BAD ENG' : 07
[? คิดไหม...? ว่าจะให้ใจใครบางคนโดยที่ไม่รู้แม้แต่ตัวตนของเขา]
-----------------
BAD ENG' : 07
@คฤหาสน์เดชาพิพักษ์
พรึบ!
ตะวันสะดุ้งโหย่งหลังย่องเบาเข้าห้องนอนตัวเองแล้วไฟทุกดวงดันสว่างโร่ราวกับติดตั้งด้วยระบบอัตโนมัติ
“มี๊...”
ใบหน้าหล่อเหลาถอดสีซีดเผือดเมื่อหันไปเห็นนายหญิงผู้กุมอำนาจสูงสุดแห่งตระกูลเดชาพิพักษ์ ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ข้างประตูตอนตีสองกว่า
ดึกขนาดนี้ยังไม่ยอมนอน คิดดูเหอะ…ชะตาขาดแน่กู!
“น้องกลับมาตั้งนานแล้ว ไอ้ลูกหมาของมี๊ไปไหนมาเหรอ”
สายตาคมกริบที่ตวัดมองบวกน้ำเสียงเย็นยะเยือกเสมือนธารน้ำแข็งขั้วโลกของมารดาผู้ให้กำเนิดทำลูกกระเดือกคนถูกถามกดต่ำจากการกลืนก้อนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“ก็...ไปเล่นเกมบ้านไอ้หมอก” อึกอักตอบพลางตั้งท่าก้าวถอย เพราะหญิงสูงวัยเริ่มเขยิบเข้าหา
“เหรอ?”
“ครับ”
“ให้ตอบอีกที” แววตาคู่นั้นส่อแววจริงจัง ตะวันรู้ในทันทีว่าถูกจับโกหกได้ และเมื่อถึงคราวจนมุม นึกอะไรไม่ออกก็เบี่ยงไปเวย์ง่วงไว้ก่อน หนุ่มเจ้าเล่ห์แสร้งอ้าปากหาวหวอดๆ
“หาว....ง่วงจัง ไปนอนกันเถอะ”
ช่วงขายาวขยับก้าวได้เพียงไม่เท่าไหร่ก็ต้องชะงักเพราะคนเป็นแม่ขยับมายืนขว้างหน้า
“อย่ามาเนียน”
เจ้าของห้องลอบถอนหายใจ ก่อนจะตอบไปแบบปัดๆ
“ก็ไปเที่ยวเล่นแถวนี้แหละ ผมโตแล้วนะ ดูแลตัวเองได้ มี๊ไปห่วงไอ้จ้าวนู้นเหอะ”
ใครมันจะกล้าบอกว่าแอบตามไปส่งสาวสวยถึงบ้าน แถมยังรับบทเป็นยามเฝ้าดูลาดเลาให้อีกนานนับชั่วโมง
มีหวังโดนบ่นยับ...
“โตแล้วก็ไม่ใช่ลูกมี๊สินะ” นีรดาร์กอดอกค่อนขอด แล้วเชิดหน้าใส่
“ก็ใช่ แต่-”
“หยุด!” วลีเดียว ตัดเสียงฉึบยังกับสับคัทเอาท์ ก่อนจะตามมาด้วยการยื่นหน้าเข้าไปดมกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ตามตัวลูกชาย “เมื่อไหร่ลูกจะเลิกเที่ยวเตร่แบบนี้สักที มันอันตราย กินเหล้าแล้วก็ขับรถ ดูสิเนี่ย...สูบบุหรี่ด้วย นี่ยังไม่รวมที่ไปตีรันฟันแทงกับคนอื่นอีกนะ จะไม่ให้ห่วงได้ไง”
นายหญิงของบ้านจัดชุดใหญ่จนคนฟังได้แต่กะพริบตาปริบๆ เพราะจำนนต่อหลักฐาน จะเถียงก็เถียงไม่ออก และพอจับมามัดรวมกันแบบนี้มันทำให้เขาดูเป็นลูกที่โคตรเกเร สำมะเลเทเมาไปวันๆ โดยรวมเข้าขั้นแย่เลย
“ต่อไปนี้จะไม่มีเรื่องยกพวกตีแล้ว สัญญา” ร่างสูงโน้มไปกอดซบอกคนเป็นแม่ท่าทางคล้ายออดอ้อน แต่โทนเสียงยังอยู่ในโหมดแข็งกระด้างตามสไตล์ภูตะวัน
“ลูกพูดเป็นรอบที่ร้อย” อดไม่ได้ที่จะยีหัวลูกชายตัวแสบด้วยความหมั่นไส้
“รอดูได้เลย” ไม่ได้พูดเพื่อให้แม่สบายใจเท่านั้น แต่เขาตั้งใจจะลดละเลิก เรื่องต่อยตีจริงๆ วงเล็บถ้าไม่มีใครมากวนตีนเขาก่อน
“...” ทว่าคนเป็นแม่ก็ไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ ร่างกำยำถูกดันออก นีรดาร์เพ่งมองค้นหาสิ่งผิดปกติจากลูกชายอีกครั้ง
“มี๊ไปนอนเหอะ ยิ่งแก่ๆ อยู่ เดี๋ยวไม่สวยนะ ป๊าทิ้งไม่รู้ด้วย โอ๊ย!” เสียงโอดครวญปิดท้ายเพราะถูกฝ่ามือเล็กฟาดลงบนต้นแขนดังเพียะ!
“ปากแบบนี้...มันลูกนายดินชัดๆ”
“เชื้อป๊าแรงไปหน่อย” ทั้งปาก ทั้งรูปร่างหน้าตาได้พ่อมาเต็มๆ ความมั่นนี่ทำคนเป็นแม่ส่ายหน้าเอือมระอา แต่ก่อนจะแยกย้าย นีรดาร์ยังนึกได้ว่ามีอีกเรื่องสำคัญต้องสะสาง
“อ้อ บัญชีที่ชื่อ ฌาริดา นี่...ใครเหรอ”
“...!” ชื่อที่แม่กล่าวถึงทำลูกชายสะดุดลมหายใจ สีหน้าปรับ เปลี่ยนเป็นตึงเครียดเพื่อกลบเกลื่อน
“แม่เห็นลูกโอนเงินไปทุกเดือนเลย”
“ผม...เออ” เขาส่งปลายนิ้วไปเกาข้างขมับหลายครั้งบ่งบอกถึงความประหม่าชัดเจน “จ้างเขาทำงานพิเศษนิดหน่อย”
“แน่ใจ? ลูกไม่ได้กำลังแอบเปย์สาวอยู่ใช่ไหม”
มาถึงตอนนี้เขาเริ่มลังเลว่าจะบอกความจริงออกไปดีไหม เพราะไม่รู้ว่าแม่มีข้อมูลในมือมากน้อยแค่ไหน แต่พอคิดอีกที...ยังก่อนดีกว่า
“มันเป็นสิ่งที่เธอสมควรจะได้อยู่แล้ว” มันเป็นความจริงแต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด ตะวันเลือกที่จะพูดออกไปบางส่วน นี่ยิ่งทำให้คนเป็นแม่ข้องใจหนักกว่าเก่า
“ยังไงนะ”
เขาไม่ตอบ แต่วางสองมือบนไหล่แม่แล้วออกแรงดันร่างท่านไปจ่อที่หน้าประตู
“ไปนอนได้แล้ว ฝันดีครับ”
...
เช้าวันต่อมา…
@ บ้านกิจวัฒนา
หลังแต่งตัวในชุดสบายๆ เสร็จเรียบร้อยใบชาก็คว้ากระเป๋าเป้มาสะพายหลัง ก่อนจะพุ่งออกจากห้องนอน ก้าวฉับๆ ลงบันไดด้วยความเร่งรีบ
“อะ...อ้าว วันนี้ วันหยุดไม่ใช่เหรอ แล้วนั่นจะไปไหนน่ะ”
“มีติวกับเพื่อน ไปก่อนนะคะ”
ตอบผู้เป็นแม่ ขณะสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรดอยู่หน้าบ้าน จากนั้นก็วิ่งไปรอรถโดยสารหน้าปากซอย และด้วยความที่เธอใช้บริการบ่อย…ถึงบ่อยมากจนกลายเป็นลูกค้าวีไอพี การกะเวลารถแต่ละรอบจึงไม่เกินความสามารถ หลังหยุดยืนพักหายใจได้เพียงนาทีเศษก็รถเมล์เคลื่อนมาจอด
รถประจำทางใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงในการพาใบชามาถึงจุดหมายปลายทางซึ่งเป็นแหล่งอโคจรที่เธอเพิ่งมาเมื่อคืน
ใบหน้าสวยหันมองซ้ายทีขวาที ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผมหางม้าที่มัดไว้ลวกๆ สะบัดไปมา เธอเห็นว่าประตูทางเข้าออกหลักมีโซ่คล้องไว้อย่างดี ก็เลยเดินเลาะไปข้างตึกอย่างถือวิสาสะ
“ยัยหนู!”
ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก ก่อนหมุนตัวกลับมาตามเสียงเรียก พบชายสูงวัยในชุดผู้รักษาความปลอดภัยปรี่เข้ามาด้วยท่าทางขึงขัง “จะไปไหนน่ะ”
“อ้อ พอดีหนูจะมาสมัครงานค่ะ” ก็ไม่ได้โกหก...แค่มีความจริงอยู่นิดหน่อย
“ไม่มีใครอยู่หรอก หนูต้องมาตอนคลับเปิด”
“อ้าว...เหรอคะ”
“ไปๆ กลับไปก่อน”
ใบชาพยักหน้าเข้าใจ พร้อมกับเดินตามคุณลุงรปภ. ออกไปด้วยความเหงาหงอย ในใจก็พานตั้งคำถามไปเรื่อยเปื่อย ไม่วายหันมองตึกสูงอีกครั้ง เธอกำลังข้องใจว่าข้างบนนั้นไม่มีคนอยู่จริงเหรอ เพราะมันดูเหมือนมีห้องพักสังเกตได้จากคอยล์ร้อนของแอร์ที่ติดรายล้อมนับสิบตัว
สำคัญคือบางตัวมันทำงานอยู่ด้วย...
ใบชาเลือกตัดสิ่งที่มิอาจรู้ได้ทิ้งไปก่อนแล้วสาวเท้าขึ้นขนาบข้างพนักงานคนสำคัญแทน
“คุณลุงดูแลที่นี่มานานรึยังคะ” เด็กสาวเปิดหัวข้อการสนทนาอย่างนอบน้อม
“ก็ตั้งแต่เปิดใหม่ๆ แหละ”
“งั้นเจ้าของที่นี่ เขาใจดีไหมคะ” ตะล่อมเข้าประเด็นทีละนิด ทำงานมาตั้งแต่เปิด อย่างน้อยก็ต้องเคยเจอบางแหละ เธอคิดแบบนั้น หากแต่...
“ลุงก็ไม่รู้หรอก น้อยคนนักที่จะได้คุยงานตรงกับเขา ก็มีแต่ผู้จัดการเท่านั้นแหละ”
“...” รอยยิ้มสดใสค่อยๆ จางหาย
“แล้วเขาก็ไม่เคยเข้ามาที่นี่ด้วย” และจากประโยคนี้ ทำให้ใบชาหมดหวังไปในทันที
ทำไมต้องลึกลับขนาดนี้ด้วยวะ!
“แล้วรู้จักชื่อเขาไหมคะ”
“รู้แต่ว่าเป็นตระกูลมาเฟียใหญ่ แต่ลุงไม่รู้จักหรอก มาทำงานแค่รับเงินแล้วก็จบ”
มาเฟีย? คิ้วสีอ่อนย่นเข้าหากันขณะใช้ความคิด เธอไม่เข้าใจว่าทำไมมาเฟียระดับนั้นถึงลดตัวมาช่วยเหลือครอบครัวต่ำต้อยของตัวเอง
ไม่มีความเชื่อมโยงเลยสักนิด!
“ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ ไว้หนูจะมาใหม่ค่ะ” ว่าแล้วก็ยกมือไหว้ร่ำลา ใบชาเดินเตะฝุ่นมาตามทางเท้าริมถนนหนทาง เพื่อจะมุ่งเข้าสู่มหาวิทยาลัยที่อยู่ถัดไปเพียงไม่กี่ซอย
ปรี้นนนน....
การเคลื่อนไหวชะลอลงตามสัญชาตญาณ ถึงจะไม่แน่ใจว่าเสียงแตรที่ดังนั่นตั้งใจบีบใส่ตนรึเปล่า ก็ต้องหันมอง...
ปรากฏว่าใช่จริงๆ MSXสีดำตัดแดงจอดเทียบข้างเธอ หมวกกันน็อกสีหวานซึ่งต่างกับรูปแบบรถโดยสิ้นเชิงถูกถอดออก
“หวัดดี...ใบ” เพลงพิณ เป็นเพื่อนร่วมคณะที่ออกแนวเด็กหลังห้อง เธอเคยมาขอคำปรึกษาเรื่องการเรียนกับใบชาอยู่บ่อยครั้ง
เธอจำได้...
“หวัดดี”
“จะเข้ามอ.เหรอ ไปด้วยกันดิ”
“อ๋อ...อือ”
ทั้งคู่พากันไปยังหอสมุดใหญ่ประจำเซเนเซนท์ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานที่อาจารย์ทิ้งไว้ ระหว่างที่ใบชากำลังก้มหน้าก้มตากับตัวอักษรในหนังสือบนโต๊ะ เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงการจับจ้องจากเพื่อใหม่ตลอดเวลา จนในที่สุด
“มีอะไร!”
“พี่ตะวัน ที่เป็นเดือนวิศวะเขาจีบแกปะ”
คำถามตรงไปตรงมาจากเพลงทำเอาใบชาถึงกับไปต่อไม่เป็น เพราะมันดันตรงกับสมการที่เธอกำลังหาวิธีแก้อย่างเหมาะสมอยู่พอดิบพอดี
“ไม่ใช่หรอก เขาแค่ชอบกวนประสาทน่ะ เป็นพวกโรคจิต” เธอพยายามหาข้อแก้ต่างที่ดูจะเป็นไปได้มากกว่าการมาขายขนมจีบ แต่ต่อให้มาจีบจริงๆ ด้วยวิธีแบบที่เขาใช้ จ้างให้ก็ไม่ติด นายภูตะวันไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติเธอเลยสักนิด
เขาไม่มีทางแทนคนที่อยู่ในใจเธอได้...
เพราะเธอดันแอบรู้สึกดีกับบุคคลลึกลับที่แม้แต่หน้าก็ไม่เคยเห็นไปซะแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่าความเป็นไปได้มีแค่ศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซนเท่านั้น แต่เธอก็ยังแอบหวังว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนในสักวัน
จะสมหวังหรือไม่ ก็ให้มันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ตอนนี้เธอมีความสุขดีที่ได้โทรคุยหรือแชทหากันแบบนี้…