เจอกัน 1/4
ในเช้าของวันเปิดเทอม... ปีสี่แล้วสินะ รู้สึกเหมือนตัวเองพึ่งเข้ามหาลัยเมื่อวานนี้เอง เผลอแป๊บเดียว พวกผมทั้งสี่คนก็จะเรียนจบกันแล้ว
ผมกำลังนอนเล่นคิดอะไรเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงไอ้เลโอตะโกนมาแต่ไกล
“พวกมึง...กูมีอะไรจะบอก” เลโอเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มหน้าระรื่น
ตอนนี้ผมกับเพื่อนอีกสองคนกำลังนอนเล่นกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างๆ ตึกคณะบริหารธุรกิจ
“อะไรของมึงวะ” โต้งลุกขึ้นนั่งถามเลโออย่างหัวเสีย
“เรื่องนี้อาจจะไม่ตื่นเต้นสำหรับมึง แต่มันตื่นเต้นสำหรับไอ้ไบค์” เลโอบอก
“จะพูดอะไรก็รีบพูดมา อย่าลีลา” ผมรีบลุกขึ้นนั่งแล้วถามเลโอทันที มันจะมีเรื่องอะไรให้ผมได้ตื่นเต้นงั้นเหรอ
“กูไปดูรายชื่อของน้องๆ ปีหนึ่งที่คณะมา มีชื่อน้องแก้มใสของมึงด้วยไอ้ไบค์”
แก้มใสงั้นเหรอ... ผมไม่ได้ยินชื่อนี้มานานแค่ไหนแล้ว ตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลายผมก็ไม่ได้เจอแก้มใสอีกเลย แล้วรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาอย่างลืมตัว
“เอ้อ! ไอ้โต้งกูเห็นชื่อน้องต้าหนิงด้วย ไม่เห็นมึงเล่าให้เพื่อนฟังบ้างเลย” เลโอหันไปถามไอ้โต้งต่อ เพราะต้าหนิงเรียนที่นี้นี่เองแก้มใสถึงได้ตามมาด้วย
งั้นก็ดีนะสิ ไอ้เรซเพื่อนยากจะได้รวบหัวรวบหางน้องต้าหนิงสักที นี่ถ้าไอ้โต้งรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่นะ มีหวังได้แดกตีนมันแทนข้าวแน่ๆ
“แล้วทำไมกูต้องบอกพวกมึงด้วยวะ” โต้งถามเลโอด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“เอ้า! ไอ้นี่ ก็พวกกูเพื่อนมึงไงคร๊าบ...” เลโอตอบ
“ไม่ยักรู้ว่าเรื่องของน้องกูเนี่ย เป็นที่น่าสนใจของพวกมึงตั้งแต่เมื่อไหร่...” ปากมันถามเลโอแต่สายตาของไอ้โต้งชำเลืองมองไปที่ราเรซอย่างไม่ปิดบัง มันก็คงระแคะระคายอยู่หน่อยๆ ล่ะ ตราบใดที่ไอ้เรซยังนิ่งอยู่ ต่อให้สงสัยแค่ไหนก็ทำอะไรมันไม่ได้อยู่ดี
“กูว่าเราไปดูกันหน่อยไหม กูอยากเห็นแก้มใส ไม่ได้เจอกันตั้งสามปี อยากจะรู้นัก...ว่าถ้าเจอหน้ากูตอนนี้จะเป็นยังไง..” ผมจึงเอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้
ความจริงผมก็อยากจะเห็นแก้มใสด้วยแหละ ไม่ได้เจอกันตั้งสามปี ไม่รู้ว่า แก้มใสจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน โดยเฉพาะใจของแก้มใสนั้น จะเปลี่ยนไปด้วยหรือเปล่า หรือยังมั่นคงต่อคนที่เธอชอบอยู่
“ไปดิ กูก็อยากไปส่องเหมือนกันว่ามีคนน่ารักๆ บ้างไหม” ราเรซพูดเสริม
ใจจริงมันคงอยากจะเห็นหน้าน้องต้าหนิงมากกว่า แต่จะให้มันเอ่ยออกมาตรงๆ ก็เกรงว่าจะโดนบาทาของไอ้โต้งเข้าให้
“แล้วมึงสนใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไอ้เรซ กี่ปีๆ กูก็ไม่เห็นมึงจะระริกระรี้ขนาดนี้เลย” แล้วมันก็โดนไอ้โต้งแขวะจนได้
“มันก็คงอยากขึ้นมาบ้างล่ะมั้ง” ผมจึงหันไปตอบไอ้โต้งแทนราเรซ ก่อนจะหันกลับมายักคิ้วให้ไอ้เรซอย่างรู้กันแค่สองคน
“กูลืมโทรศัพท์ไว้ในรถวะ พวกมึงไปก่อนเลย” ราเรซรีบเดินไปยังลาดจอดรถทันที ผม ไอ้โต้ง ไอ้เลโอ จึงเดินไปที่หน้าคณะก่อนราเรซ
เมื่อเดินมาถึงหน้าคณะ สาวๆ ต่างก็หันมามองพวกผมทั้งสามคนด้วยความสนใจ ไอ้ผมมันคนยิ้มเก่ง ผมก็เลยยิ้มโปรยเสน่ห์ไปให้คนละเล็กละน้อยพอหอมปากหอมคอ พอให้รุ่นน้องได้เก็บเอาไปฝันหวาน
“น้องๆ นักศึกษาใหม่ทั้งหลายมาลงชื่อกันตรงนี้นะครับ แล้วก็มารับป้ายชื่อของตัวเอง พี่จะได้รู้ว่าใครไม่มาบ้าง” เสียงเพื่อนร่วมคณะคนหนึ่งประกาศบอกน้องปีหนึ่งให้มาลงชื่อ มันชื่อว่าบาส
“ต้าหนิง แก้มใส”
ผมหันไปมองตามเสียงเรียกของรุ่นน้องสองคนก็ได้เจอกับเจ้าของชื่อที่เพื่อนของเธอเอ่ยเรียกไปเมื่อกี้ สี่สาววิ่งเข้าหาแล้วโอบกอดกันอย่างดีใจที่ได้เจอกัน
“อ้าวๆ อย่ามัวแต่ดีใจที่เจอกันครับ รีบมาลงชื่อกันก่อนเลย” เสียงไอ้บาสประกาศแซวสี่สาวที่ดีใจเสียงดังจนคนอื่นๆ หันไปมองที่พวกเธอ หรืออาจจะมองเพราะความน่ารักของสองในสี่คนนั้นก็เป็นได้
“ชื่อเล่นอะไรคะ” ซินดี้เอ่ยถามต้าหนิงเมื่อเธอเดินมายังจุดลงชื่อ
“ต้าหนิงค่ะ”
“ทำไม นามสกุลเหมือนโต้งเลยล่ะ” แป้งเอ่ยถามต้าหนิงอย่างใคร่รู้
“ก็น้องฉันนิ...”
“เฮีย...” ต้าหนิงวิ่งเข้าไปสวมกอดพี่ชายของตัวเองด้วยความดีใจ
“อ้าว โต้งมีน้องสาวด้วยเหรอ น่ารักซะด้วย” แป้งเอ่ยชม
“น้องมึงเหรอโต้ง น่ารักวะ... มีแฟนยังครับ” เสียงเพื่อนผู้ชายร่วมคณะที่นั่งอยู่ด้านหลังพูดแซวขึ้น
“ตีนกูก่อนไหม” แล้วพวกก็โดนไอ้โต้งแจกหมาเข้าให้
“แล้วน้องชื่ออะไร” ซินดี้หันไปถามสาวน้อยอีกคนที่เดินตามต้าหนิงมาติดๆ เธอแอบมองไอ้โต้งอย่างเงียบๆ แต่มันก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาอันเฉียบคมของผมได้ นี่ยังชอบมันอีกอยู่เหรอ นึกแล้วก็เจ็บใจชะมัด
“แก้มใสค่ะ” เธอตอบซินดี้โดยที่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย แก้มใสไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผมแอบมองเธออยู่ มันน่านัก... ด้วยความหมั่นไส้ผมจึงเดินไปชิดด้านหลังแล้วเอ่ยทักทายเธอเบาๆ
“เรียนคณะนี้ด้วยเหรอ...”
ร่างบางถึงกลับสะดุ้งเมื่อหันมาเจอหน้าผมในระยะประชิด แก้มใสดูตกใจมากที่เจอผม หึ...แบบนี้สิ ค่อยน่าสนุกหน่อย
“ค่ะ” แก้มใสรีบหลุบตาลงต่ำทันทีที่สบตากับผม
“แล้วเจอกัน...” ผมกระซิบบอกพร้อมกับเดินชนไหล่แก้มใสอย่างเฉียดๆ เพราะถ้าชนโดนจริงๆ มีหวังร่างบางได้กระเด็นแน่
จากนั้นพวกรุ่นพี่ก็พาน้องปีหนึ่งเข้ามายังหอประชุมเพื่อทำกิจกรรมต่อไป ไอ้บาสประกาศให้น้องปีหนึ่งจับกลุ่มโดยที่ให้แต่ละกลุ่มมีชายหญิงปนกันด้วย
“ไอ้ไบค์ ไปลากไอ้บาสมานี่ดิ” ราเรซหันมาบอกกับผม เมื่อคำสั่งของไอ้บาสไม่เป็นที่พอใจสำหรับมันและผมด้วย พอไอ้บาสพูดจบผมก็เดินเข้าไปจับคอเสื้อนักศึกษาของไอ้บาสแล้วก็ลากมันตรงที่ผมนั่งอยู่เมื่อกี้
“อะไรของมึงครับ” ไอ้บาสโวยนิดหน่อยที่ถูกผมเชิญตัวมาอย่างมีมารยาท...
ป้าบ! ราเรซตบหัวไอ้บาสไปหนึ่งที แต่ก็ไม่ได้แรงอะไรมาก แค่มันเกือบหัวทิ่มแค่นั้นเอง
“มึงประกาศ เหี้ยไร ทำไมให้จับกลุ่มปนกันมัวแบบนั้น” ราเรซโวยไอ้บาส
“เอ้า! ไอ้นิ ก็กูต้องการให้น้องๆ ทำความรู้จักกัน และก็สามัคคีกัน พวกมึงไม่ช่วยเหี้ยไร ก็อยู่เฉยๆ ควายยยยย” แล้วผมกับไอ้เรซก็โดนไอ้บาสด่ากลับ
เกมที่พวกน้องปีหนึ่งเล่นอยู่นี้มันชั่งขัดหูขัดตาชะมัด เพราะต้าหนิงกับแก้มใสต้องไปยืนอยู่ตรงกลางเพื่อนให้เพื่อนผู้หญิงสองคนกับเพื่อนผู้ชายอีกสองคนยืนโอบพวกเธอเอาไว้ แล้วไอ้เหี้ยสองตัวนั้นก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นอย่างมีความสุขที่ได้โอบกอดเพื่อนผู้หญิงน่ารักๆ ถึงมันจะเป็นแค่เกมก็เถอะ
“กูอยากเอาส้นตีนยันหน้าไอ้สองตัวนั่นจัง” ผมหันไปพูดกับราเรซด้วยอารมณ์หงุดหงิดนิดๆ
“กูก็ด้วย สัสเอ๊ย...” ราเรซเองก็เห็นด้วยกับผม
ตุบ!
“เฮ้ย! /เฮ้ย!”
ผมกับราเรซร้องประสานเสียงดังลั่น ทำให้เพื่อนในกลุ่มหันมามองเป็นตาเดียว ที่ร้องกันอย่างตกใจขนาดนี้นะเหรอ.. ก็เพราะว่าต้าหนิงล้มลงไปทับร่างไอ้รุ่นน้องปีหนึ่งผู้ชายที่อยู่กลุ่มเดียวกันกับเธอนะสิ ส่วนแก้มใสก็ไม่ต่างกัน แถมหนักกว่าต้าหนิงอีกเพราะเธออยู่ใต้ร่างไอ้รุ่นน้องนั่น ผมนี่นั่งกำหมัดแน่นแทบจะลุกขึ้นไปซัดหน้าไอ้รุ่นน้องนั่นอยู่ล่ะ
“เย็นไว้เพื่อน...” ราเรซกระซิบเรียกสติผมคืนมา
“เราจะทำโทษเพื่อนกลุ่มนี้ยังไงดีครับ” ไอ้บาสหันไปถามเพื่อนกลุ่มอื่นๆ
“เดี๋ยวกูพาไปทำโทษเอง” ผมจึงรีบอาสาทันที ในจังหวะนั้นแก้มใสหันมามองหน้าผมพอดี สายตาของเธอดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด คงจะกลัวล่ะสิ ได้เจอดีแน่...
“เดินตามพี่มาครับ” ผมเดินไปบอกกลุ่มของแก้มใส พร้อมกับหันไปชวนราเรซด้วย
ผมเดินนำน้องปีหนึ่งมายังห้องประชุมขนาดย่อยของคณะ การทำโทษน้องปีหนึ่งนี้ มันคือแผนการอย่างหนึ่งของผม เพื่อที่จะได้ทักทายคนที่ไม่ได้เจอกันนานให้หายคิดถึงซะหน่อย
ผมเดินนำน้องปีหนึ่งมายังห้องประชุมขนาดย่อยของคณะ การทำโทษน้องปีหนึ่งนี้ มันคือแผนการอย่างหนึ่งของผม เพื่อที่จะได้ทักทายคนที่ไม่ได้เจอกันนานให้หายคิดถึงซะหน่อย
“กูอยู่ในห้องคณะนะ...” ผมเอ่ยขึ้นลอยๆ ก่อนจะเดินไปอีกทาง ซึ่งผมรู้ดีว่าไอ้เรซต้องเข้าใจอย่างแน่นอน
“อีกสี่คนตามพี่มานี่” แล้วผมก็พาอีกสี่คนไปยังห้องอื่น ทีนี้ผมจะเอาพวกที่เหลือไปปล่อยไว้ที่ไหนดีเนี่ย ต้องรีบสลัดทิ้งก่อนที่ราเรซจะส่งตัวแก้มใสไปที่ห้องคณะ
“น้องๆ ที่เหลือก็แยกย้ายกันไปทำความสะอาดห้องน้ำชายหญิงนะ”
“ฮะ! ให้พวกผมไปทำความสะอาดห้องน้ำเนี้ยนะ” รุ่นน้องผู้ชายที่ล้มทับแก้มใสโวยขึ้น กูไม่ยันหน้ามึงก็บุญแล้วไอ้น้อง
“น้องมีปัญหาเหรอครับ” ผมถามกลับด้วยท่าทีเอาเรื่อง ไอ้รุ่นน้องหลบตาผมแทบไม่ทัน
“เปล่าครับพี่” เพื่อนมันอีกคนช่วยตอบแทน
“งั้นก็ไปกันได้แล้ว” ผมพูดเสียงเข้มขึ้นอีกนิดเพื่อแสดงให้รู้ว่า อย่าทำให้รุ่นพี่โมโห ไม่งั้นจะเดือดร้อน รุ่นน้องทั้งสี่คนต่างก็รีบเดินไปคนละทิศละทาง
เมื่อเคลียร์ทางเรียบร้อยแล้วผมก็รีบเดินกลับมายังห้องคณะด้วยความรวดเร็ว เป็นจังหวะเดียวกันกับที่แก้มใสเปิดประตูเข้าไปในห้องพอดี ผมจึงรีบเดินตามเข้าไปแล้วล็อกกลอนประตูทันที
“ทำอะไรคะ”
.
.