Ep 4 จู่ๆ
“ยัยปราง!!”
ทันทีที่เพื่อนรู้ว่าคนตัวเล็กประสบอุบัติเหตุ ก็รีบเข้ามาดูอาการ
“แกไปทำอิท่าไหนกันล่ะเนี่ย ทำไมถึงซุ่มซ่ามแบบนี้ แล้วคืนนี้แกจะไปทานข้าวกับทางบริษัทได้มั้ยละเนี่ย?” แพทตี้ที่โวยวายเพราะเห็นสภาพเพื่อนแล้ว คงจะเจ็บน่าดู
“ฉันไม่เป็นไรมาก พวกแกก็ห่วงเว่อร์ไป”
“จะไม่เว่อร์ได้ไงล่ะ ถ้าแกหัวล้างข้างแตกขึ้นมาจะว่ายังไง?” ลิลลี่ก็บ่นให้เจ้าหล่อนอีกคน
“ว่าแต่คืนนี้มีทานข้าวกับบริษัทงั้นหรอ? ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง?”
“ก็เออนะสิ วันนี้บอสใหญ่เข้าบริษัท นี่นะที่ทำงานแทบลุกเป็นไฟเลยแกรู้ป่ะ?” แพทตี้ที่ไม่เล่าต่อ ปล่อยให้คนตัวเล็กอยากถาม แต่ว่าไอ้คนตัวน้อยนั่นก็ไม่ยอมถามสักที จนเพื่อนยอมเฉลย
“อะ ๆ ฉันเฉลยให้ก็ได้ ก็เจ้าของที่นี่ ทั้งหล่อ ทั้งหนุ่ม สูงยาว เข่าดี สเปคเลยอะแก นี่ถ้าฉันได้เป็นมาดามนะ” คนที่พูดไปก็ทำท่าเคลิ้มฝันไป
“แกระวังตัวไว้เถอะ ฉันได้ข่าวมาว่าเขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเลยนะ” แพทตี้พูดขึ้นมาอีกเพราะได้ยินมาแบบนี้จริง ๆ
“แต่ก็นะ บอสเขาไม่ยุ่งกับสาว ๆ ในบริษัทหรือในเครือของเขาหรอก พวกที่มาติดพันก็มีแต่ดาราเซเลปนู่น” ยังมิวายพูดต่อ
“นี่อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วสินะ ที่เราจะได้ออกไปทานข้าวกัน เห็นว่าเปิดห้องอาหารซะหรูเชียว” ลิลลี่บอกโดยที่ไม่มีใครถามก่อนที่ทุกคนจะไปขึ้นรถบัสที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ให้
เมื่อรถบัสของบริษัทก็ขับมาถึงห้องอาหารหรูที่ติดกับชายฝั่งท่าเทียบเรือ ซึ่งก็เป็นห้องอาหารของทางบริษัทอีกนั่นแหละ เขามีไว้เพื่อจัดงานรับรองโดยเฉพาะ
ทันทีที่คนตัวเล็กก้าวลงรถบัส เธอก็เหลือบไปเห็นรถสปอร์ตคันหรู 4 คันที่ขับเข้ามาพร้อมกัน และแล้วร่างใหญ่ที่ก้าวลงจากรถคันสีดำเงานั่น ก็คือคนที่ช่วยเธอไว้เมื่อตอนกลางวันนั้นเอง เธอยิ้มน้อย ๆ เพราะรู้สึกขอบคุณเขา ถ้าไม่มีเขาช่วยไว้ วันนี้เธอคงเละเป็นโจ๊กแน่
แพทตี้ที่ลอบเห็นเพื่อนอาการแปลก ๆ เพราะตั้งแต่คบกันมา เจ้าหล่อนไม่เคยมองใครด้วยสายตาแวววับเช่นนี้
“ฮันแน่!! หล่อสุดในกลุ่มเลย ตาถึงนะเนี่ย?”
“แกพูดอะไรแพท จะบ้าหรอ ฉันแค่…”
“อ้าวพวกแก ชักช้า นี่ทุกคนรออยู่ อีกอย่างฉันหิวใส้จะขาดแล้วด้วย” ลิลลี่ที่บ่นเพื่อนเพราะมัวแต่อะไรก็ไม่รู้
“วันนี้เชิญทุกคนทำตัวสบาย ๆ นะครับ” เมนูบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างและพวกสลัดบาร์ที่ตักได้ตามอัธยาศัย ก่อนที่อีวานจะเอ่ยขึ้นกับทุกคน
“ทุกคนครับ นี่คุณลีโอ และคุณธามไท ผู้ช่วยบริหารฝ่ายบุคคล และนี่คุณไรอัน ประธานใหญ่ของบริษัท และผมเองอีวานผู้ช่วยของเขาครับ วันนี้เราก็มาทำความรู้จักกับฝ่ายงานการผลิต เพื่อที่จะพัฒนาต่อยอดในเทคโนโลยีไมโครชิป เชิญทุกคนตามสบายครับ”
คนตัวโตที่ไม่ได้กล่าวอะไร เขาเหมือนมองไม่เห็นเธอเสียด้วยซ้ำ ซึ่งมันบังเอิญมากที่โต๊ะที่นั่ง มันดันไปตรงข้ามกับร่างสูงนั่นเข้าพอดี ทันทีที่คนตัวเล็กคุยสนุกยิ้มแย้มกับเพื่อน ๆ คนที่ลอบมองอย่างไม่ละสายตาก็เผลอสบตากับเจ้าหล่อนเข้า คนตัวน้อยที่ยิ้มน้อย ๆ พร้อมผงกหัวเบา ๆ ให้เขา แต่แล้วก็ต้องหน้าเจื่อนทันที นอกจากเขาจะทำเป็นมองไม่เห็น แต่สายตาที่ทำราวกับว่ารำคาญนั่นส่องสาดมาอย่างเต็มที่
หรือเป็นเพราะเธอทำอะไรผิดงั้นหรือ หรืองานเขาเสียหายหรืออย่างไร แต่เรื่องชิฟที่ตกพังนั่น ก็ไม่ใช่มาจากเธอเสียหน่อย เจ้าหล่อนพยายามคิดหาสาเหตุ หรืออาจจะเพราะบุคลิกของเขากันแน่ แต่คนตัวน้อยก็หันกลับมาทานอาหาร และสนุกกับเพื่อนต่ออย่างไม่คิดอะไร
เมื่อเริ่มอิ่มบ้างแล้วคนตัวเล็กขอตัวผละจากเพื่อน ๆ เพื่อออกมารับลมยังด้านนอก วิวที่นี่รายล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่ มันสวยเหมือนในภาพวาด ต่างจากเมืองไทยตรงที่ ภูเขาที่ไทยจะมีแต่ลูกใหญ่ ๆ อะ อื้มม.. คนตัวโตที่ยืนสูบบุหรี่ยี่ห้อหรูก็กระแอม เมือเห็นว่าคนข้างหน้ากำลังใจลอยอยู่กับอะไรบางอย่าง ก่อนที่คนตัวเล็กจะยิ้มหวานอย่างเป็นมิตรเข้าไปทักทายและเพื่อขอบคุณเขาในวันนี้
“คุณไรอันคะ?” เธอจำชื่อเขาได้จากที่อีวานบอก แต่ว่าคนตัวโตก็ไม่ตอบอะไร เขายังคงยืนพิงรั้วสแตนเหลดดูดบุหรี่เข้าปอดต่อ
“คือปรางขอบคุณเรื่องวันนี้นะคะ?”
“ไม่จำเป็น” นี่เป็นคำพูดแรกที่เจ้าหล่อนได้ยินจากปากเขา แต่ว่าทำไมมันดูเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูกอย่างนี้นะ ก่อนที่คนตัวโตจะพูดขึ้นอีกว่า
“เป็นใคร ผมก็คงจะช่วยไว้หมด ไม่ต้องรู้สึกขอบคุณอะไรมากมาย”
“แต่ปรางอยากขอบคุณจากใจจริง ๆ นี่คะ?”
“ถ้าอยากขอบคุณจากใจ ก็ไปกับผม!!” ว่าแล้วมือหนาก็คว้ามือเล็กออกไปจากท่าเรือนั่น เขาเดินไวไวโดยที่ขาคนตัวเล็กก้าวแทบไม่ทัน
“นี่คุณจะพาปรางไปไหนคะ?”