หวงก้าง 1/4
“ไปด้วย!! ”
ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงห้วนๆนั่น ก็ทำให้ฉันได้สติแล้วล่ะสายตาจากพี่ยูมามองยังเจ้าของน้ำเสียงแข็งๆนี้ ที่ไม่รู้ว่ามายืนข้างฉันตั้งแต่เมื่อไร เห็นตอนแรกยังไม่ยอมลุกขึ้นยืนเลย แล้วไงมายืนข้างฉันได้เร็วขนาดนี้ ราเรซกับเพื่อนอีกสองคนยังเดินตามมาไม่ถึงเลย ทั้งที่ลุกขึ้นยืนก่อนซะด้วยซ้ำ
“ไหนบอกไม่ไปไง ไอ้โต้ง” ราเรซถามขึ้น เมื่อเดินมาถึงตัวเพื่อน
“กูเปลี่ยนใจแล้ว” โต้งตอบโดยที่ไม่หันหน้าไปมองราเรซ เพราะเขาเอาแต่จ้องหน้าฉันอยู่นี่แหละ ไม่รู้จะทำหน้านิ่งไปถึงไหน ฉันเดาใจเขาไม่ออก...
ตึกๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ
แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกกลัวเขาด้วยนะ ความรู้สึกเหมือนกับว่าฉันทำผิด ก็เลยกลัวเขาอย่างนั้นแหละ... นี่ก็จ้องอยู่ได้ ไหนจะสายตาเอาเรื่องนั่นอีก
“จะไปด้วยเหรอ ไอ้น้อง บอกไว้ก่อนนะ งานนี้น่ะ มันงานแมนๆ ต้องการผู้ชายแมนๆ ไม่ใช่โดนแดดนิดๆ หน่อยๆ ก็วิ่งเข้าร่มนะ” พี่แมทเดินเข้ามาพูดแขวะโต้ง
“ผมไม่แมนตรงไหน” โต้งล่ะสายตาจากฉันแล้วหันไปจ้องหน้าพี่แมทแทน
“หุ่นมึงบอบบางมากอ่ะ น้อง!” พี่แมทยังแขวะต่อ
“ลองชกกันหน่อยไหมล่ะ จะได้รู้” โต้งท้าทาย
“ไอ้..” พี่แมทเตรียมจะพุ่งเข้าใส่โต้ง
“ใจเย็นพี่” พี่ยูเดินเข้ามาขว้างห้ามไว้ก่อน
“มึงนี่มัน.. ระวังตัวให้ดีเหอะ!” พี่แมทสะบัดแขนใส่อากาศอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินออกจากหอประชุมไป
“ทำไมชอบมีเรื่องนัก ห๊ะ!” เมื่อลับตาพี่แมทแล้ว ฉันจึงหันมาบ่นโต้งทันที
“นี่ ถ้าสนใจกันตั้งแต่แรก จะรู้...ว่าโต้งไม่ได้เริ่มก่อน” พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ร่างสูงก็เดินเฉียดฉันออกไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนเดิม
คำพูดเมื่อกี้ ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนเขาน้อยใจเลยนะ นี่เขาน้อยใจฉันเหรอ?
แล้วน้อยใจเรื่องอะไร ฉันยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยเลย..
นี่แหละ คือเหตุผล ที่ฉันไม่อยากคบกับรุ่นน้อง เพราะฉันเอาใจใครไม่เป็น ตามอารมณ์เขาไม่ทันด้วย ฉันอยากจะมีแฟนเป็นรุ่นพี่มากกว่า เพราะชอบให้คนมาเอาใจมากว่าไปเอาใจเขา
หลังจากประชุมเสร็จ ฉันกับบัวตองก็เดินมานั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนตัวเดิม พร้อมกับแวะซื้อขนมขบเคี้ยวติดไม้ติดมือมาด้วย
“มิริน”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ที่ทำสีหน้าอึดอัดนิดหน่อย เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่กล้าพูด
“มีอะไร” ฉันถามออกไปอย่างนึกรำคาญนิดๆ
“แกกับเพื่อนน้องชายอ่ะ ยังไงกันเหรอ” ที่เงียบมาตลอดทางคงจะอึดอัดมากสินะเพื่อนฉัน ต่อมความอยากรู้เริ่มทำไงล่ะ
“แกดูปากฉันนะบัวตอง” บัวตองพยักหน้าอย่างเข้าใจ พร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาดูเต็มที
“ไม่ มี อะ ไร” ฉันพูดช้าๆ ชัดๆ เน้นทุกคำ
“แต่ฉันว่ามี” ยังไม่หยุดสงสัยอีก
“มีอะไร” ถามเสร็จก็ยัดขนมเข้าปากอย่างไม่สนใจเพื่อน
“ฉันว่า น้องคนนั้นชอบแกชัวร์” ฉันว่า.. ฉันจะส่งยัยเพื่อนตัวดีไปทำอาชีพหมอดูให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เดาซะแม่นเชียว ฉันมองหน้าบัวตองอย่างเซ็งๆ ที่ยัยนี้ เดาถูก
“จริงเหรอ” บัวตองแสดงสีหน้าตื่นเต้นอย่างกับตัวเองถูกชอบซะเองอย่างงั้นแหละ
“เขาเคยสารภาพรักกับฉัน เมื่อปีที่แล้ว แต่ฉันก็ปฏิเสธเขาไป” ฉันเล่าให้เพื่อนฟังอย่างไม่ปิดบัง
“โฮ่.. แกใจร้ายอ่ะ” ไม่ว่าเปล่าค่ะ แถมยัยเพื่อนตัวดียังปาขนมใส่หัวฉันอีก
“ก็ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรนิ” ฉันก็ปาขนมใส่คืนเหมือนกัน
“เอาตรงๆนะ โต้งน่ะ ดูดีกว่าทุกคนที่เข้ามาจีบแกด้วยซ้ำ”
“แล้วไงล่ะ หน้าตาดีอย่างเดียวมันใช่ได้เหรอ นิสัยสิ สำคัญ...” ฉันพูดให้เพื่อนคิดตาม จะได้ไม่ลุ่มหลงไปกับรูปร่างหน้าตาภายนอก
“แล้วโต้งไม่ดีตรงไหน”
ฉึก! ถามได้จี้จุดมาก ไม่ดีตรงไหนเหรอ ที่จริงเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแต่เขาเด็กกว่าฉัน อย่างที่บอกแหละ ฉันชอบที่จะให้คนเอาใจมากกว่าเอาใจเขา... เหมือนเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่ฉันชอบแบบนี้อ่ะ
“เขาใจร้อน แล้วก็..เด็กไป”
“ไร้สาระแก เหตุผลฟังไม่ขึ้น” แล้วบัวตองก็ขัดฉันจนได้
“อย่างกับแกนี่มีสาระงั้นแหละ จีบเองเลยไหม จะได้เลิกโวยฉันสักที ถ้าจะเสียดายขนาดนั้น” ฉันเลยแขวะเข้าให้อย่างขำๆ
“ย่ะ! ถ้าเขาชอบฉันน่ะนะ”
มีสักครั้งไหม ที่ยัยเพื่อนบ้านี่ มันจะยอมฉันบ้าง เถียงตลอด ไม่เคยอยู่ข้างฉันเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าฉันเป็นเพื่อนกับยัยนี่ได้ยังไง แต่ก็นะ.. เพราะแบบนี้แหละ บัวตองถึงดูจริงใจที่สุด เพราะเวลาที่ฉันเผลอทำอะไรที่ไม่เข้าท่า บัวตองก็จะคอยเตือนตลอด..
Rrrrrrrrrrrrrrrrr
(061234XXXX)
เบอร์ใครก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะคุ้นเลย
ฉันนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์อย่างหวาดระแวง ฉันไม่ค่อยอยากจะรับสายเบอร์แปลกสักเท่าไร เพราะเคยเจอพวกโรคจิตโทรมาก่อกวนชวนขนลุก
“ทำไมไม่รับสายล่ะ” บัวตองนั่งมองหน้าฉันอย่าง งงๆ ก่อนจะเอ่ยปากถาม
“เบอร์แปลกอ่ะ ไม่กล้ารับ” ฉันตอบเพื่อนไปตามตรง
“มานี่” บัวตองแย่งโทรศัพท์ของฉันไปกดรับสายเอง
“สวัสดีค่ะ” บัวตองกรอกเสียงพูดลงไป พร้อมกับกดปุ่มเปิดลำโพงให้ฉันได้ยินด้วย
“น้องมิรินครับ นี่พี่เฟยเองนะ น้องมิรินอยู่ตรงไหน พี่มาถึงมหาลัยแล้วนะ” (พี่เฟย)
“พี่เฟยเหรอคะ” สงสัยแม่ให้เบอร์โทรของฉันแน่ๆ เลย แม่นะแม่
“ครับ ตอนนี้พี่อยู่หน้ามหาลัย จะให้พี่ไปรับตรงไหนครับ” (พี่เฟย)
“รออยู่ตรงนั้นแหละค่ะ เดี๋ยวมิรินออกไปหา” พูดจบฉันก็กดตัดสายทิ้งทันที
“อยากมีผู้มารับบ้างจัง” บัวตองแซว
“บัวตอง!!” ฉันเอ่ยชื่อเพื่อนอยากตื่นเต้นพร้อมกับรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ เมื่อคิดอะไรออก
“อย่ามามองหน้าฉันแบบนี้นะ มิริน” บัวตองผละตัวถอยหลังอย่างหวาดระแวง
“ไปกับฉัน”
“ฉันไม่ไป...”
ฉันไม่สนใจคำคัดค้านของเพื่อน รีบฉุดมือบัวตองให้ลุกออกจากม้านั่งแล้วลากเพื่อนให้เดินตามฉันมายังหน้ามหาลัย
ฉันเดินมาถึงหน้ามหาลัยก็เห็นนักศึกษาผู้หญิงหลายคนต่างก็ยืนมุงดูอะไรสักอย่าง และพอฉันเดินเข้ามาใกล้ๆ ก็ไขข้อข้องใจทันที พากันมุงดูรถของพวกสี่กุมารนี่เอง พึงจะขึ้นปีหนึ่งแท้ๆ ขับรถมาเรียนซะล่ะ เปิดตัวแรงจริงๆ กลุ่มน้องชายฉันเนี้ย โดยฉะเพราะเจ้าของรถหรูคันสีแดงนั่น ร้อนแรงเหมือนเจ้าของไม่มีผิด