ห้องหอ 3/3
“นี่...อย่าเข้ามาใกล้มากได้ไหม!!” ต้นหลิวดึงผ้าห่มหนี ทำให้ผมโดนอากาศเย็นๆกระทบผิว
“ฉันหนาวนะ แบ่งฉันห่มบ้างดิ” ผมโอดครวญใส่
“ไม่!”
“จะแบ่งฉันดีๆ หรือจะแบ่งด้วยน้ำตา ห๊ะ!” ผมแอบขู่เล็กน้อยหวังให้ต้นหลิวยอมแบ่งผ้าห่มให้
“ไม่!”
ด้วยความที่อยากเอาชนะ ผมจึงแย่งผ้าห่มมาจากเธอ ต้นหลิวเองก็ไม่ยอมมือเล็กแย่งผ้าห่มกลับไป
“ปล่อยนะ!!”
“ฝันไปเหอะ!!”
เราต่างยื้อแย่งผ้าห่มกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร และผมก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีกระตุกผ้าห่มเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ผ้าห่มปลิวมาอยู่ที่ผม แต่ว่า...ไม่ใช่แค่ผ้าห่มที่ปลิวมา ร่างบางของต้นหลิวก็ปลิวมาด้วยเช่นกัน และมันทำให้เธอมาอยู่เหนือร่างกายของผมโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจ
ตากลมโตจ้องมองผมอย่างตื่นตระหนก ผมเองก็เช่นกัน ด้วยสัญชาตญาณเสือผู้หญิง ทำให้ผมยกเรียวแขนขึ้นรัดเอวบางไว้แน่นเมื่อเห็นว่าต้นหลิวพยายามจะลงจากตัวของผม
ความนุ่มนิ่มที่มีเพียงผ้าบางๆ กั้นไว้ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด สัมผัสที่เสียดสีอยู่บนแผงอกทำให้ผมขึ้นเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ตื่นตัว ไม่อยากจะเชื่อ ว่ายัยตัวเล็กจะปลุกอารมณ์ดิบในตัวผมได้ ทั้งที่สาวสวยบางคนพยายามอย่างหนักที่จะทำให้ผมเกิดอารมณ์ร่วม แต่เธอเหล่านั้นก็ทำไม่สำเร็จ
“ปล่อย...” ต้นหลิวเอ่ยเสียงเบา แต่ด้วยความที่เราอยู่ใกล้กันมากจึงทำให้ผมได้ยินชัดเต็มสองหู และไม่ใช่แค่เสียงของเธอเท่านั้นที่ได้ยิน ผมยังได้ยินเสียงหัวใจของต้นหลิวเต้นโครมครามอย่างรุนแรงเพราะมันสะเทือนมาถึงอกของผม
ต้นหลิวดิ้นขลุกขลักไปมาพยายามจะลงจากตัวผมให้ได้ แต่ยิ่งเธอดิ้นแรงเท่าไร ร่างกายเราสองคนก็เกิดการเสียดสีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งมันไม่ดีต่อผมและเธอเอาซะเลย ผมมันคนความอดทนต่ำซะด้วยสิ
“อยู่นิ่งๆ” ผมข่มตาลงและพยายามอดกลั้นความต้องการเอาไว้เพราะไม่อยากทำร้ายต้นหลิว ถึงผมจะเป็นเสือผู้หญิงแต่ผมก็ไม่อยากขืนใจใครถ้าหากเธอคนนั้นไม่ยินยอม
“นายก็ปล่อยฉันสิ” ต้นหลิวยังคงดิ้นไม่หยุด และผมเองก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
“ถ้าไม่อยากเป็นเมียฉันจริงๆ ก็หยุดดิ้นได้เดี๋ยวนี้!” ผมขบกรามแน่นอย่างข่มอารมณ์ และสิ่งที่ดุออกไปก็ได้ผลเพราะต้นหลิวหยุดดิ้นแล้ว
ผมค่อยๆ พลิกตัวนอนตะแคงข้างแล้วกดหัวทุยแนบกับอกแกร่ง แต่ยังคงโอบกอดต้นหลิวไว้อยู่ ผมขยับผ้าห่มขึ้นมาห่มกายเราทั้งคู่ แล้วข่มตานอนพยายามไม่คิดอะไร ทำสมองให้โล่งเข้าไว้
“นะ นายไม่ต้องกอดฉันก็ได้”
“เงียบเถอะน่า...”
เช้าวันรุ่งขึ้น....
กว่าจะข่มตาให้หลับได้ก็เล่นเอาซะผมแทบตาค้าง ยัยตัวเล็กนี่ก็หลับสบายเลยแถมนอนกอดผมแน่นอีก ไม่ได้ตั้งใจลวนลามหรอกนะ เพียงแต่ว่าอากาศมันหนาวมาก ผมจึงจำเป็นต้องนอนกอดต้นหลิวทั้งคืนเพื่อให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน ถ้าไม่ทำอย่างนั้นมีหวังนอนหนาวตายทั้งคู่แน่
ผมตื่นก่อนต้นหลิวจึงลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำก่อนเธอ ผมหยิบเสื้อเชิ้ตตัวที่ใส่ซับในเมื่อวานเอามาใส่แก้ขัดในเช้านี้ไปก่อน ก็เล่นไม่เอาชุดมาให้ผมเปลี่ยนเลยนิ
“กี่โมงแล้วเนี่ย”
เมื่อผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นต้นหลิวนั่งห่มผ้าจนถึงคอเหลือไว้เพียงหัวเพื่อหันมาคุยกับผม
“สองโมงครึ่ง”
“แล้วเราจะได้ออกจากห้องนี้เมื่อไร”
“ไม่รู้” ผมเดินผับแขนเสื้อมานั่งลงที่ปลายเตียง
“เลโอ” ผมหันไปหาตามเสียงเรียก “ขอบใจนะ”
“เรื่อง?”
“ที่...เป็นสุภาพบุรุษอ่ะ”
“หึ! นึกว่าเรื่องอะไร” ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ต้นหลิว เธอเอียนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยอย่างระวังตัว “ก็บอกแล้วไง ว่าไม้กระดานแบนๆ แบบนี้นะ ไม่ทำให้ฉันมีอารมณ์ได้หรอก” ผมหล่ตามองต่ำเล็กน้อยก่อนจะตวัดขึ้นมาแล้วฉีกยิ้มให้ต้นหลิวอย่างกวนๆ
“ย่ะ! งั้นฉันคงต้องขอบคุณไม้กระดานของฉันสินะ ที่ทำให้ฉันรอดพ้นมือนายได้น่ะ!”
“ถูกต้องนะคร๊าบบบบ”
“นายนี่มัน...” ต้นหลิวยกกำปั้นใส่ผมอย่างเคืองๆ แต่แล้วเธอก็ลดมือลงแล้วหายใจฟึดฟัดแทน
“บ้านก็ออกจะรวย ไม่คิดจะอัพไซส์บ้างเหรอ” ผมแกล้งเธออย่างต่อเนื่อง
“เรื่องของฉันป่ะ! นายมายุ่งอะไรด้วย”
“ถึงว่าแหละ”
“อะไร?”
“ถึงว่า...ไม่มีสามีสักทีไง ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้เลโอบ้า!!” แล้วผมก็โดนต้นหลิวเหวี่ยงหมอนใส่อย่างโมโห
จะว่าไป...มีคนให้แกล้งแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันแฮะ ไม่เหงาดี