EP.3 ข้าวฟ่าง
[ข้าวฟ่าง]
ปลายธูปร้อน ๆ กระจัดกระจายเต็มหน้าขาของฉันไปหมด ถึงแม้ว่าฉันจะสวมใส่กระโปรงสีดำยาว แต่มันก็ยังคงรู้สึกแสบร้อนอยู่ดี ฉันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปที่ผู้ชายคนนั้นอย่างช้า ๆ
ในขณะที่มือของพี่ทับทิมรีบช่วยปัดธูปร้อน ๆ ออกจากหน้าตักของฉันทันทีด้วยความตกใจไม่แพ้กัน เศษทรายกระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด
"และมึงต้องชดใช้! ได้ยินไหม!" เขาแผดเสียงดังลั่นและพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อของฉัน โดยที่ฉันแทบไม่ทันได้ตั้งตัวเลย
"ฉันขอโทษค่ะ ขอโทษจริง ๆ" ฉันทำได้แค่เพียงยกมือขึ้นไหว้และร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจมาก ๆ
"ปล่อยน้องฉันเถอะนะคะคุณ...อุบัติเหตุมันไม่มีใครอยากให้เกิดขะ...ขึ้น... (ฟุ่บ!) " พี่ทับทิมพยายามเดินเข้ามาช่วยแกะมือของชายคนนั้นออกจากคอเสื้อของฉัน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบประโยคเขาก็ผลักเธอออกไปอย่างเต็มแรง
จนพี่ทับทิมเซไปชนกับกรอบรูปของคนตาย จนตกลงมาแตก
เพล้ง! เสียงกระจกกรอบรูปที่แตกทำให้ร่างสูงเหลือบไปมองรูปของคนรักของเขาอีกครั้ง
"อุบัติเหตุ?" ร่างสูงกระตุกยิ้มเล็กน้อยทั้งที่ในตาของเขาเต็มไปด้วยไฟแค้น
แววตาของเขามันแดงก่ำบ่งบอกถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานมากจริง ๆ เขากัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าของฉันอีกครั้ง
"คุณคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ...ฉันขอโทษ" ฉันไม่มีคำพูดอื่นใดเลยนอกจากคำว่าขอโทษ ฉันยังคงยกมือขึ้นไหว้ขอโทษเขาซ้ำ ๆ
"ขอโทษเหรอ" เขากระชากคอเสื้อของฉันเข้ามาใกล้ ๆ
"เฮือก..." ฉันสะดุ้งสุดตัวด้วยความสูงของเขา ทำให้ฉันแทบจะต้องเขย่งขาสุดปลายเท้า เพื่อไม่ให้เสื้อมันรั้งรัดลำคอตัวเอง
"ขอโทษแล้วหายไหม" มืออีกข้างบีบที่ข้อมือของฉันอย่างแรง
"มะ...ไม่...ค่ะ" ฉันพยายามจะไม่ร้องไห้ แม้ว่าแรงบีบที่ข้อมือจะทำให้เจ็บเหมือนกระดูกแทบจะแหลกคามือของเขาเลยก็ตาม
"ขอโทษแล้วเมียกูฟื้นขึ้นมาไหม" เขาตะคอกใส่หน้าของฉันดังลั่น พร้อมกับเขย่าตัวของฉันแรง ๆ ซ้ำ ๆ
ตุ้บ! เขาผลักตัวของฉันล้มลงไปกับพื้น ที่เต็มไปด้วยเศษกระจกกรอบรูปที่แตกกระจายนั้นอย่างตั้งใจ
"อะ...โอ๊ย! " ฉันอุทานขึ้นด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบที่ฝ่ามือเพราะเศษกระจกเล็ก ๆ มันบาดทั้งสองฝ่ามือจนเลือดไหลออกมาไม่หยุด และมันจุกมาก ๆ ในตอนที่ถูกผลักลงก้นกระแทกพื้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
"ยายฟ่าง...ยายฟ่าง" พี่ทับทิมรีบเดินเข้ามาช่วยพยุงฉันในทันที
"พอเถอะคุณ พอเถอะนะ! ฉันขอร้องนะ" เธอยกมือไหว้ขอความเห็นใจจากผู้ชายคนนั้น และครอบครัวของผู้เสียชีวิตที่ยืนมองเหตุการณ์ดูอย่างเฉยเมย ไม่ได้มีทีท่าจะเข้ามาช่วยเหลือเลยสักนิด
"เจ็บหรอ! มึงยังเจ็บไม่ได้เท่าครึ่งหนึ่งที่ชมพูเจ็บเลยด้วยซ้ำ!" ในตอนที่เขากำลังจะพุ่งเข้ามาเอาเรื่องฉันซ้ำอีกครั้ง
"พอแล้วโยม ๆ ที่นี่เขตอภัยทานนะโยม" พระรูปหนึ่งรีบเดินเข้ามาช่วยห้ามเขาอีกคน
"เฮ้ย! หยุดเลย พอ ๆ" ผู้ชายอีกคนที่หน้าตาคล้าย ๆ กับเขา วิ่งตรงเข้ามาจากทางประตูรีบตรงดิ่งเข้ามารั้งแขนของเขาไว้แน่น
"นี่มึงเมาแล้วนะ" เหมือนว่าเขาคนนี้จะเพิ่งมาถึงที่นี่หมาด ๆ
"พี่กร ช่วยผมหน่อยดิ มันคลั่งจนผมจะเอาไม่อยู่แล้ว" ชายคนที่เพิ่งมาถึงก็ตะโกนเรียกให้ผู้ชายอีกคนมาช่วยกันห้าม
"ไอ้โจชัวดึงพี่มึงออกมาไกล ๆ น้องเขาก่อน" เสียงของคนชื่อกรที่วิ่งตามมาติด ๆ ก็พูดย้ำขึ้นอีกครั้ง
"ถ้ากูเจอมึง ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่...กูเอามึงตาย!" ผู้ชายคนนั้นชี้หน้าของฉันและตวาดลั่นอย่างอาฆาตแค้น
"พอแล้ว ๆ มึงใจเย็นก่อนดิวะไอ้เจค... เขาเป็นผู้หญิงนะเว้ย" เสียงของผู้ชายคนที่พุ่งเข้ามาช่วย เขาพยายามพูดเตือนสติและหิ้วปีกผู้ชายคลุ้มคลั่งคนนั้นเอาไว้ ไม่ให้พุ่งเข้ามาเอาเรื่องฉัน
"ฉันคิดว่า...พี่ชายฉันคงยังรับเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ พวกเธอกลับไปเถอะ และอย่ามางานศพอีกเลย" ผู้ชายคนนั้นเอ่ยบอกกับข้าวฟ่างด้วยน้ำเสียงที่เห็นใจเธอเช่นกัน
"ใช่..รีบกลับไปเสียเถอะ" พ่อของผู้เสียชีวิตบอกกับพี่ทับทิม พร้อมกับใช้หางตามองตรงมาที่ฉัน และปาดน้ำตาตัวเองเล็กน้อย
"ไม่ต้องมาขอขมาอะไรทั้งนั้น" เขาพูดก่อนจะเดินไปเก็บรูปภาพของลูกสาว และเช็ดคราบเลือดของข้าวฟ่างที่เลอะติดอยู่ออกช้า ๆ
"กลับเถอะฟ่าง... เชื่อพี่นะ เรากลับกันเถอะ" พี่ทับทิมประคองฉันให้ลุกขึ้นและพยุงฉันเดินกลับไปที่รถ ท่ามกลางสายตาของทุกคนในงานที่มองฉันด้วยความเกลียดชัง
บนรถ
"ฟ่างอยากอยู่ร่วมสวดอภิธรรมศพก่อน สักคืนได้ไหมคะ" ฉันหันไปถามพี่ทับทิมที่กำลังจะกดสตาร์ตรถเพื่อขับออกไปจากวัด
"นะคะพี่ทิม... นั่งฟังพระสวดในรถก็ได้" ฉันปาดน้ำตาตัวเองและมองไปที่ศาลาตั้งศพนั้นอีกครั้ง
"ก็ได้ ๆ แต่ถ้าสวดเสร็จแล้วเรากลับกันเลยนะฟ่าง... พี่ขอ" พี่ทับทิมรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาทำแผลที่ฝ่ามือให้ฉันทั้งน้ำตา
"....." ฉันพยักหน้าตอบรับไปทันที
"เจ็บมากไหมฟ่าง"
"ไม่เจ็บค่ะ ไม่เจ็บเลย" ฉันส่ายหน้าตอบกลับไปทั้งน้ำตา
"ไม่เป็นไรนะ ๆ " พี่ทับทิมพยายามปลอบขวัญฉันให้ได้มากที่สุด
"พี่ทิม... ฟ่างควรทำยังไงต่อดีคะ" ฉันร้องไห้ออกมาอีกครั้ง พี่ทับทิมโผเข้ากอดฉันแน่น
"มันคืออุบัติเหตุฟ่าง... ฟ่างไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาตาย" พี่ทับทิมลูบแผ่นหลังของฉันและพยายามปลอบให้ฉันสงบสติลง
"อืม... ฮะฮื้อ ๆ " ฉันเม้มปากแน่นพยักหน้ารับทั้งน้ำตา สองมือที่เต็มไปด้วยคราบเลือดยกขึ้นพนมไว้กลางอก
ในใจของฉันระลึกถึงแต่ใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น แต่จู่ ๆ แววตาที่เกรี้ยวกราดของผู้ชายคนที่เป็นคนรักของเธอ มันก็ทำให้ฉันรู้สึกสะดุ้งสุดตัวและกลัวเขามาก ๆ อย่างบอกไม่ถูกเลย
(เหตุการณ์ก่อนหน้า)
โรงแรมหรู คีตามาลา
ภูเก็ต
"เช็กเอาต์หน่อยครับ" เสียงที่รู้สึกคุ้นมาก ๆ ทำให้ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมองแขกที่เข้าพักของโรงแรมในทันที
"พี่เวย์!" ฉันยกมือปิดปากและกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจแบบสุดขีด จนลืมไปเลยว่าตัวเองอยู่ในชุดยูนิฟอร์มของทางโรงแรมอยู่
"เบา ๆ สิ เดี๋ยวแขกคนอื่นก็ตกใจกันหมดหรอกฟ่าง" พี่เวย์รีบยกนิ้วชี้ปิดที่ปากของตัวเองเพื่อบอกให้ฉันลดระดับเสียงลง
พี่เวย์ถึงกับส่ายหน้าเบา ๆ กับความโก๊ะของฉันเอง
"แล้วมาได้ไงเนี่ย" ฉันเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัย
"จริง ๆ พี่มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วน่ะ แต่ขับรถมาเหนื่อย ๆ ถึงห้องก็นอนพักยาวเลย"
"โรงแรมหรูมากเลยนะ แถมบริการก็ดีมากเลยด้วย" พี่เวย์มองไปรอบ ๆ โรงแรมที่ฉันมาฝึกงานอย่างชื่นชมไปพลาง ๆ
"อะ... เช็กเอาต์เรียบร้อยค่ะคุณผู้ชาย เดี๋ยวนั่งรอน้องสาวเลิกงานแป๊บนึงนะ" ฉันรับ
คีย์การ์ดคืนจากพี่ชายของตัวเอง ก่อนจะก้มมองเวลาที่จวนจะได้เวลาเลิกงานพอดี