บทนำ
วิมานพยัคฆ์ปารย์ ฮ่องกง
“คุณธรรศนี่คือประวัติลูกหนี้ที่คาสิโนเมื่ออาทิตย์ที่แล้วครับ” เลขาที่ควบหน้าที่บอดี้การ์ดยื่นแฟ้มรายงานให้กับทายาทอันดับหนึ่งของวิมานพยัคฆ์ปารย์ เจ้าของกิจการมูลค่ากว่าหลายพันล้านดอลลาร์ทั้งบนดินและใต้ดิน หนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลมากที่สุดในฮ่องกง
“มนตรี คนไทย?” ธรรศเหลือบมองคนยื่นแฟ้มมาให้ด้วยใบหน้านิ่งๆ มีแววสนใจสะท้อนไหวอยู่ในดวงตา
“ใช่ครับ เป็นเด็กหนุ่มที่มาเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน” เลขาตอบไปตามที่ได้รับรายงานมาจากคนคุมบ่อนอีกที
“หึ! สิบล้านดอลลาร์ ใช่ย่อยเลยหนิ” ธรรศแสยะยิ้ม เลื่อนสายตาดูประวัติคร่าวๆ ของนายมนตรีอะไรนั่นอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะโยนแฟ้มลงตรงหน้า “ไปจัดการซะ!”
“ครับ” เลขาเอื้อมไปหยิบแฟ้มขึ้นมา ก้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ
“..ประเทศไทยงั้นเหรอ” เมื่ออยู่คนเดียวในห้องทำงาน ธรรศก็พึมพำออกมา เคาะนิ้วเบาๆ บนโต๊ะอย่างครุ่นคิด จะว่าไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนก็มีคนถูกลืมเอาไว้ที่นั่นนี่นา ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าเลือดเย็น
- Rujira Clalinthier -
6 นาฬิกา… ประเทศไทย
“หืม”
ฉันชะงักเมื่อเดินมาถึงอาคารจอดรถแล้วไม่เห็น Jaguar XK ที่คุณป๊าให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อนจอดอยู่ตรงที่ที่ควรจอด
หายไปไหน...
ฉันหมุนตัวกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างใจคอไม่ดี จำได้ว่าเมื่อคืนจอดไว้ตรงนี้นี่นา.. หรือว่าจะจำชั้นที่จอดผิด ฉันยกมือขึ้นแตะขมับซ้ายอย่างครุ่นคิดระหว่างเดินกลับมาที่ลิฟต์ เสียงริงโทนก็ดังขึ้นมา
กรุ๊งกะริ๊ง!~ กริ๊งกะรุ๊ง!~
>> ซินดี้
“เจ๊ซินดี้”
ฉันเรียกคนปลายสายออกมาทันทีที่แนบโทรศัพท์มือถือเข้ากับหู
[น้องแก้มถึงไหนแล้วคะ]
“กำลังจะออกจากคอนโดค่ะพี่ซินดี้”
[ว้าย! อะไรกันคะ พี่ย้ำแล้วนะคะว่าให้รีบออกมาที่บริษัทด่วนเลยนะคะ รถจะออกอีกยี่สิบนาทีนะ เร็วๆ เลยผู้กำกับคนนี้เคี่ยวมากเธอก็รู้] ยัยเจ๊ซินดี้ตวาดเสียงแหลมกลับมาอย่างร้อนใจ เฮ่ยยยอะไรกันเนี่ย ฉันกลอกตาไปมาด้วยความรำคาญก่อนจะตอบกลับไป
“ค่ะๆ แก้มรู้แล้วค่ะ รับรองถึงบริษัทภายในสิบนาทีนี้แน่นอน”
ฉันรับปากออกไปเพื่อเอาใจเจ๊ซินดี้ก่อนจะตัดใจเรื่องรถแล้วกดลิฟต์ไปที่ชั้นล่าง ขับรถไปเองคงไม่ทัน สงสัยต้องอาศัยวินมอเตอร์ไซค์แล้วล่ะ
[ชัวร์นะคะ ถ้ามาสายแม้แต่นาทีเดียวพี่โกรธจริงๆ ด้วย] เจ๊ซินดี้จิกเสียงพูดอย่างไม่พอใจก่อนจะวางสายไป
เฮ้อ.. ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ เป็นถึงลูกสาวบ้านคลาลินเธียร์ที่ออกจะรวยล้นฟ้าแต่ทำไมชีวิตฉันมันถึงได้ยุ่งยากแบบนี้ ต้องคอยเอาอกเอาใจโมเดลลิ่งให้ได้งานถ่ายแบบเพื่อหารายได้มาต่อเติมฝันเพื่อที่จะเป็นดีไซน์เนอร์มีห้องเสื้อเป็นของตัวเอง
หลังจากเรียนจบมหา’ ลัยด้วยวัยเพียง 20 ปี ที่บ้านก็ปูทางให้ฉันเข้าไปสานต่อธุรกิจของตระกูลแต่ฉันก็ปฏิเสธเสียงแข็งและยืนกรานที่จะทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง พอหนักข้อบ่อยๆ เข้าฉันก็ถูกโกรธและโดนตัดหางปล่อยวัด ตัดออกจากกองมรดกแบบไม่เหลือเยื่อใย เงินเก็บในบัญชีก็ร่อยหรอลง นั่นเป็นเหตุผลให้ฉันต้องกลับมาง้องานถ่ายแบบที่เคยทำเล่นๆ เมื่อสมัยที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่
จบเรื่องปัญหาชีวิตฉันเอาไว้แค่นั้นแหละ ตอนนี้ต้องรีบไปรับหน้าเจ๊ซินดี้ที่บริษัทก่อน ถึงจะเป็นงานถ่ายโฆษณาชิ้นเล็กๆ ที่ต้องยกกองไปถ่ายถึงทะเล แต่ฉันก็ไม่อยากทำให้ตัวเองเสียเครดิตเพราะการไปสาย ฉันสาวเท้าออกมาที่หน้าคอนโด กดออกเรียกวินมอเตอร์ไซค์ ระหว่างรอความรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับรถ Jaguar XK ที่หายไปจากที่จอดก็เริ่มโผล่เข้ามากวนใจฉันอีกครั้ง ฉันมั่นใจนะว่าจอดเอาไว้ตรงนั้นแน่ๆ มันจะหายไปได้ยังไง?