Chapter 22 นางบำเรอไร้สถานะ
Chapter 22
นางบำเรอไร้สถานะ
ไข่หวานกลับมาที่คฤหาสน์นฤบรินทราชด้วยความบอบช้ำไปทั้งหัวใจ
เรือนร่างบางเดินเข้ามาภายในคฤหาสน์อย่างร่องรอยไร้ซึ่งวิญญาณ
หลังจากส่งไข่หวานเสร็จโยคินก็เลยไปส่งเอมี่ด้วย เอมี่ไม่อยากเข้ามาเหยียบที่คฤหาสน์แห่งนี้เพราะกลัวจะมีปัญหา จึงทำได้เพียงส่งเพื่อนเข้าไปที่หน้าประตูรั้ว
“เป็นอะไรไปคะ กลับดึกเชียว”
สาวใช้วัยสาวคนพิเศษอย่างแมลงปอได้เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะๆ ดูสภาพก็รู้แล้วว่าคงไปเจอกับอะไรมา
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
ไข่หวานหงุดหงิดเมื่อเห็นหน้าแมลงปอ สาวใช้แสนสวยในวัยไล่เลี่ยกันกับเธอสวมชุดนอนสายเดี่ยวสีดำลายลูกไม้แสนจะเซ็กซี่ยั่วเย้า
“แล้วนี่ทำไมแต่งตัวแบบนี้เดินในบ้าน?”
คิ้วสวยขมวดมุ่นแล้วมองการแต่งตัวของสาวรับใช้แห่งคฤหาสน์นฤบรินทราชอย่างไม่พอใจนัก
“ก็ท่านน่ะสิคะ ให้คนโทรมาบอกให้แมลงปอเตรียมตัวขึ้นไปปรนนิบัติท่านที่ห้องนอนในคืนนี้”
ยิ่งได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ไข่หวานไม่พอใจ
“หึ ง่ายดีเนอะ เขาเสนอมาเธอก็พร้อมจะสนองในทันที”
สายตาคู่สวยมองสาวใช้ตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้แมลงปอรู้สึกโมโหแต่อย่างใด
“แหม สถานะเรามันก็ใกล้เคียงกันแหละค่ะคุณไข่หวาน มีหน้าที่แค่อ้าขาแล้วก็ครางหวานๆบนเตียงกับท่าน”
“ทุเรศสิ้นดี! อย่าเอาฉันไปเทียบกับเธอ!”
แม้มันจะมีเศษเสี้ยวความจริงแต่ไข่หวานก็ไม่อยากยอมรับมัน เธอเริ่มรักโลกันต์ด้วยหัวใจที่แท้จริงตั้งแต่แรก ไม่ใช่รักเขาเพราะเรื่องเงิน การเงินของบ้านเธอพึ่งจะมามีปัญหาหลังๆนี่เอง
“ทำไมจะเทียบกันไม่ได้คะ? เรามันก็นางบำเรอเหมือนกัน”
“ถึงจะนางบำเรอ อย่างน้อยฉันก็ได้เงินตลอดไม่ขาด ได้รับการนับหน้าถือตาจากพวกลูกน้องของพี่กันต์ ไม่เหมือนเธอสักนิด”
“ก็ถ้าคุณไข่หวานคิดแบบนั้นแล้วพอใจก็เชิญคิดไปนะคะ เดี๋ยวปอขอตัวขึ้นไปชั้นสองก่อนนะคะ พอดีจะไปนอนรอท่านในห้อง”
แมลงปอยิ้มเยาะแล้วเดินนวยนาดสะบัดก้นงอนขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองของคฤหาสน์ ไข่หวานได้แต่มองตามเรือนร่างยั่วเย้านั้นอย่างใจสลาย
ไม่ว่าจะยังไงคนอย่างโลกันต์ก็คงไม่มีวันพอเรื่องผู้หญิงสินะ เธอคงเป็นได้แค่นางบำเรอไร้สถานะจริงๆ
ไข่หวานเดินขึ้นชั้นสองตามไปแล้วเข้าไปที่ห้องนอนของตัวเองซึ่งอยู่ใกล้ๆกับห้องของโลกันต์
เธอต้องทนเห็นแผ่นหลังบางในชุดนอนซีทรูเซ็กซี่เดินเข้าไปในห้องของโลกันต์อย่างปวดใจ
เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ไข่หวานก็อาบน้ำแต่งตัว พยายามทำตัวให้ปกติ ไม่อยากเสียใจเสียน้ำตาอีกต่อไป
แต่แม้จะพยายามข่มตานอนยังไงก็นอนไม่หลับ
ผ่านไปได้ไม่ถึงชั่วโมงก็มีเสียงคนข้างห้องดังขึ้น นั่นยิ่งตอกย้ำให้ไข่หวานนอนไม่หลับไปกันใหญ่ ร่างเล็กนอนตะแคงปล่อยให้น้ำตาได้ไหลรินลงบนปอกหมอนสีขาวสะอาดตา
“อ๊า ท่านขา ปอเสียวค่ะ ซี้ดด”
สาวรับใช้คนสวยครางเสียงสั่นและดังราวกับว่าอยากจะให้ไข่หวานที่อยู่ห้องข้างๆได้ยินชัดๆ
“อ่า แมลงปอ ซี้ด ทำไมลีลาดีขนาดนี้ อ่า..”
เสียงทุ้มครางออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ได้ยินแบบนั้นร่างบางก็ซุกหน้าเข้ากับผ้าห่มแล้วปล่อยโฮออกมา
“ฮือออ ฮึก”
เสียงเล็กพยายามกลั้นสะอื้น ไม่อยากให้ใครได้ยินเสียงแห่งความเสียใจ
“อ๊า”
“โอ้ว”
เสียงของทั้งคู่ยังคงดังเข้ามาในโสตประสาทของไข่หวาน เธอพยามหลับตาลงปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมาเปื้อนหมอนสีขาวใบสวยจนชุ่ม เพียงหลับตาแล้วตื่นขึ้น พรุ่งนี้ก็คงจะเป็นวันที่สุดใสเช่นเคย…เธอภาวนาในใจ
ทางด้านของขนมไข่
“คุณขนมคะ ท่านบอกให้ดิฉันมาแต่งตัวให้เพราะวันนี้จะพาคุณไปออกงานค่ะ”
ขนมไข่ที่กำลังนั่งเล่นอยู่ที่ริมหน้าต่างถึงกับหันไปมองหน้าสาวใช้ที่เดินเข้ามาภายในห้องนอนด้วยความงุนงง
“ออกงาน? งานอะไรเหรอคะ?”
น้ำเสียงเล็กของเด็กสาววัยสิบแปดเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“งานเลี้ยงเกี่ยวกับงานของท่านค่ะ ฉันเองก็ไม่ทราบรายละเอียด”
สาวใช้มีหน้าที่แค่รับใช้ขนมไข่และไม่รู้เรื่องงานของเจ้านายในแต่ละวัน
“ค่ะ”
ขนมไข่ตอบรับนิ่งๆด้วยคำเพียงคำเดียวเพราะไม่รู้จะต่อความยาวสาวความยืดไปทำไม สุดท้ายเธอก็ต้องไปงานนี้กับเขาอยู่ดี
เรือนร่างเล็กเดินเข้าไปภายในห้องอาบน้ำแล้วก้าวเท้าลงแช่อ่างจากุชชี่สุดหรู ผิวพรรณนวลเนียนสัมผัสเข้ากับน้ำนมสีขาวขุ่นที่ถูกคัดสรรมาจากร้านสปาชั้นดี
กลีบกุหลาบสีแดงยิ่งเน้นย้ำความหรูหราและหอมกรุ่นให้กับอ่างได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กหลับตาพริ้มอย่างผ่อนคลายเมื่อได้แช่น้ำนมอุ่นๆ
สาวรับใช้สามคนเข้ามาแล้วช่วยกันสครับผิวด้วยสมุนไพรจากสปาชั้นดีชื่อดัง
“อืม สบายจังเลย..”
ขนมไข่ถึงกับอุทานออกมาเมื่อสาวใช้คนนึงช่วยนวดไหล่ให้เธอ ขนมไข่ไม่เคยใช้ชีวิตแบบนี้มาก่อนเลย
“ชอบแบบไหนบอกได้นะคะคุณขนม”
“ขอบคุณนะคะ เอาแบบนี้แหละค่ะ”
ขนมไข่ยิ้มน้อยๆให้กับสาวใช้ แม้จะมีคนคอยรับใช้ปรนนิบัติอย่างไรแต่ขนมไข่ก็ไม่เคยลืมตัวเลยว่าตัวเองเป็นใคร ไม่คิดจะเป็นเจ้าข้าวเจ้าของภูติณ
หลังจากแช่น้ำเสร็จสาวใช้ก็พาเธอไปแต่งตัว ชุดเดรสสีดำตัวหรูสายเดี่ยวกระโปรงยาว กับผมเกล้าขึ้นโชว์ต้นคอขาวเนียน
“วันนี้สวยจริงเลยนะขนมไข่”
ภูติณที่กลับมาเห็นก็ถึงกับอดยิ้มไม่ได้ เขาพึ่งกลับมาจากทำงานเหนื่อยๆก็เจอกับขนมไข่ที่นั่งรออยู่ในห้องนอนเพื่อเตรียมจะไปงาน
“ค่ะท่าน ขนมทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง พี่ๆสาวใช้ช่วยกันแต่งตัวให้จนสวยเลยล่ะค่ะ”
ขนมไข่ยิ้มอ่อน ภูติณรู้สึกชอบใจในตัวของขนมไข่มาก เธอเป็นเด็กน่ารัก เชื่อฟัง พูดง่าย และไม่ทำตัวน่ารำคาญ
“ไปกันเถอะ ป่านนี้งานคงจะเริ่มแล้วล่ะ”
ภูติณเดินนำขนมไข่ออกมา
“ค่ะท่าน”
ร่างเล็กระหงในชุดราตรีสีดำสายเดี่ยวสุดหรูเดินทอดกายตามมาเฟียหนุ่มออกมาจากห้องนอนของโรงแรมสุดหรู
แขนเรียวเล็กคล้องแขนแกร่งของมาเฟียหนุ่มเอาไว้
บรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมที่ภูติณพักอยู่นั้นช่างแสนจะหรูหรา ผู้คนมากหน้าหลายตาจากธุรกิจมืดมารวมตัวกันในงานนี้
“สวัสดีครับคุณภูติณ ขอบคุณที่มางานเลี้ยงของผมนะครับ”
เจ้าของงานรีบเดินมาทักทายมาเฟียหนุ่มที่เดินควงแขนมาพร้อมกับนางบำเรอคู่กาย
“สวัสดีครับคุณวิเชียร ผมต้องมาอยู่แล้วล่ะครับ วันคล้ายวันเกิดของคุรวิเชียรทั้งทีนี่”
ภูติณเหยียดยิ้มขึ้นมา แค่ดูหน้าก็รู้แล้วว่าคนพวกนี้อยากได้ผลประโยชน์จากเขาแค่ไหน แต่ในเมื่อเขาไม่ได้เสียอะไรก็ไม่มีอะไรต้องแคร์
“ครับ ผมต้องขอเชิญคุณภูติณมางานนี้อยู่แล้ว เชิญด้านในก่อนนะครับ”
ภูติณเดินเข้ามาโดยมีขนมไข่ควงแขนอยู่ด้วย
แขกทั้งงาน คุณนาย คุณหนูทั้งหลายที่มาจากเมืองไทยต่างก็ซุบซิบนินทา
“ต๊าย นั่นนางบำเรอคนใหม่ของคุณภูติณเหรอคะนั่น”
“ค่ะคุณหญิง ได้ข่าวว่าอายุพึ่งจะสิบแปดเองนะคะ”
“อายุแค่นี้ก็ริมาทำงานแบบนี้ซะแล้ว เสียดายอนาคตนะคะ”
“ใช่ค่ะ แต่สามีดิฉันเชิญคุณภูติณมางานนี้ด้วย ดิฉันเองก็ว่าจะพาลูกสาวเข้าไปทำความรู้จักกับเขาด้วย”
เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นเป็นระรอก ขนมไข่ขอตัวเดินไปตักอาหารเพราะอาหารที่จัดเลี้ยงเป็นแบบบุฟเฟ่ต์
เมื่อเดินมาก็เจอกับคุณหญิงคนหนึ่งกำลังถือแก้วไวน์ในมือ
“นี่เธอ..”
“…”
“เธอ! นางบำเรอของคุณภูติณน่ะ!”
เมื่อเรียกครั้งแรกขนมไข่ไม่สนใจเธอจึงต้องเรียกอย่างเต็มยศ แน่นอนว่านั่นสร้างความขุ่นในใจลึกๆของขนมไข่ได้เป็นอย่างดี
“คะ? คุณเรียกดิฉันเหรอคะ?”
“ใช่! เธอนั่นแหละจ้ะ”
“มีอะไรรึเปล่าคะ?”
“กล้ามางานนี้ได้ยังไง รู้รึเปล่าว่าคนเขาลือกันไปทั่วว่าเธอเป็นนางบำเรอ เป็นผู้หญิงอย่างว่านะ”
“ค่ะ ดิฉันเป็นนางบำเรอของคุณภูติณ”
ขนมไข่พูดยอมรับอย่างว่าง่าย และเธอไม่ได้อายสักนิดกับตำแหน่งนี้ มีแต่คนนั้นว่าคนนี้ว่า แต่ตัวเธอนั้นก็อยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่รู้สึกอะไร แถมยังสบายกว่าคนทีเที่ยวว่าเธอซะด้วยซ้ำ
“หน้าด้านจริงๆ กล้าพูดออกมาเต็มปากเต็มคำได้ยังไงกันนะ เฮ้อ ผู้หญิงสมัยนี้ก็เป็นแบบนี้กันไปซะหมด”
ขนมไข่ไม่ใส่ใจ เธอตักอาหารและกลับมายังโต๊ะของตัวเอง หากสนใจแต่คนอื่นเธอคงเป็นทุกข์ไปมากกว่านี้
แค่อยู่ในสถานะที่ไม่อาจเรียกร้องอะไรได้ก็ทรมานมากพออยู่แล้ว ขนมไข่ไม่อาจรู้ได้เลยจริงๆว่า ถ้าหากเธอตกหลุมรักเขาขึ้นมาจริงๆ โดยที่ตัวเองเป็นแค่นางบำเรอตัวแทน เธอจะต้องจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไง…