บทที่4 BAD HUSBAND
@Dragon Club
11.30 AM
ห้องแดง...
“อ๊ะ ๆ คุณราม มันจุกค่ะ”
“ใครสั่งให้เธอเรียกชื่อฉัน หุบปากเธอไปซ่ะ!!”
ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!
“อ๊าง เจด้าขอโทษค่ะ อ๊ะ!”
ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!
เสียงเนื้อกระทบเนื้อกระแทกกันระหว่างสองร่างบนเตียงหรูในห้องนอนที่มีแสงไฟสีแดงเปิดอย่างสลัวเพิ่มความร้อนแรงให้กับความใคร่ของคนทั้งสองที่กำลังบรรเลงกันอยู่บนเตียงอย่างเนิ่นนานโดยที่มีร่างหนาของรามสูรที่กำลังกระแทกแก่นกายเข้าไปในร่างบางของหญิงสาวที่อยู่ภายใต้ร่างเขาอย่างหนักหน่วงโดยไม่สนใจว่าจุดเชื่อมต่อของหญิงสาวจะฉีกขาดหรือเจ็บปวดยังไง เพราะเขาสนแค่อารมณ์ที่จะได้ปลดปล่อยของตัวเองเท่านั้น
จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักใหญ่บทสวาทจากเขาก็ได้จบลงเมื่อเขากระตุกของเหลวจากแก่นกายใหญ่พุ่งเข้าไปในถุงยางที่หุ้มส่วนนั้นไว้อย่างเต็มแม็กซ์ ก่อนจะถอดแก่นกายออกจากตัวหญิงสาวและดึงถุงยางที่มีของเหลวสีขุ่นเต็มถุงยางทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดีพร้อมกับลุกขึ้นใส่กางเกงให้เรียบร้อยและหยิบเงินปึกหนึ่งโยนใส่ตัวหญิงสาวที่ยังนอนหอบหายใจเหนื่อยอยู่ที่เตียงอย่างหมดสภาพ ซึ่งไม่ต่างจากการโดนรุมโทรม
จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปอย่างไม่คิดจะหันกลับไปสนใจว่าหญิงสาวคนนั้นจะเป็นยังไง...
รามสูรถูกเลื่องลือเกี่ยวกับเรื่องบนเตียงว่าเขานั้นดุเดือดมากเวลาอยู่บนเตียง และมีผู้หญิงมากมายอยากเข้าหาเขาและยอมถวายตัวให้เขาฟรีๆ เพื่อจะได้ลองสัมผัสบทรักที่รุนแรงและดุเดือดจากเขาสักครั้ง ซึ่งเขาไม่เกี่ยงอยู่แล้วของฟรีใคร ๆ ก็ชอบแต่สำหรับเขาถึงจะให้ฟรีเขาก็เลือก ผู้หญิงที่ได้ลองครั้งแรกแล้วจะไม่มีครั้งที่สอง เพราะเขาไม่ชอบใช้ของซ้ำ สำหรับเขาครั้งเดียวจบแล้วแยกกันไป แต่ถ้าทำดีไม่ทำให้เขาอารมณ์เสียก็จะได้เงินกลับไปใช้ปึกหนึ่ง นี่คือตรรกะง่ายๆ ของเขา...
.
.
รามสูรพาทย์
ตึก ตึก ตึก (เสียงเดินของรามสูร)
ปึก!
“โฮ้ว เฮียตัวลอยออกมาเลยน่ะ เป็นไงน้องเจด้านางแบบสุดฮอต ฮอตจริงไหมเฮีย” องศาทักขึ้นทันทีที่ผมเปิดประตูเข้ามา
“งั้นๆ ไม่เห็นน่าตื่นเต้นอย่างที่มึงบอกเลยไอ้องศา” ผมตอบมันก่อนจะนั่งลงที่โซฟาใกล้ๆ มัน
“ฮึ ใครมันจะสู้ซ้อจันทร์เจ้าของเฮียได้ล่ะ”
ตุบ!! “ลามปามล่ะสัส” ผมจัดการถีบองศาลูกพี่ลูกน้องของแผ่นดินทันทีที่มันลามปามมาถึงเมียผม จนมันล้มไปกองที่พื้นก่อนจะลุกขึ้นโวยวายใส่ผม
“เฮียเจ็บนะเว้ย ถีบมาได้”
แต่ผมไม่สนใจมันหรอกนั่งดื่มเหล้าต่ออย่างสบายใจ พร้อมกับมองหน้าจอทีวีที่ถ่ายทอดสดชั้นล่างของผับ วันนี้ผมมานั่งดื่มที่ผับน้องชายคนเดียวของผมมันชื่อไซเรน ผับมันก็ดีดังระดับแถวหน้าของประเทศอยู่ แถมยังมีลูกค้าเยอะทุกคืน อย่างเช่นคืนนี้ก็เหมือนกัน ในจอที่ผมกำลังดูอยู่เต็มไปด้วยเหล่าผีเสื้อราตรีมากมายกำลังเต้นกันอย่างเมามันใต้แสงสีไฟที่สาดส่องหลังจากมีดีเจชื่อดังขึ้นไปเปิดฟลอร์...
“ไอ้ราม กูได้ข่าวว่าไอ้พายุมันกลับมาแล้วเหรอว่ะ”
แผ่นดินเพื่อนผมคนที่หน้านิ่งๆ ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ แต่ไอ้นี้มันจะเป็นประเภทคนใจดีสุขุม แต่ก็ไม่ได้ดีเสมอไปหรอกน่ะ ถ้าทำให้มันโมโหขึ้นมาอะ เคยได้ยินไหม มาร์คทุบแอร์อะ เออไอ้เหี้ยนี้ก็สไตล์นั่นแหละโมโหทีไรของพังทุกที เมื่อกี้มันว่าอะไรนะไอ้พายุเหรอวะ ไอ้เหี้ยนั้นกลับมาแล้วเหรอว่ะ
“สัส กลับมาจนได้สินะมึง” ผมเอนหลังพิงโซฟาก่อนจะยกเท้ามาไขว้กันด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความหงุดหงิดเมื่อได้ยินชื่อมัน
“ระวังถ่านไฟเก่าจะลุกนะมึงไอ้ราม” มันบอกผม ผมจึงขมวดคิ้วขึ้นอย่างสงสัยว่ามันหมายถึงอะไรที่ให้ผมระวัง แล้วทำไมผมต้องระวังมันด้วยว่ะ
“ทำไมวะ”
“ฮึ กูได้ข่าวว่ามันไปเป็นนายแบบให้กับเมียมึง”
“สัส!”
เพล้ง!!!!
ผมเขวี้ยงแก้วในมือใส่ผนังห้องอย่างโมโหทันทีหลังจากที่ได้ฟังข่าวใหม่จากไอ้ดินที่มันบอกว่าไอ้เวรนั่นไปทำงานกับจันทร์เจ้า มันคิดจะเปิดศึกกับผมเหรอวะถึงได้กล้าลองดีไปทำงานกับเมียผม
“เชี้ย! เฮียมึงเขวี้ยงแก้วทำไมวะเนี่ย” องศาที่ตกใจกับการกระทำที่เกรี้ยวกราดของผมจนมันพ้นคำหยาบออกมา ผมจึงเหลือบไปมองมันนิ่ง ๆ แทน
“มึงเป็นเหี้ยอะไรเฮีย มาทำลายข้าวของในผับกูทำไมวะ” เสียงไซเรนที่เพิ่งเดินเข้ามาเห็นเศษแก้วแตกกระจายที่พื้นมันจึงเอ่ยถามผมขึ้นอย่างเคือง ๆ ก่อนจะหันไปส่งสายตาขอคำตอบจากไอ้ดินแทน
“หึ แฟนเก่าเมียมันกลับมาทวงของคืนมั้ง”
“หุบปากมึงไปเลยไอ้ดิน เดี๋ยวจะโดนตีนกูไอ้สัส”
“เดี๋ยว ๆ แฟนเก่าซ้อจันทร์เจ้าน่ะเหรอว่ะเฮีย ที่ชื่ออะไรนะ พายุนั้นป่ะ” ไอ้ไซมันหันไปถามไอ้ดินด้วยความอยากรู้ และไอ้เพื่อนเวรนี่มันก็พูดมากจังว่ะคืนนี้
“อืม”
“สนุกละสิงานนี้ ฮ่า ๆ”
“พวกมึงหุบปากไปเลยสัส ผีเจาะปากมาพูดหรือไงกุรำคาญ!!” ผมตวาดใส่พวกมันไปอย่างรำคาญ
“อ่าๆ อันนี้จริงจัง แล้วเฮียจะเอาไง เจ้าของเขากลับมาแล้ว”
“เจ้าของเหี้ยไรละ กูเป็นผัวนั่งหัวโด่อยู่เนี่ย” ผมตอบไอ้ไซอย่างดุดัน ก็แล้วจะให้ผมตอบยังไง ในเมื่อเจ้ามันเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของผมจริง ๆ และเป็นทั้งนิตินัยและพฤตินัยด้วย
“ครับ ผัวที่ถูกต้องตามกฎหมาย...ได้มาเพราะความเลวในตัวชัด ๆ”
ไอ้ไซเรนเอ่ยด้วยความกวนตีนผมโดยที่ไม่ได้สนใจสีหน้าของผมตอนนี้เลยว่าพร้อมเล่นกับมันรึเปล่า ทุกคนคงสงสัยกันอยู่ใช่ไหมว่าทำไมน้องชายผมมันพูดแบบนั้น?
ผมจะบอกให้ทุกคนฟังเลยก็ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ก็คือเรื่องสามเดือนที่แล้ว คืนนั้นที่ผมมีอะไรกับยายจันทร์เจ้ามันไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญอะไรทั้งนั้นแหละ มันอาจจะบังเอิญตรงที่ยัยนั่นเดินเข้ามาหาผมตอนที่ผมอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งก็จริง แต่จริง ๆ แล้วผมได้วางแผนไว้แล้วว่าผมจะจับยายจันทร์เจ้าทำเมีย
แต่ไม่คิดว่าคืนนั้นยายนั่นจะเมาหนักจนเดินมาหาผมเองโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไรมาก ส่วนตอนที่เรากำลังจะมีอะไรกันยายนั่นไม่ได้สมยอมผมหรอกแต่ด้วยความเมาของเธอผมได้ให้เธอกินยาปลูกเซ็กส์ที่ผมได้เตรียมไว้จนเธอยอมมีอะไรกับผมได้อย่างง่าย ๆ
จึงเป็นเหตุผลที่ผมกล้าต่อรองกับเธอว่าเธอสมยอมผมเอง ผมไม่ได้ขมขื่นเธอและให้เธอนึกภาพเอาเอง จากนั้นผมจึงแสดงตัวเป็นคนดีว่าจะรับผิดชอบเธอ ถึงแม้ว่าเธอเองจะไม่ยอมในตอนแรกแต่สุดท้ายผมไม่สนใจไง ผมจึงเข้าทางผู้ใหญ่แทนด้วยการไปสารภาพว่าผมกับเธอมีอะไรกันแล้วและผมพร้อมจะรับผิดชอบเธอทุกอย่าง เธอจึงโดนแม่บังเกิดเกล้าที่หวงลูกสาวยิ่งกว่าอะไรจับให้แต่งงานกับผมในสุด
ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องแฟนเก่าเธอ ไอ้เวรนั้นมันชื่อพายุ มันก็ไม่ได้มีอะไรดีเด่นมากมายอย่างที่ยัยนั้นเข้าใจหรอกน่ะ มันก็แอบไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นเหมือนกันโดยที่ยายนั่นไม่รู้ห่าอะไรเลยด้วยซ้ำ และที่สำคัญมันเป็นศัตรูกับผมตั้งแต่มัธยมยันมหาลัยเคยชอบผู้หญิงคนเดียวกันตอนมัธยมก็คือยายจันทร์เจ้า
แต่ยายนั่นไม่รู้หรอกเพราะเธอเกลียดผมจะตายและตอนนั้นเรื่องผู้หญิงผมก็เยอะด้วยยิ่งทำให้ยายจันทร์เจ้าไม่อยากยุ่งกับผมเข้าไปอีก แต่จนแล้วจนรอดไอ้เวรนั่นก็ไม่ได้แสดงตัวว่าชอบเธอสักที จนเมื่อสองปีที่แล้วที่ผมรู้ว่ามันขอยายจันทร์เจ้าคบผมจึงอยู่นิ่งไม่ได้ และพยายามให้ลูกน้องตามมันไปทุกที่จนได้คลิปที่มันไปหาผู้หญิงคนหนึ่งที่คอนโดมาแบล็กเมล์มัน และมันก็หายไปจากจันทร์เจ้าตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน แต่สุดท้ายมันก็กลับมาโผล่หัวอีกจนได้
ซึ่งเรื่องนี้นอกจากพวกผมก็ไม่มีใครรู้เรื่อง โดยเฉพาะจันทร์เจ้ายายนั้นไม่เคยเอะใจเลยสักนิด
“เจอน้องตอกกลับไปแบบนั้นถึงกับนิ่งเลยเหรอวะเฮีย”
“...” ผมไม่ตอบไอ้ไซแต่ส่งสายตารำคาญให้มันแทนมันถึงหุบปากแล้วหันไปเล่นโทรศัพท์มือถือแทน
ตึกตึกตึก!
ปึก!!
“เฮียไซ แฮ่ก ๆ”
“มีไร”
“ข้างล่าง แฮ่ก ๆ เฮีย... เกิดเรื่องใหญ่แล้วลูกค้าตีกัน ...”
ผมเห็นไอ้ดรีมลูกน้องของไอ้ไซวิ่งผลักประตูเข้ามาอย่างหอบก่อนจะบอกข่าวว่ามีลูกค้าตีกันอยู่ด้านล่างอย่างหน้าตาตื่น จนไอ้ไซต้องรีบลุกขึ้นออกไปดู
แรกๆ ผมว่าจะอยู่นิ่งๆ ในห้องเพราะตอนนี้ยิ่งอารมณ์เสียอยู่ด้วย แต่แม่งรู้สึกตงิดใจแปลกๆ สุดท้ายผมก็เลยลุกขึ้นเดินตามไอ้ไซออกไปข้างล่างด้วยอีกคน ตามด้วยไอ้ดินและไอ้องศาที่เห็นผมเดินออกมาพวกมันจึงลุกตามมาด้วย
พอเดินมาถึงตรงบันไดก็เห็นความชุลมุนวุ่นวายของข้างล่างพร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ที่พังเต็มไปหมด ผมจึงเดินล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองลงไปข้างล่างด้วยสีหน้าราบเรียบ จนไอ้พวกที่กำลังมุงอยู่แถวนั้นค่อยๆ เปิดทางออกเมื่อเห็นพวกผมกำลังเดินเข้าไป ก่อนจะเห็นว่าไอ้ไซกำลังยืนทำหน้าโกรธจัดอยู่ข้างหน้า
แต่จู่ ๆ สายตาผมก็ดันเหลือบไปเห็นเมียตัวเองกำลังยืนอยู่ข้าง ๆ ไอ้พายุ ซึ่งไอ้เวรนั่นกำลังมองผู้ชายอีกกลุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับมัน
ผมจึงกัดฟันกรอดด้วยความโมโหทันที เลยเผลอเดินไปดึงตัวเธอมาอยู่กับผม แต่ไอ้พายุมันดันหันมาจับมือจันทร์เจ้าไว้อีกข้างก่อนทำให้ตอนนี้ผมกับมันอยู่ในสภาพฉุดกระชากแขนจันทร์เจ้าคนละข้างกันขณะที่กำลังจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร...
“ปล่อยมือมึงออกไป” ผมพยายามข่มอารมณ์ตัวเองให้นิ่งที่สุดเพราะไม่อยากมาสร้างปัญหาในผับของไอ้ไซ
“ทำไมกูต้องปล่อย” แต่ดูท่าไอ้เวรนี้มันอยากมีเรื่องกับผม
“กูบอกให้ปล่อยมือออกจากมะ...”
“ราม”
ไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยจบจันทร์เจ้าก็สะบัดมือออกจากมือของไอ้พายุแล้วมากอดเอวผมแทน สิ่งแรกหลังจากที่เธอกอดผม ผมสัมผัสได้ว่าตัวเจ้ามันสั่นซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง ทำไมเจ้ามันถึงดูหวาดกลัวขนาดนี้ ผมจึงกอดมันกลับพร้อมกับเอ่ยถามมันออกไปด้วยความเป็นห่วง
“มึงเป็นอะไรเจ้า ใครทำมึงบอกกูมา”
“...”
จันทร์เจ้าเงียบไม่ยอมตอบผม แต่กลับกอดผมแน่นกว่าเดิมพร้อมกับส่ายหัวไปมาตรงหน้าอกของผม ผมจึงหันไปสบตากับผู้ชายคนหนึ่งที่มันอยู่ตรงข้ามกับไอ้ไซด้วยแววตาดุดัน จนผู้ชายคนนั้นหลบตาผม แต่มีเหรอคนอย่างผมจะไม่รู้ถ้ามันลองได้หลบตาผมแบบนั้น ผมจึงแกะมือจันทร์เจ้าออกจากเอว ก่อนจะเดินไปหามันอย่างเอาเรื่อง...
พรึบ!
“มึงทำเหี้ยไรผู้หญิงของกู” ผมกระชากคอเสื้อมันมาถามอย่างเกรี้ยวกราด
“ผมปะเปล่าทำ” มันตอบผมสีหน้าเลิ่กลั่กอย่างหวาดกลัว แล้วผมต้องเชื่อมันเหรอวะไอ้สัส!
“เปล่าทำเหรอวะ!!”
“ไอ้สัสเอ้ย!”
ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ!
ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ!
หลังจากที่ผมสบถออกไปอย่างหัวเสีย ผมก็จัดการซัดหน้ามันอย่างโมโหทันที จนมันล้มลงไปนอนกองที่พื้นแต่มันยังไม่สาแก่ใจผมไง ผมจึงกระทืบมันซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะหยิบปืนที่เหน็บอยู่ตรงเอวมาจ่อหัวมันและเตรียมลั่นไก...
กริ๊ก!
หมับ!!
“ราม...ฮึก...ฮึก...พอได้แล้ว พอเถอะน่ะเจ้าขอน๊า ฮึก”
ไม่ทันที่ผมจะได้ลั่นไกไอ้เวรที่นอนเลือดอาบอยู่ข้างล่าง จันทร์เจ้าก็วิ่งเข้ามากอดเอวผมจากด้านหลังสักก่อน พร้อมกับเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นแนบกับแผ่นหลังผม จนผมต้องกำด้ามปืนแน่นกว่าเดิมเพื่อระบายความโมโหออกมาด้วยสีหน้าที่ผมคิดว่าตอนนี้คงไม่มีใครกล้ามายุ่งกับผมแน่นอนดูจากทุกคนที่ค่อยๆ ถอยกรูดกันออกไป....
“เฮีย กูว่าพอดีกว่า แค่นี้มันก็จะตายอยู่แล้ว”
ไอ้ไซเดินมาบอกผม ผมจึงยกเท้าที่อยู่บนตัวของไอ้เวรที่นอนกองที่พื้นออกพร้อมกับเขี่ยมันออกไปให้พ้นเท้าทิ้งท้ายอย่างโมโห ก่อนจะดึงมือจันทร์เจ้าพาออกมาจากตรงนั้น แต่ก่อนจะได้เดินพ้นออกไป ผมเห็นไอ้พายุมันกำลังมองผมอยู่ ผมจึงหยุดนิ่งแล้วมองมันกลับอย่างท้าทาย แต่ไม่นานจันทร์เจ้าก็กระตุกแขนผมให้เดินออกไปจากตรงนั้น ผมจึงเลิกสนใจมันแล้วเดินออกไปจากผับพร้อมด้วยเพื่อนๆ ของจันทร์เจ้าอีกสองคน...
จันทร์เจ้าพาทย์
ตอนนี้ ฉัน รามสูร และเพื่อนอีกสองคนเดินออกมาจากผับแล้ว แต่อยู่ๆ รามสูรที่กำลังเดินจับมือฉันอยู่ก็หยุดเดินเอาดื้อ ๆ พร้อมกับหันมาถามฉันด้วยสีหน้าดุ จนฉันรู้สึกหวาดกลัวกับสายตาและท่าทางเกรี้ยวกราดของมันตอนนี้ขึ้นมา แค่เห็นตอนที่มันกระทืบผู้ชายข้างในเมื่อกี้ภาพยังติดตาฉันอยู่เลย...
“ตกลงเมื่อกี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไร แล้วเธอมาทำไมไม่บอกฉัน อยากวอนตายอีกแล้วใช่ไหมว่ะเจ้า” รามสูรดุฉันเสียงเข้ม จนฉันรู้สึกว่าร่างกายตัวเองหดเล็กลงกว่ามันไปเยอะเลย ฉันบอกเลยว่ารามสูรเวลามันโกรธมันน่ากลัวมาก เอาช้างมาฉุดมันก็เอาไม่อยู่อะ
“รามสูร ฉันว่านายใจเย็น ๆ ก่อนน่ะ อย่าเพิ่งดุยายเจ้ามันเลยน่ะ ตอนนี้มันก็กลัวจะแย่อยู่แล้ว” เสียงยายเบเบ้มันช่วยเกลี้ยกล่อมรามสูรแทนฉัน
“ใช่ๆ เฌอว่ากลับบ้านกันก่อนดีกว่าน่ะ อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย สงสารเจ้ามันอะ”
ส่วนนี้ยัยเฌอเพื่อนสนิทอีกคนของฉันที่ออกโรงคุยกับรามสูรด้วย
ถึงแม้ว่าพวกมันจะกลัวรามสูรแค่ไหนก็ตาม แต่ในเวลานี้ก็ถือว่าพวกมันมีความกล้าหาญพอที่จะเกลี้ยกล่อมคนอารมณ์ร้อนอย่างมัน ส่วนฉันตอนนี้ก็ขอไม่พูดอะไรทั้งนั้น นอกจากยืนเงียบหลบตามันอย่างเดียว เพราะเรื่องคืนนี้มันทำให้ฉันรู้สึกหดหู่ไปหมดยิ่งตอนเห็นมันหยิบปืนพกมาจ่อหัวผู้ชายคนนั้น ฉันยิ่งรู้สึกกลัวมันไปกันใหญ่