ex-husband: ไม่เหมาะสม
กริ๊ก!
ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงเปิดประตูห้องนอนดังขึ้น ฉันรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งมองไปที่ประตู
ดินถอนลมหายใจออกมาแรง ๆ เมื่อมองมาที่ฉันซึ่งนั่งหัวฟูอยู่บนเตียง
“มารยาทควรมี” ฉันต่อว่าทันทีที่มองเห็นคีย์การ์ดในมือของดิน
คีย์การ์ดสำรองแน่ ๆ คอนโดนี้สะเพร่ามากที่ให้คีย์การ์ดลูกบ้านกับคนอื่นง่าย ๆ
“ลุกไปจัดการตัวเอง” ดินเดินมานั่งที่ปลายเตียง ก็ห่างจากฉันไม่มากนัก
“ไม่ไป แล้วก็วางคีย์การ์ดไว้แล้วไสหัวออกจากห้องไป”
“26 แล้วนะแหวน ไม่ใช่เด็กแล้ว อย่าเอาแต่ใจ” นี่ดินกำลังตำหนิฉันใช่ไหม
กล้าดียังไงมาว่าฉัน
“ออกไป”
“ลุกไปแต่งตัว หรือต้องให้แต่งให้”
“อย่ามาบ้า แล้วก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น อย่าให้ออกปากไล่อีกนะ” เราต่างจ้องหน้ากัน ฉันจ้องเขาด้วยความไม่พอใจ แต่เขาจ้องมาที่ฉันด้วยความกดดัน
“ดินต้องเข้าบริษัทตอนบ่าย แม่ของเรากำลังรอแหวนกับดินไปกินข้าวด้วย แหวนกับพ่อจะไม่ลงรอยยังไงกันก็ได้ แต่กับแม่ แหวนจะปล่อยให้แม่รอลูกที่เหลือเพียงคนเดียวเหรอ” นี่คือประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่เราคุยกันมา และเหมือนน้ำเสียงที่เอ่ยจะปกติมาก ๆ
“แม่ของเรา?” แม่ของฉันก็คือแม่ของฉัน แม่ของดินก็คือแม่ของดิน ฉันกับดินเราเลิกกันแล้ว เพราะฉะนั้นจะใช้คำว่า ‘เรา’ ไม่ได้
คำนี้เขาควรใช้กับคนของเขา
“แม่ทั้งสองคนกำลังทำกับข้าวรอเรา แหวนควรรีบกว่านี้ ดินช้ามากแล้ว” ยิ่งพูดก็ยิ่งสร้างความงงให้กับฉัน แล้วไอ้แทนตัวเองด้วยชื่อนี่ ผีบ้าตัวไหนเข้าสิงเขากัน
ปกติเคยมีสรรพนามแทนตัวที่ไหน
“มันไม่เหมาะสม” ไม่เหมาะที่ทั้งสองครอบครัวจะไปมาหาสู่ ไม่เหมาะเลยที่ฉันกับดินจะไปไหนมาไหนด้วยกัน
“อะไรคือไม่เหมาะสม ไหนลองอธิบายมาหน่อย”
“ไม่จำเป็นต้องพูด ทำอะไรไว้ย่อมรู้อยู่แก่ใจ จะไปไหนก็ไป”
“สักครั้งเถอะแหวน ผู้ใหญ่รออยู่ อย่าเอาแต่ใจได้ไหม นิสัยนี้เลิกได้ควรเลิก”
Rrrr…
ต่อว่าฉันยังไม่ทันจบเสียงริงโทนมือถือของเขาก็ดัง
“ครับแม่” ถ้าให้เดา ในสายน่าจะเป็นแม่ของเขา หรือไม่ก็แม่ของฉัน
(…)
“แหวนกำลังแต่งตัวครับ อาจจะไปช้าหน่อยเพราะรถติด”
(…)
“ทันครับ แม่ไม่ต้องห่วง”
(…)
“ครับ” ดินวางโทรศัพท์มือถือไว้ที่เตียง จากนั้นเขาหันมาจ้องฉัน “แม่โทรตามแล้ว จะลุกได้ยัง”
Rrrr…
เสียงริงโทนของดินดังขึ้นอีกครั้ง รอบนี้ไม่ใช่แม่ของเขา และไม่ใช่แม่ของฉัน
แต่เป็นคนของเขา!
“คนนี้ไหมที่ควรชวนไปหาแม่” ฉันพูดพร้อมกับลุกลงจากเตียง เดินเข้าห้องน้ำ
เรื่องของความรู้สึกห้ามกันไม่ได้สินะ แต่เรื่องนี้มันก็ทุเรศเกินไปไหม
อ่า ฉันควรวางตัวแบบไหนดี เพื่อไม่ให้มันน่าเกลียด หรือจะทำเฉยโนสนโนแคร์ไปเลย
ให้หลังก่อนที่ฉันจะปิดประตูห้องน้ำ ฉันได้ยินเสียงดินพูด เขาน่าจะกดรับสายคนที่โทรเข้ามานั่นแหละ
แล้วที่ฉันต้องมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปกับดิน ก็เพราะแม่ของฉันอยู่ที่นั่น ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมแม่ของฉันถึงไปอยู่ที่บ้านแม่ของดิน ความจริงคือทั้งสองฝ่ายควรเลิกติดต่อกันได้แล้ว ฉันกับดินเราเลิกกันมาเป็นปี ๆ แล้วเถอะ
ฉันคงต้องคุยกับแม่ให้รู้เรื่อง หลังจากที่ไม่ได้คุยกันเลยอะนะ
“ดินใส่ตะขอเสื้อในให้แหวนหน่อย” พูดออกไปด้วยความที่หมั่นไส้ เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นว่าดินยังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่
ความจริงคือฉันแต่งตัวในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว เหลือก็แค่ทาครีมและจัดแต่งทรงผม
ที่พูดออกไปก็แค่อยากให้ใครบางคนมันดิ้นตายดูบ้าง
ดินหันมามองหน้าฉัน ฉันก็เลยเบะปากพร้อมไหวไหล่ใส่เขา
ใครสนใครแคร์กัน จะมีปัญหากันก็เรื่องของพวกเขาสิ
ฉันรอสมน้ำหน้าด้วยต่างหาก
ฉันแต่งหน้าทำผมไม่ได้สนใจดินอีก
Rrrrr…
สักพักริงโทนโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้น ฉันลุกไปคว้ามือถือที่เตียงมากดรับ
“ว่าไงญ่า” ญ่าเพื่อนสนิทของฉันเองที่โทรเข้ามา
(ทำอะไรอยู่อะแก ฉันว่าจะแวะเข้าไปหา สั่งอาหารมากินกัน)
“ฉันมีนัดแล้วอะดิ เอาไว้วันหลังได้ไหม”
(อ้าว นี่ฉันสั่งเดลิไปแล้วด้วย มีแต่ของชอบแกทั้งนั้นเลย)
“ไม่ว่างจริง ๆ อะญ่า พอดีต้องไปกินข้าวกับแม่”
(เดี๋ยว ๆ นี่แกคุยกับแม่แล้วเหรอ)
“เออน่า เดี๋ยวเจอกันแล้วเล่าให้ฟัง”
(ง่ะ มาให้อยากแล้วก็ไป ฉันค้างนะเว้ย)
“ค้างอะไรแก ฉันยังไม่ได้คุยกับแม่ แต่ผัวเก่าของฉันมารับฉันไปกินข้าวกับแม่ฉันและแม่เขา ทำนองครอบครัวน่ะ”
(ฮะ! นี่ดินอยู่กับแกเหรอ? เป็นไปได้ไง ไหนเหลามาเลย)
“จะให้เหลาอะไร มันไม่มีอะไรเลย”
(ไม่มีไม่ได้แล้วไหมแก คือไรอะ กลับไปกินกันเหรอ)
“บ้ากงกินอะไรไม่มี๊…แป๊ปนะญ่า” ฉันลากเสียงก่อนจะหันไปมองดินที่ยืนมองหน้าฉัน ฉันพูดแบบไม่มีเสียงและชี้มือไปที่กระเป๋าเพื่อให้เขาถือกระเป๋ามาให้ฉันด้วย ส่วนตัวฉันก็เดินลอยตัวออกจากห้อง
(แกเงียบทำไมวะแหวน มีไรเปล่าวะ นี่ฉันเริ่มงงไปหมดแล้ว)
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ให้ดินถือกระเป๋าออกมาให้ ฉันใส่รองเท้าแล้วก็คุยกับแกอยู่ไง”
(เรื่องเด็ดเลยนะน่ะ ไม่ได้ละ คืนนี้ต้องเหลานะเว้ย อย่ามีความลับกับเพื่อน)
“เออ ๆ ถ้าไงเดี๋ยวว่ากันอีกที เผื่อคืนนี้ฉันไม่ได้กลับห้อง”
(อ่า ๆ) ฉันกดวางสายญ่าและดึงกระเป๋าออกจากมือของดินมาถือเอาไว้เอง ตอนนี้เราสองคนอยู่ภายในลิฟต์
ไม่นานนักเราสองคนก็เข้ามานั่งอยู่ในรถ รถของดิน และเขาเป็นคนขับ
ความเงียบสำหรับฉันและเขามันคือเรื่องปกติ
แต่สิ่งที่ไม่ปกติก็คือการที่เขาเข้ามาวุ่นวายในชีวิตฉัน จำที่ฉันเคยบอกได้ใช่ไหมว่าเมื่อก่อนไม่ว่าจะไปไหนเราสองคนไม่เคยเดินทางร่วมกัน
แต่วันนี้มันไม่ใช่แบบนั้นไง
“แวะซื้อของให้แม่ก่อนนะ” นึกขึ้นมาได้ฉันจึงเอื้อนเอ่ยบอกคนข้าง ๆ ซึ่งเป็นคนขับ
หายหน้าหายตาไปตั้งนาน กลับไปหาพวกท่านทั้งทีก็ควรที่จะมีอะไรติดไม้ติดมือไปบ้าง
“ไม่มีเวลามากขนาดนั้น”
“อืม” ก็อืมไง จะให้พูดอะไรล่ะ ในเมื่อคนขับปฏิเสธ
ไม่ได้ก็ไม่ได้ไง ฉันไม่เรียกร้องด้วยการเอานิสัยงี่เง่ามาใช้อยู่แล้ว
“แค่แหวนไปแม่ก็ดีใจกันมากแล้ว” พูดขึ้นมาเพื่ออะไร?
“…” ฉันเงียบ ไม่อยากพูดอะไรกับเขาอีก และที่สงสัยก็คือทำไมดินถึงพูดเยอะ ทั้งที่เมื่อก่อนแทบจะไม่พูดเลย
แต่ก็ช่างมันเถอะ ที่ดินเป็นแบบนี้คงเพราะเขาพัฒนาแล้วมั้ง
หมายถึงพัฒนาด้านมนุษย์สัมพันธ์