” เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายที่นั่งอยู่ดังขึ้น แต่เธอไม่เข้าใจคำว่า ‘พ่อ’ เพราะในชีวิตรู้จักแค่คำว่าแม่เท่านั้น
“เข้าไปหาพ่อกันค่ะ” ไอรีนเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกาย
“....”
“นั่นคือพ่อแท้ ๆ ของไอรีนไงคะ” นางฟ้าของไอรีนย่อตัวนั่งลงตรงหน้า
“....” สายตาของเธอสนใจแค่ผู้หญิงตรงหน้า
“ส่วนนี่...” เธอชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“แม่” เป็นคำแรกที่ไอรีนเอ่ยพูดตั้งแต่เจอกัน
“ใช่ค่ะ นี่แม่ของไอรีน” รอยยิ้มดีใจของนางฟ้าทำให้หัวใจดวงเล็กเต้นแรง รอยยิ้มของคนที่ดีใจกับอะไรมาก ๆ เหมือนรอยยิ้มนั้นดีใจที่มีเธออยู่ด้วย
หลายปีต่อมา
ไอรีนเข้ารับการอบรมในฐานะเจ้าหญิงลำดับที่ 3 แห่งราชวงศ์อิตาลี ได้รับชื่อใหม่ว่า ‘เมอร์ลีอาร์ คาเลนเซีย เจนนิวีพ’ พระนามจริง ไอรีน แต่ด้วยกฎพิเศษของเหล่าเชื้อพระวงศ์ พระนามจริงมีไว้สำหรับบุคคลสำคัญของตัวเองเท่านั้น เธอจึงใช้พระนามแฝงว่า คริส
เธอเริ่มเข้ารับการศึกษายังสถานศึกษาพิเศษช้ากว่าคนอื่น แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะด้วยความเป็นเด็กสมองไว ไอรีนจึงเข้าเรียนตามเกณฑ์อายุเท่ากับเด็กวัยเดียวกันได้อย่างไร้ข้อกังขา
ในฐานะเจ้าหญิงคนพิเศษเธอจึงขอที่จะอยู่ในฐานะเด็กสาวธรรมดาเท่านั้น ไอรีนปกปิดตัวตนมาตลอดตั้งแต่ก้าวเท้าออกสู่สังคมภายนอก ทั้งชื่อแฝงและนามสกุลของควีนมาเรียที่เธอได้รับอนุญาตให้นำมาใช้สำหรับเข้าเรียน
“ทำไมคริสนามสกุลเดียวกับควีนมาเรียเลยล่ะ” เพื่อนร่วมชั้นยืนล้อมโต๊ะเรียน
“เรา...เราเป็นเด็กกำพร้าที่ตระกูลควีนรับมาเลี้ยงน่ะ” เธอใช้คำตอบเดิมตลอดทุกครั้งที่ถูกตั้งคำถาม
“...งั้นเหรอโอเค” พูดจบเธอก็เดินจากไปทันที
เป็นแบบนี้มาตลอดและเธอก็เริ่มชินชากับมันแล้วด้วย แม้ว่าตอนนี้จะเข้าสู่ชั้นระดับมหาลัยแต่เพราะยิ่งโตมากเท่าไหร่ กลุ่มคนรอบตัวที่พยายามเข้าหาเธอเพียงเพราะนามสกุลของควีนมาเรียก็มีมากขึ้น เธอยังมีความสุขในฐานะเด็กสาวธรรมดาแบบนี้ ไอรีนไม่ได้ต้องการใครเข้ามาเป็นเพื่อนเพียงเพราะผลประโยชน์ทางสังคม ก็ในชีวิตของเธอมีเพื่อนคนสำคัญแล้ว
หมับ!
“ใครเอ่ย ~”
จู่ ๆ ก็มีมืออ้อมมาจากข้างหลังปิดดวงตาทั้งสองข้างจนมืดสนิท แต่เสียงที่เอ่ยถามคุ้นหูมีหรือที่เธอจะจำไม่ได้
“ลัลลาเบล ~”
“ใช่แล้ว ~”
มือเล็กถูกปล่อยออกจากดวงตา ลัลลาเบล ลูกสาวรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญของประเทศและเธอคือเพื่อนคนสำคัญ ถึงจะรู้ว่าฉันเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ตระกูลควีนรับมาเลี้ยงเธอก็ไม่เคยรังเกียจ เราทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ระดับชั้นประถมจนปัจจุบัน
“อารมณ์ดีจังเลยนะวันนี้” ช่วงนี้เธอดูสดใสขึ้นมาก เหมือนผู้หญิงที่กำลังมีความรักเลย
“ก็...” ลัลลาเบลโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหู
“....” ฉันเองก็เอียงหูตั้งใจฟังสิ่งที่เธอกำลังพูดเช่นกัน
“กลุ่มพี่สเตฟานชวนฉันไปงานปาร์ตี้คืนพรุ่งนี้ด้วยนะ” ชื่อนี้อีกแล้ว
“แล้วจะไปมั้ย” ถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็ยังจะถามออกไป
“ไปอยู่แล้ว มีความจริงจะบอก...ฉันกับพี่สเตฟานกำลังคุยกันอยู่”
“ฮะ!” ฉันร้องขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ
“เบาสิคริสเสียงดังอายคนอื่นเขา” ลัลลาเบลเขย่าแขนฉัน ใบหน้าสวยแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
“ไปคุยกันตอนไหน” ก็เขาไม่ใช่คนดีเลยนะ เปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อยไม่เห็นจะคบใครจริงสักคน
“ได้ประมาณอาทิตย์แล้ว” เธอพูดด้วยอาการเขินอาย
“แต่พี่เขา...”
“อวยพรให้ฉันสมหวังด้วยนะ”
“แต่เราไม่เคยเห็นเขาคบกับใครจริงจังเลยนะ” เราทั้งสองคนต้องคุยด้วยเสียงกระซิบ เพราะคนที่กำลังพูดถึงทุกคนในมหาลัยต่างรู้จักเขาดี
สเตฟาน ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเก่าแก่หนึ่งเดียวของอิตาลี ตระกูลผู้ครองเก้าอี้ตำแหน่งสูงของสภามากที่สุด เรียกได้ว่าทรงอิทธิพลพอตัวเลยล่ะ ผู้ชายที่เพียบพร้อมย่อมเป็นที่สนใจของสาว ๆ
และนั่นยิ่งทำให้เขาเป็นผู้เลือก ไม่ใช่ผู้ถูกเลือก สเตฟานอายุเยอะกว่าพวกเราถึง 3 ปี เขาจึงเป็นรุ่นพี่ในมหาลัย ลัลลาเบลชอบและคลั่งไคล้มาตลอดตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอสมัยเรียนชั้นประถม แบบว่าคลั่งรักสุด ๆ จากแอบชอบมาเป็นแอบรัก รักเดียวไม่เคยเปลี่ยน
“เราอาจจะเป็นคนแรกก็ได้” ตอนนี้ลัลลาเบลคลั่งผู้ชายคนนั้นยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก แต่ทั้งสองคนก็เหมาะสมกันในทุกเรื่อง
“....” พอเห็นเธอมีสิทธิ์จะสมหวังกับรักแรกฉันก็ไม่อยากขัดใจ
“พี่เขาน่ารักมาเลยนะ ดูนี่สิ” ลัลลาเบลเปิดแชทที่คุยให้ได้อ่าน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นทางเธอมากกว่าที่คุยส่วนเขาก็ตอบ แต่ใช้เวลานานกว่าจะตอบสักที
“อื้อ เราขอให้ลัลลาเบลสมหวังนะ เราอยากเป็นเพื่อนเจ้าสาว”
“ไปถึงแต่งงานเลยเหรอ เราอ่ะไม่รู้ว่าจะใส่ชุดไหนไปงานดี คริสว่าแบรนด์นี้ดีมั้ย” ตอนนี้กลายมาเป็นฉันต้องช่วยเธอเลือกชุดสำหรับปาร์ตี้ จะว่าไปความรักก็ทำให้คนเราสดใสได้มากขนาดนี้เลยนะ