บท
ตั้งค่า

Ep.3 Unlucky girl

“พ่อขอบใจหนูมากนะลูกรัก แต่หนูไม่มีทางหาเงินก้อนนั้นมาได้หรอกลูก มันมากเกินไป” พ่อส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง

เราต่างคนต่างเงียบและน้ำตาคลอกันทั้งคู่ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก จนฉันเองก็แทบไม่ได้ตั้งตัวเลย

“พ่อขอโทษนะพราว พ่อขอโทษที่... พ่อทำให้ลูกเดือดร้อนไปด้วย พ่อไม่ดีเอง ๆ” ท่านพูดออกมาเสียงเบาและแหบแห้ง

ฉันเงยหน้ามองท่านทั้งน้ำตา ไม่ว่าจะพยายามข่มใจให้เข็มแข็งมากแค่ไหน ฉันก็ยังร้องไห้ออกมาอยู่ดี

“หนูไม่เป็นไรค่ะพ่อ ทุกคนโอเค” ฉันพูดอย่างปลอบใจคนเป็นพ่อ

ถึงฉันจะรู้ว่าพ่อของฉันมีส่วนผิดแต่ฉันรู้ว่าเขาตั้งใจทำเพื่อใคร… เพื่อฉัน เพื่อครอบครัวของเรานั่นเอง...

“น้าผึ้งกับน้องเป็นไงบ้าง?” พ่อถามถึงน้าผึ้งกับแพรวดาวเมื่อมองว่ามีฉันมาเพียงคนเดียว

“น้าผึ้งกับน้องได้นอนที่บ้านญาติของน้าผึ้งแล้วค่ะ พรุ่งนี้ยัยแพรวดาวมีไปโรงเรียนแต่เช้าเลยไม่ได้มาเยี่ยมพ่อนะคะ” ฉันตอบไปแทนไปเพื่อให้พ่อสบายใจ

“ดีแล้วล่ะ พ่อไม่ได้อยากให้ใครมาเห็นพ่อในสภาพนี้” พ่อเอามือลูบหน้าตัวเองทั้งน้ำตา

พ่อของฉันเป็นคนมีความสามารถ และฐานะหน้าที่การงานก็ไม่ได้แย่เลย ท่านเป็นที่เคารพของพนักงานมากมายหลายคน

แต่พ่อ… ไม่น่าทำแบบนี้เลย ฉันทำได้แค่พูดประโยคนั้นภายในใจ

“โธ่! พ่อ...” ฉันเรียกท่านทั้งน้ำตาที่ไหลพรากออกมาและกอดกับพ่อผ่านลูกกรงหน้าที่กั้นขวางเราอยู่

“พ่อจะออกไปจากที่นี้นี่ให้ได้” พ่อพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ

ฉันก็ทำได้เพียงรับฟังอย่างใจสลาย เพราะฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้และวันถัด ๆ ไป ผลจะออกมาเป็นอย่างไร

“หนูอยากกอดพ่อให้นานกว่านี้” ฉันพูดอย่างเจ็บปวด ทั้งที่ฉันเพิ่งกลับมาจากเรียนจบแท้ ๆ ฉันกำลังจะกลับมาช่วยพ่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว

เพิ่งได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ...แต่โชคชะตาก็เหมือนเล่นตลก..

“พ่อก็เหมือนกันพราว” พ่อพูดตอบกลับมาและกระชับอ้อมแขนให้แน่นมากขึ้น

“หมดเวลาเยี่ยมแล้วนะครับ” คุณตำรวจผู้คุมเดินเข้ามาเรียกฉันด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด

“ไปเถอะลูก ...ฝากดูแลทุกคนแทนพ่อด้วย พ่อจะทำทุกอย่างเพื่อได้ออกไปหาทุกคนให้เร็วที่สุด… พ่อจะทำทุกอย่าง!!” พ่อเม้มปากพูดตอบฉันอย่างพยายามจะเข้มแข็ง

“​เชิญครับ” คุณตำรวจเร่งพูดด้วยเสียงที่เข้ม ๆ อีกครั้งกับฉันและพ่อ

ทำให้เราสองคนต้องรีบผละออกจากกัน

“หนู... หนูรักพ่อนะคะ” ฉันพูดออกไปก่อนจะเดินหันหลังออกมาจากตรงนั้น เพื่อไม่ให้พ่อรู้สึกแย่ไปกว่านั้น…

ฉันปาดน้ำตาก่อนจะพยายามทำจิตใจให้สงบ ก่อนจะเดินออกมาจากสถานีตำรวจนั่น

อย่างไม่มีที่ไป… บ้านของญาติห่าง ๆ ของน้าผึ้งเป็นเพียงบ้านหลังเล็ก ๆ แม้แต่น้าผึ้งกับแพรวดาวยังต้องไปขอนอนอาศัยร่วมกับลูกของญาติ ๆ เลย

จากสภาพที่ฉันได้เห็นแล้ว ถ้ามีฉันไปขออาศัยด้วยอีกคน ทางเจ้าของบ้านอาจจะบ่นน้าผึ้งเอาได้ ซึ่งฉันก็เกรงใจในเรื่องนี้ไม่น้อย เพราะลำพังแค่น้าผึ้งเองทางญาติแกก็ดูมีท่าทีที่ไม่เต็มใจสักเท่าไหร่

…ฉันนั่งคิดไม่ตกอย่างคนหมดหนทาง เอาจริง ๆ ฉันแทบไม่มีเพื่อนสนิทที่ไทยเลยด้วยซ้ำ เพราะตั้งแต่สอบชิงทุนได้ไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียฉันก็แทบไม่ได้ติดต่อเพื่อนสมัยมอปลายอีกเลย แต่เอาจริง ๆ ฉันก็ไม่ใช่คนเพื่อนเยอะมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะเมื่อก่อนเพื่อนคนเดียวที่ฉันมี ก็คงมีแค่… เขาคนเดียวเท่านั้น

อื้ออออออ อื้ออออออ

เสียงโทรศัพท์ของฉันสั่นขึ้น และเบอร์ที่โชว์ขึ้นว่าโทร. มาจากต่างประเทศ...

“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ” ฉันกดรับสายด้วยคำพูดที่สุภาพ

“พี่เองจ้ะ พริบพราว... พี่จินนี่” เสียงอันร่าเริงของพี่จินนี่ก็พูดแทรกขึ้นมา

“อ่อ พี่จินนี่” ฉันก็ตอบรับ

“พริบพราวมีอะไรหรือเปล่า ทำไมพี่ฟังเสียงเราดูเหมือนไม่ค่อยโอเคเลยล่ะ?” พี่จินนี่ถามต่อด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย

จริง ๆ ฉันกับพี่จินนี่สนิทกันได้เพราะเราทั้งคู่เคยเรียนพิเศษภาษาอังกฤษที่เดียวกันอยู่หลายปี ก่อนที่ฉันจะสอบได้ทุนไปเรียนต่อที่เมืองนอก

“พราวไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ” ฉันพูดด้วยเสียงที่ขึ้นจมูกเพราะไม่สามารถเปลี่ยนน้ำเสียงให้ปกติตามเดิมได้ และการที่เสียงเปลี่ยนเหตุก็เพราะว่าฉันร้องไห้หนักมากเกินไปนั่นแหละ

“มีอะไรก็... เล่าให้พี่ฟังได้นะหนู” พี่จินนี่พูดขึ้นอย่างรู้ทัน ด้วยน้ำเสียงที่สั่นและแหบแห้งของฉันนี่เอง

“คือ... ตอนนี้ที่บ้านของพราวมีปัญหาอยู่บ้าง...” ฉันกัดฟันอย่างลำบากใจที่จะพูดออกไป...

“ไม่เป็นไรนะถ้ายังไม่สบายใจก็ยังไม่ต้องเล่าให้พี่ฟังนะ” พี่จินนี่ตอบกลับมาอย่างเป็นกันเอง

“ที่พี่โทร. มาก็เพื่อจะถามว่า เราทำงานกับคุณคริสแล้วเป็นไงบ้าง? สงสัยอะไรเรื่องงานไหม? คุณคริสโอเคสำหรับพริบพราวหรือเปล่า?​...” พี่จินนี่ถามต่ออย่างจริงจังมากขึ้น

“การจัดตารางงาน หรือรับงานต่าง ๆ หนูปรึกษาความสมัครใจของคุณคริสทุกครั้ง ถ้าเป็นเรื่องการทำงานหรือคุยกับทางลูกค้า พราวพอรับมือไหวนะคะ แต่เรื่องคุณคริสตัล พริบว่าคุณคริสเป็นคนใจดีแต่พูดน้อย อาจเพราะเราไม่ค่อยสนิทกัน แต่เอาจริง ๆ พี่จินนี่กลับไปถามคุณคริสตัลเองดีกว่า ว่าเธอโอเคกับการทำงานของมือสมัครเล่นอย่างพราวหรือเปล่า พราวเกรงใจคุณคริส กลัวจะทำพลาด” ฉันรวบรวมสติและตอบเรื่องงานไป

อย่างน้อยชีวิตของฉันก็ต้องเดินต่อ งานเล็กงานน้อยก็ไม่ควรจะดูถูกอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดก็คือเงิน

“คุณคริสน่ะเหรอ?? โอเคมาก ๆ โอเคซะยิ่งกว่าโอเคอีก” พี่จินนี่ตอบกลับมาทันควัน

“งั้นพราวก็ทำงานได้ต่อ จนกว่าพี่จินนี่จะกลับมาเลยใช่ไหมคะ?” ฉันถามไปอย่างใจชื้นที่อย่างน้อยในบรรดาเรื่องแย่ ๆ วันนี้ก็ยังมีเรื่องดี ๆ เล็ก ๆ ผ่านเข้ามาบ้าง

“แน่นอนสิพราว...และอีกอย่างก็คือ พี่โอนเงินค่าเสียเวลาให้พราวตามบัญชีไทยที่พราวเคยให้พี่มาแล้วนะ” พี่จินนี่พูดต่ออย่างเป็นกันเอง

“จริง ๆ พี่จินนี่โอนให้พราวหลังจากเสร็จงานก็ได้นะคะ” ฉันตอบกลับไปอย่างเกรงใจ ทั้งที่ในใจก็ลุกวาวเมื่อได้ยินคำว่าเงิน เงิน และเงิน

“ไม่ได้สิ ๆ ได้คนเก่งอย่างพราวมาช่วยขนาดนี้ พี่ก็ต้องรีบเปย์ไม่อั้นอยู่แล้ว” พี่จินนี่เอ่ยชมฉันไม่ขาดเช่นเคย

“ยังไงก็ขอบคุณสำหรับโอกาสดี ๆ นะคะพี่จินนี่” ฉันพูดตอบรับไปอย่างสุภาพ ก่อนจะเปิดรหัสดูยอดเงินในธนาคาร ที่เพิ่มขึ้นเกือบครึ่งแสน

“ไม่เป็นไรเลยค่า” พี่จินนี่เองก็ตอบกลับเสียงใสแจ๋ว

“เที่ยวให้สนุกนะคะพี่จินนี่ ไม่ต้องห่วงงานนะคะ พราวจะตั้งใจทำเต็มที่”

ฉันตกปากรับคำไปทันทีที่เห็นยอดเงินนั่น

“สัญญากับพี่แล้วนะ พราวมีอะไรก็โทร. หาพี่ได้ตลอดเวลานะพราว คุยได้ทุกเรื่องปรึกษาได้ทุกสิ่ง”

พี่จินนี่พูดทิ้งทายเอาไว้

“งั้นแค่นี้ก่อนนะ แฟนพี่เริ่มงอแงซะแล้ว” พี่จินนี่ตัดบทด้วยความน่ารักของแฟนหนุ่มของเธอ

“โอเคค่า ราตรีสวัสดิ์นะคะพี่จินนี่” ฉันพูดก่อนจะกดตัดสายและพิจารณายอดเงินในบัญชีของตัวเอง

และทำได้แค่แพลนว่า พรุ่งนี้ฉันควรทำยังไงต่อดี???

_____________________________________

@ห้องพักรายเดือนราคาถูก

“เราทนอยู่ที่นี้กันไปก่อนพอได้ไหมคะ น้าผึ้ง?” ฉันหันไปถามน้าผึ้งขณะที่เราย้ายเข้ามาอยู่ในห้องพักเล็ก ๆ ที่มีแค่ที่นอน พัดลม ห้องน้ำเล็ก ๆ และทีวีจอนูน

“อยู่ได้สิจ๊ะ พราว” น้าผึ้งยิ้มรับก่อนจะวางกระเป๋าที่แบกกันมาอย่างเหนื่อยล้า

ตอนเช้าน้าผึ้งก็นั่งแท็กซี่ไปส่งแพรวดาวแต่เช้า ส่วนฉันเองก็นัดน้าผึ้งออกมาดูที่พักใหม่ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านและโรงเรียนของยัยแพรวดาวนั่นแหละ

“คับที่อยู่ได้ แต่คับใจอยู่ยากนะพราว” น้าผึ้งเดินจัดแจงข้าวของต่าง ๆ ในห้องเล็ก ๆ ของเราด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเศร้า

ในช่วงเช้าน้าผึ้งไปส่งแพรวดาวไปโรงเรียนด้วยรถโดยสารประจำทางเป็นครั้งแรก น้าผึ้งต้องการให้ยัยแพรวดาวค่อย ๆ ซึมซับสถานการณ์ของครอบครัวเพื่อที่จะปรับตัวให้ได้ในเร็ววันนี้

“พ่อเราเป็นยังไงบ้างล่ะ?” น้าผึ้งหันมาถามถึงพ่อด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล

“น้าเองก็ไม่มีความรู้เรื่องอะไรเลย จะแนะนำหรือช่วยพ่อของพริบพราวน้าก็ทำไม่ได้ จนปล่อยให้เขาหลงเดินทางผิดมาไกลได้นานขนาดนี้” น้าผึ้งก้มหน้าลงและโทษตัวเองทั้งที่เรื่องทั้งหมดมันไม่ได้เกี่ยวกับเธอเลย

“ไม่เกี่ยวกับน้าผึ้งเลยนะ อย่าโทษตัวเองแบบนี้สิ... พ่อเขาทำผิดเอง ถึงแม้ว่าเขาจะทำเพื่อเราทุกคนก็ตาม แต่การโกงคนอื่นมา เงินมันเป็นเงินที่ได้มาจากความเดือดร้อนของคนอื่น ไม่แปลกที่เงินนั้นจะกลับมาสร้างความเดือดร้อนให้กับเรา” ฉันตอบไปอย่างสั่น ๆ และเสียใจไม่ต่างกัน

“ถ้าไม่มีพริบพราว ตอนนี้น้าคงคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าควรจะทำยังไงต่อดี” น้าผึ้งปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มและพูดกับฉัน

“เราครอบครัวเดียวกันนะคะ แพรวดาวก็น้องของหนู ต่อไปนี้หนูจะพยายามทำหน้าที่แทนพ่อเองนะคะ” ฉันพูดกับน้าผึ้งอย่างสร้างขวัญและกำลังใจให้เธอ

การมีน้าผึ้งดีที่ เธอคอยดูแลทุกอย่างในบ้าน อาหาร เสื้อผ้า ความสะอาด อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องใด ๆ

จริง ๆ แล้วฉันก็อยากจะเรียกเธอว่าแม่อีกคน แต่เธอขอเอาไว้ เพราะอยากให้ฉันระลึกและคิดถึงแม่ผู้ให้กำเนิดก่อนเสมอ

“เดี๋ยวพราวต้องออกไปทำงานแล้ว อันนี้กุญแจห้องนะคะ พราวรบกวนน้าผึ้งเอาไปปั๊มให้ทีนะคะ” ฉันรีบแต่งตัวก่อนจะหยิบกระเป๋าเอกสารต่าง ๆ เพื่อออกไปทำงานกับคุณคริสตัล ยังโชคดีอยู่บ้างที่เมื่อวานยัยแพรวดาวยังหยิบของใช้ฉันติดใส่กระเป๋าของน้องมาบ้าง

“ไม่รอกินข้าวก่อนเหรอลูก??” น้าผึ้งถามขึ้นและเร่งรีบจะเตรียมอาหารเช้าให้ฉัน

“พราวไม่มีรถแล้วนะคะ ขึ้นรถเมล์คงต้องเผื่อเวลาสักหน่อย” ฉันคว้ารองเท้าคู่เดิมตั้งแต่เมื่อคืนและเดินออกจากบ้านทันที

บรรยายกาศบนรถเมล์มันช่างหดหู่ ฉันมองออกไปด้านนอกอย่างสิ้นหวัง หวังว่าเรื่องร้าย ๆ จะผ่านเข้ามาเพียงเท่านี้นะ ฉันได้แต่นั่งอธิษฐานภายในใจ

 

@คอนโดคุณคริสตัล

หลังจากที่ฉันได้อธิบายตารางงาน และรายละเอียดไปทั้งหมด คุณคริสเธอก็รับฟังและแค่คอยบอกย้ำให้ฉันเตือนอีกทีเมื่อวันที่ใกล้จะถึงเท่านั้น

“ตอนนี้คิวงานใกล้ ๆ ก็จะมีงานแบรนด์น้ำหอมของคุณรินดานะคะ ที่คุณคริสคอนเฟิร์มว่าจะไป”

“แล้วก็มีลูกค้าติดต่อมาเรื่องงาน @ThenewGX-hightClass งานเปิดตัวรถหรู ในอีกสองอาทิตย์ที่จะถึงนี้นะคะ” ฉันอธิบายงานและรายละเอียดตามที่ฉันได้รับบรีฟมาอีกทีจากลูกค้าให้คุณคริสเธอฟัง

“อื้ม… งานรถอีกแล้วเหรอ?” คุณคริสนิ่งไปชั่วขณะ

“พราวขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะคะ พราวว่างานเปิดตัวรถหรูชื่อดังแบบนี้ คุณคริสไม่ควรจะพลาดโอกาสหรือปฏิเสธงานสำคัญแบบนี้ถ้าเราไปมันก็ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของคุณคริสเอง และพราวเชื่อว่า ทั้งนักข่าวและบรรดาแบรนด์อื่น ๆ จะให้ความสนใจมาที่คุณคริสเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ทั้งชื่อเสียงและการงาน คุณคริสพิจารณาอีกทีนะคะ” ฉันวางเอกสารไว้ข้าง ๆ เธอ

“งั้นก็รับนะ” คุณคริสพยักหน้าและยื่นเอกสารคืนให้อย่างไม่เปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ

“ฉันเชื่อในการคิดวิเคราะห์และการจัดการของเธอ” เธอตอบแบบตรง ๆ ใบหน้านิ่ง ๆ

 

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel